หมิงจีเองก็ยังเอาตัวเองไม่รอดเลย
ส่วนวิญญาณของนักปรุงยาผู้นั้นแม้อยากจะทำลายตัวเองก็ทำลายไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงถูกลากออกมา
ร่างในชุดสีดำนั้นลอยออกมาจากด้านหลังไป๋เหยียนเอ๋อร์ เผยกลิ่นอายชั่วร้ายอย่างเย็นชาออกมา ไม่สอดคล้องกันกับธิดาศักดิ์สิทธิ์เลยแม้แต่น้อย
ทุกคนเห็นร่างสีดำนั้นแล้ว ต่างก็อุทานขึ้นว่า “นั่นมันสิ่งใดกัน?”
“เหตุใดถึงมีตัวประหลาดออกมาจากของร่างธิดาศักดิ์สิทธิ์ได้”
ตุบ!
อ๊า! ไป๋เหยียนเอ๋อร์รู้สึกวิงเวียนศีรษะจนร่างล้มลงไปกองกับพื้น ก่อนจะกัดฟันและกรีดร้องออกมา!
ที่แท้วิญญาณของนักปรุงยาที่อยู่ในร่างของนางผู้นั้นได้ถูกบีบให้หลุดออกมา ทำให้นางเจ็บปวดจนเหงื่อผุดพรายไปทั่วทั้งตัว
“อ๊า! องค์ชายจิ่วเยี่ย ได้โปรดไว้ชีวิตด้วย! ข้าเป็นเพียงแค่เศษซากวิญญาณดวงหนึ่งก็เท่านั้น ท่านหมิงจีบีบบังคับข้า นางเป็นคนบีบบังคับข้า”
เจ้าร่างชุดดำนี้มองไปที่จิ่วเยี่ยด้วยความหวาดกลัวจนตัวสั่น
มู่เฉียนซีกล่าวเย้ยหยันว่า “ข้าคิดสงสัยอยู่แล้วเชียวว่าเหตุใดจู่ ๆ คนอย่างไป๋เหยียนเอ๋อร์ถึงได้แข็งแกร่งขึ้นได้ภายในชั่วพริบตาเช่นนี้ ที่แท้ก็เป็นเจ้าที่ช่วยนางนี่เอง!”
“อะไรนะ? เพราะเจ้าวิญญาณนี่หรอกเหรอ ธิดาศักดิ์สิทธิ์ไป๋ถึงหลอมยาลูกกลอนขั้นสวรรค์ระดับเก้าออกมาได้!”
“มีความเป็นไปได้มาก เมื่อก่อนพวกเจ้าเคยได้ยินว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ฝึกหลอมยาขั้นสวรรค์มารึไง ไม่เคย! หากนางมีพรสวรรค์เช่นนั้นจริง ๆ เหตุใดถึงไม่มีใครรู้ล่ะ”
มีคนสงสัยในตัวไป๋เหยียนเอ๋อร์ และแน่นอนว่ามีคนเชื่อไป๋เหยียนเอ๋อร์เช่นกัน
“มู่เฉียนซีต้องใส่ร้ายป้ายสีธิดาศักดิ์สิทธิ์แน่นอน นางต้องแกล้งเล่นอุบายใดเป็นแน่ ธิดาศักดิ์สิทธิ์จะทำเรื่องเช่นนั้นได้ยังไงกัน”
“เจ้าโง่ คนมีตาเขาดูออกกันทั้งนั้นว่าวิญญาณนั่นมันออกมาจากร่างธิดาศักดิ์สิทธิ์”
ในที่สุดผู้อาวุโสหูก็ได้รู้แล้วว่าเหตุใดแม่นางน้อยที่ดูเหมือนจะมีฝีมือการปรุงยาระดับธรรมดาทั่วไปผู้นี้ถึงหลอมยาลูกกลอนขั้นสวรรค์ระดับเก้าออกมาได้
เขาเอ่ยปากกล่าวว่า “หากข้าเดาไม่ผิด ท่านก็คือนักปรุงยาอันดับหนึ่งแห่งนรก ปรมาจารย์หนงใช่หรือไม่!”
ปรมาจารย์หนงกล่าว “ข้าไม่นึกเลยว่าจนถึงตอนนี้แล้ว ยังมีคนจำชื่อเสียงของข้าได้อยู่”
เขามองไปที่หวงจิ่วเยี่ย “องค์ชายจิ่วเยี่ย ข้ารู้ดีว่าเมื่อข้าตกอยู่ในกำมือของท่านแล้ว ข้าก็ไม่มีทางรอดไปได้ ข้าจะเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้ท่านฟัง ท่านก็อย่าให้ข้าตายอย่างทรมานเลยนะ”
ดวงวิญญาณนี้รับสภาพในการที่ถูกหมิงจีควบคุมไม่ไหวแล้วจริง ๆ
จิ่วเยี่ยไม่ตอบรับแต่กลับกล่าวอย่างเย็นชาออกมาว่า “พูดมา!”
ปรมาจารย์หนงกล่าว “ตกลง! ข้าจะพูด!”
“หญิงสาวผู้นี้ชื่อว่าไป๋เหยียนเอ๋อร์ ฝีมือการปรุงยาของนางก็งั้น ๆ ไม่ต้องพูดถึงยาขั้นสวรรค์หรอก แม้แต่ยาขั้นปฐพีก็ยากที่จะหลอมสำเร็จ แต่นางต้องการอันดับหนึ่งในการประลองการปรุงยาครั้งนี้ ความสามารถของนางห่วยแตกมาก แต่กลับคิดว่าตัวเองนั้นเก่งกาจกว่าสาวน้อยผู้นี้”
“และดูเหมือนว่าท่านหมิงจีก็มีความแค้นกับสาวน้อยผู้นี้ จึงปล่อยข้าออกมา ให้ข้าช่วย แม้ว่าข้าเป็นเพียงแค่เศษซากวิญญาณหนึ่ง แต่การให้วิญญาณของข้าหลอมรวมกับนาง และสอนการหลอมยาให้นาง ยังสามารถคว้าอันดับหนึ่งมาได้ แต่ข้ากลับคิดไม่ถึงเลยว่าสาวน้อยข้างกายองค์ชายจะวิปริตถึงเพียงนี้!”
“ข้าแพ้แล้ว เลื่อมใสนางอย่างหมดใจ! ต่อให้ข้าทำอย่างสุดความสามารถเพียงใด หากประลองหลอมยาขั้นสวรรค์กับสาวน้อยผู้นี้ ข้าก็สู้สาวน้อยผู้นี้ไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหญิงสาวไร้ประโยชน์ผู้นี้เลย”
ปรมาจารย์หนงยอมรับความพ่ายแพ้ด้วยใจจริง
เจ้าหมอนี่เปิดเผยเรื่องราวทุกอย่างออกไปจนหมดเปลือกแล้ว ตอนนี้ไป๋เหยียนเอ๋อร์โกรธเกรี้ยวและอับอายจนแทบจะมุดแผ่นดินหนี
“พระเจ้าช่วย! ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง ธิดาศักดิ์สิทธิ์ไป๋ขี้โกง!”
“ไร้ความสามารถก็ทีนึงแล้ว ไม่นึกเลยว่าจะขี้โกงด้วยวิธีสกปรก ๆ เช่นนี้อีก!”
“โชคดีนะที่เรื่องราวถูกเปิดโปงได้ หากปล่อยให้คนเช่นนี้มาเป็นนักปรุงยาอันดับสองแห่งดินแดนสี่ทิศแล้วละก็ คงต้องเป็นความอับอายที่สุดของดินแดนสี่ทิศของพวกเราเป็นแน่”
ผู้อาวุโสหูกล่าว “ธิดาศักดิ์สิทธิ์ไป๋เหยียนเอ๋อร์แห่งตำหนักตงจี๋ ฉ้อโกงกฎการประลองโดยไม่สนใจสิ่งใด ข้าขอประกาศยกเลิกคะแนนทั้งหมดของนาง และตัดสิทธิ์ทั้งหมดของนางออก”
นี่ไม่ใช่แค่การตัดสิทธิ์ในการประลองเท่านั้น ไป๋เหยียนเอ๋อร์กระทำเรื่องเช่นนี้ในการประลองการปรุงยาครั้งใหญ่ เกรงว่านักปรุงยาทั่วทั้งดินแดนสี่ทิศคงรู้สึกแย่ต่อตำหนักตงจี๋มาก!
ขณะเดียวกันจิ่วเยี่ยก็ทำให้ปรมาจารย์หนงหายสาบสูญไปทันที นี่นับว่าเขาได้ตายไปอย่างสงบแล้ว
จากนั้น จิ่วเยี่ยก็เหลือบมองไปที่ไป๋เหยียนเอ๋อร์ที่กำลังโกรธเกรี้ยวจนสีหน้าคล้ำเขียวผู้นั้น
ดวงตาของไป๋เหยียนเอ๋อร์พลันดำมืดขึ้น “ข้าจะไป เจ้าไม่มีทางขวางข้าได้หรอกหวงจิ่วเยี่ย”
หมิงจีใช้พลังแห่งนรกฉีกมิติหลบหนี ส่วนจิ่วเยี่ยก็ไม่ได้ตามไปให้เปลืองแรง
เขารู้ดีว่าหากเขาเปิดศึกต่อสู้กับหมิงจีโดยสมบูรณ์ จะต้องทำให้เกิดสายฟ้าลงทัณฑ์ปกป้องดินแดนอีกแน่นอน
การประลองการปรุงยาครั้งนี้สิ้นสุดลง และมู่เฉียนซีก็คว้าอันดับหนึ่งไปได้อย่างไม่ต้องสงสัย
ผู้อาวุโสหูมอบรางวัลอันดับหนึ่งให้กับมู่เฉียนซีด้วยตัวเอง
เขากล่าว “นี่เป็นของล้ำค่าที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์รัชทายาทเป่ยกง พวกข้าไม่มีสิทธิ์เปิดมัน มีเพียงแค่ผู้ที่ได้อันดับหนึ่งเท่านั้นที่จะเปิดมันได้ พวกข้าก็แปลกใจมากเหมือนกันว่ามันเป็นของล้ำค่าใดกันแน่ เจ้ารีบเปิดเถอะ!”
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าเองก็แปลกใจมากเหมือนกัน!”
มู่เฉียนซีเปิดกล่องนั้น และจู่ ๆ ก็ปรากฏลำแสงหกสีขึ้น หม้อยาที่ทำมาจากผลึกแก้วปรากฏขึ้นในกล่อง
หม้อยานี้ดุจดั่งหญิงงามที่มิอาจหาที่ใดเปรียบได้
ผู้อาวุโสหูอุทานขึ้นว่า “พระเจ้าช่วย! หม้อผลึกแก้วหกสี!”
“หม้อผลึกแก้วหกสี หนึ่งในหม้อเลียนแบบของหม้อเทพนิรันดร์ เป็นหม้อยาที่สวยที่สุด”
“ข้าได้ยินมานานแล้วว่าองค์รัชทายาทเป่ยกงได้หม้อยานี้มานานแล้ว แต่นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะใจกว้างเอามาเป็นรางวัลเช่นนี้ นี่องค์รัชทายาทคิดจะทำอะไรกันแน่”
กู้ไป๋อีก็เห็นหม้อยาอันสวยงามนี้แล้ว เขารู้ดีว่าเป่ยกงจั๋วไม่ใช่คนใจกว้างเช่นนี้แน่นอน
ถึงกับมอบของล้ำค่าเช่นนี้มาให้ แสดงให้เห็นว่าเขามีความปรารถนาต่อซีมาก
สีหน้าของกู้ไป๋อียิ่งทวีความเย็นชามากขึ้นเรื่อย ๆ! เป่ยกงจั๋ว!
จิ่วเยี่ยไม่รู้ว่ามู่เฉียนซีกับเป่ยกงจั๋วได้ตกลงกัน หากเขารู้ คาดว่าราชวงศ์เป่ยกงไม่มีทางจะได้อยู่อย่างสงบสุขแน่นอน
เขาคิดเพียงแค่หม้อยานี้เป็นของรางวัลธรรมดามากสำหรับซี
ชิงมู่กล่าว “นายท่าน นี่คือเสี่ยวลิ่ว!”
มู่เฉียนซีตกใจผงะไปครู่หนึ่ง “แต่เจ้าหมอนี่เงียบมาก!”
“ดูเหมือนว่าเสี่ยวลิ่วจะยังไม่ตื่น ก็เลยเงียบสงบไป!”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง หลับไปแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”
นอกจากเจ้าชิงมู่แล้วก็ไม่มีใครได้เรื่องเลย เจ้าเสี่ยวลิ่วผู้นี้ก็คงจะไม่ได้ต่างอะไรนัก
หลับไปเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน
วางเอาไว้เป็นเครื่องประดับข้าง ๆ ก็พอแล้ว
การที่มู่เฉียนซีได้รางวัลนี้ไปทำให้คนจำนวนมากรู้สึกอิจฉาตาร้อนขึ้น
ในตอนนี้เอง ก็มีคนลุกขึ้น
“เจ้าไม่คู่ควรกับมหาศักดิ์สิทธิ์เทพนี้!”
“ใช่! หม้อยานี้เป็นหม้อยาที่ใกล้ชิดหม้อเทพนิรันดร์มากที่สุด เจ้าเป็นแค่นักปรุงยาระดับต่ำ คิดจริง ๆ เหรอว่าการที่เจ้าหลอมยาลูกกลอนขั้นสวรรค์ระดับเก้าได้แล้วคิดว่าจะเจ๋ง จะมีสิทธิ์แล้ว ข้าจะบอกให้เจ้ารู้เอาไว้นะ พวกเราสำนักโอสถฯ สามารถหลอมยาขั้นสวรรค์ออกมาได้เป็นกอง ๆ!”
“เจ้าไม่มีทางใช้มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนี้ให้คุ้มค่าได้หรอก”
ผู้ที่ลุกขึ้นกล่าวแสดงความไม่พอใจออกมาเหล่านี้ ก็คือศิษย์สำนักโอสถฯ
หากรางวัลเป็นอย่างอื่น ก็คงจะไม่ได้อยู่ในสายตาพวกเขา
แต่นี่เป็นถึงมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพ!
ผู้อาวุโสหูกล่าวขึ้นด้วยความเกรี้ยวกราดว่า “พวกเจ้าหยุดหาเรื่องได้แล้ว”
แต่พวกเขาก็ยังไม่ยอมตัดใจ มองไปที่มู่เฉียนซีและกล่าวว่า “มู่เฉียนซี นักปรุงยาอันดับหนึ่งแห่งดินแดนสี่ทิศ เจ้ากล้าประลองกับพวกข้าสักตั้งหรือไม่?”
.