จิ่วเยี่ยไม่ได้สนใจพวกเขาแม้แต่น้อย แต่ก็ยังทิ้งคำพูดให้คนสำนักโอสถฯ เหล่านั้นประโยคหนึ่ง
“ส่งของเดิมพันทั้งหมดไปที่หอหมอปีศาจ หากผู้ใดกล้าคิดตุกติกแอบซ่อนของ ข้าจะไปหาพวกเจ้าถึงสำนักโอสถฯ แน่นอน!”
ถึงแม้ว่าซีจะต้องพักผ่อน แต่ของเดิมพันที่ตกลงกันไว้ก็ต้องเก็บมาให้ครบถ้วน
องค์ชายจิ่วเยี่ยกล่าววาจาเช่นนี้ออกมาแล้ว ต่อให้คนสำนักโอสถฯ อยากจะผิดคำพูดมากเพียงใดก็ไม่กล้าทำ!
ส่วนเรื่องตุกติกแอบซ่อนของอะไรนั่น พวกเขาก็ไม่กล้าทำเช่นกัน
“พักผ่อนเถอะ!”
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้ายังไม่เหนื่อยสักหน่อย”
นางเอาโอสถออกมาหลายขวดและดื่มไป ก่อนจะมองหน้าจิ่วเยี่ยและกล่าวว่า “กว่าพลังจะสูงเช่นนี้ได้มันไม่ง่ายเลยนะ จิ่วเยี่ย เจ้ามาเป็นคู่ซ้อมเป็นเพื่อนข้าสักหน่อยสิ!”
จิ่วเยี่ยเองก็คิดไม่ถึงว่าจะถูกเชิญให้ไปประลองฝีมือด้วย
มู่เฉียนซีกลับกล่าวด้วยอารมณ์คึกคักว่า “ห้ามปฏิเสธเด็ดขาด หากเจ้าชนะข้ามีรางวัลให้ แต่หากเจ้าแพ้ล่ะก็…”
ดวงตาของมู่เฉียนซีเปล่งประกายขึ้น ดินแดนสี่ทิศควบคุมพลังของจิ่วเยี่ยเหลือเพียงแค่ขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าขั้นสูงสุดเท่านั้น
ตอนนี้ทั้งสองมีพลังเท่าเทียมกัน แม้ว่าโอกาสเอาชนะจิ่วเยี่ยนั้นมันจะยากมาก แต่นางก็ยากจะลองดูสักครั้ง
ยาดีเช่นนี้ไม่อาจปล่อยให้มันเปล่าประโยชน์เด็ดขาด!
จิ่วเยี่ยมองหน้ามู่เฉียนซีพลางกล่าว “หากข้าแพ้ ข้าจะให้รางวัลเจ้า!”
“ข้าไม่ต้องการรางวัลจากเจ้า หากเจ้าแพ้ ก่อนกลับ เจ้าต้องเชื่อฟังข้า ทุกอย่าง!”
“ตามใจเจ้า! เพียงแต่ว่า…ข้าไม่มีทางแพ้แน่”
“องค์ชายจิ่วเยี่ย เจ้าอย่าได้มั่นใจเกินไปหน่อยเลย อุบายของข้ามีอีกมากเชียวนะ!”
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จิ่วเยี่ยจึงไม่ได้พามู่เฉียนซีกลับไปยังหอหมอปีศาจ แต่กลับพานางไปนอกเมือง
ตูม! คลื่นพลังอันแข็งแกร่งระเบิดขึ้นที่นอกเมืองแล้ว
พลังธาตุวารีอันเย็นยะเยือก พลังธาตุอัคคีอันร้อนแรง และยังมีพลังมืดอันน่าสะพรึงกลัวที่สุด
เพิ่งจะผ่านไปสามกระบวนท่าแรก มู่เฉียนซีก็รับไม่ไหวแล้ว
แม้ว่าระดับพลังวิญญาณจะเท่ากัน แต่ความแตกต่างนั้นเห็นได้อย่างชัดเจน
มู่เฉียนซีกล่าว “เอาอีก!”
ในขณะที่มังกรเพลิงพุ่งออกไป เข็มยาของมู่เฉียนซีก็พุ่งไปที่จิ่วเยี่ยราวกับเทพธิดาโปรยบุปผาก็มิปาน
ช่วยไม่ได้ รับมือกับคนที่จัดการได้ยากอย่างจิ่วเยี่ยเช่นนี้ นางจำเป็นต้องทุ่มสุดตัว
ปัง!
พลังของทั้งสองปะทะกันอีกครั้ง แต่ทุกครั้งที่จิ่วเยี่ยลงมือล้วนแต่ยั้งมือทุกครั้ง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้มู่เฉียนซีได้รับบาดเจ็บ
ร่างในชุดม่วงกับชุดดำพัลวันกันอยู่กลางอากาศ ไม่รู้ว่าประมือกันมากี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว จนกระทั่งพลังวิญญาณขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าของมู่เฉียนซีจางหายไป นางเกือบร่วงลงมาจากกลางอากาศ
ร่างในชุดดำเคลื่อนไหวไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า จิ่วเยี่ยกอดมู่เฉียนซีเอาไว้ในอ้อมแขน
“อวดดี!” แม้ว่าน้ำเสียงจะแฝงไปด้วยความตำหนิ แต่ก็จนปัญญากับนางจริง ๆ
มู่เฉียนซียิ้มราวกับคนไร้หัวใจพลางกล่าวว่า “โอกาสเช่นนี้หาได้ยากนัก ข้าก็อยากจะสนุกสักหน่อยไม่ได้รึไง! แต่อย่างไรมันก็คุ้มค่าแล้วล่ะ”
ทว่า ตอนนี้ดูเหมือนว่าร่างกายของนางจะแตกสลายแล้วก็มิปาน นางไม่อยากขยับเลยแม้แต่น้อย
“รบกวนองค์ชายจิ่วเยี่ยส่งข้ากลับไปพักผ่อนหน่อยได้หรือไม่ ข้าอยากงีบหลับสักพัก”
จิ่วเยี่ยพยักหน้าพลางกล่าว “อืม!”
และในขณะที่มู่เฉียนซีกำลังพักผ่อนอยู่นั้น คนของสำนักโอสถฯ ก็มาถึงหอหมอปีศาจแล้ว พวกเขาเอาของเดิมพันมามอบให้มู่เฉียนซี เสร็จแล้วก็รีบกลับไปทันที
เพราะพวกเขาไม่กล้าตุกติกแม้แต่น้อย และในขณะที่เยวี่ยเจ๋อนับสิ่งของเหล่านี้แล้ว เขาก็ถึงกับตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น
เขาทำงานอย่างหนักมาตลอดทั้งปี แต่พี่ใหญ่กลับใช้เวลาเพียงแค่วันเดียวก็สามารถคืนกำไรกลับมาให้หอหมอปีศาจได้ถึงสิบเท่า
และไม่ใช่เพียงเท่านั้น ไม่นานนักก็มีคนมารายงานว่า
“ท่านรองหัวหน้าขอรับ เงินที่ได้มาจากการเดิมพันครั้งนี้พวกเราเก็บมาแล้ว ทั้งหมดก็…”
เจ้ามือในการให้วางเดิมพันในครั้งนี้ก็คือหอหมอปีศาจ
คนที่วางเดิมพันผู้นำตระกูลมู่มีน้อยมาก ดังนั้นการเดิมพันครั้งนี้ หอหมอปีศาจจึงกวาดมาเรียบ
ได้กำไรกองใหญ่เพิ่มมาอีกกอง จนตอนนี้เยวี่ยเจ๋อก็รู้สึกว่าตนเองสามารถลาพักร้อนได้แล้ว
เนื่องจากได้กำไรมามากมายเช่นนี้ ต่อให้หอหมอปีศาจปิดการค้าไปเป็นเวลาหนึ่งปี ก็มีเงินเพียงพอหมุนเวียนในการใช้จ่าย
หลังจากที่ประลองฝีมือกับจิ่วเยี่ยเสร็จมู่เฉียนซีก็หลับไปหนึ่งวันเต็มกว่าจะตื่นขึ้นมา ทันทีที่ตื่นขึ้นนางก็หันไปมองชายหนุ่มรูปงามผู้เย็นชาข้างกายผู้นี้
“ข้าแพ้แล้ว!”
ไม่ว่าจะเป็นพิษ! ทักษะวิญญาณ! การลอบโจมตีด้วยวิธีต่าง ๆ นางก็ลองมาหมดแล้ว
แต่มันก็ใช้ไม่ได้ผลกับจิ่วเยี่ย!
จิ่วเยี่ยมองมู่เฉียนซีพลางกล่าว “แล้วรางวัลล่ะ!”
มู่เฉียนซีขยับตัวเข้าใกล้จิ่วเยี่ย ยื่นใบหน้าไปหอมแก้มเขาครั้งหนึ่ง
“อืม! นี่รางวัลของเจ้า”
จิ่วเยี่ยขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย “นี่ซีกำลังทำอย่างขอผ่านไปที!”
มู่เฉียนซีกล่าว “หากไม่ทำอย่างขอผ่านไปทีเช่นนี้ จะให้เจ้ากระทำต่อข้าอย่างตามใจเจ้าอย่างนั้นเหรอ ข้าจะเดินทางไปเซี่ยโจว มีเรื่องต้องจัดการ!”
“จะไปช่วยคนผู้นั้น!” แสงสลัววาบผ่านดวงตาของจิ่วเยี่ย
อันที่จริงองค์ชายจิ่วเยี่ยจำชื่อคนผู้นั้นไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่คนที่ซีให้ความสำคัญ เขารู้สึกเกลียดชังมาก
“รางวัลเล็กน้อยเท่านี้ เจ้าคิดว่าข้าจะพอใจอย่างนั้นเหรอ?”
จิ่วเยี่ยคว้ามู่เฉียนซีมากอด กักขังนางไว้ในอ้อมอก
ไม่อยากให้นางไปเจอคนอื่น และไม่อยากให้นางไปช่วยคนอื่นด้วย
“เจ้าอย่า…อือ…” มู่เฉียนซีจะคัดค้านการกระทำของเขา แต่กลับถูกจิ่วเยี่ยจูบปิดปากเอาไว้จนพูดไม่ออก
จิ่วเยี่ยใช้อำนาจบาตรใหญ่จูบนาง จู่โจมอย่างรวดเร็วจนทำให้นางไม่มีแรงขัดขืน
หลังจากจูบนี้ผ่านไป เขาก็กอดมู่เฉียนซีแน่น
“ข้าจะทำเกินไป และจะทำยิ่งกว่านี้ด้วย”
มู่เฉียนซีอยากจะแกล้งตายจริง ๆ ทว่า ดวงตาอันเร่าร้อนแผดเผาคู่นั้นของจิ่วเยี่ย ต่อให้นางแกล้งตายก็ไร้ประโยชน์
มู่เฉียนซีกล่าว “จิ่วเยี่ย เจ้าไม่อยากกลับไปเยี่ยมบ้านด้วยกันกับข้าเหรอ หากเจ้ายังเล่นกับไฟอยู่เช่นนี้ระวังสุ่ยจิงอิ๋งจะส่งเจ้ากลับไปนะ”
บ้าน! เขาไม่มีความรู้สึกคะนึงหาถึงแคว้นจื่อเยี่ย
แต่เมื่อได้ยินคำว่า ‘ด้วยกัน’ เขาก็อดใจสั่นไม่ได้
นั่นเป็นสถานที่ที่ทั้งสองได้เจอกันครั้งแรก!
“ก็ได้!”
“งั้นเจ้าก็รีบปล่อยข้าได้แล้ว” มู่เฉียนซีขัดขืน
แต่ผลลัพธ์ที่ได้ จิ่วเยี่ยกลับกอดนางแน่นขึ้น และบรรจงจูบนางอีกครั้ง
และแน่นอนว่าจิ่วเยี่ยก็ไม่ได้กระทำเกินเลยต่อไปอีกแล้ว สุดท้ายเขาก็ยอมปล่อยมู่เฉียนซีแต่โดยดี
มู่เฉียนซีรีบร้อนไปเก็บของ เพราะกลัวว่าจิ่วเยี่ยจะดึงตัวกลับไปอีกครั้ง
นางไปหาเยวี่ยเจ๋อ และกล่าวกับเขาว่า “เยวี่ยเจ๋อ ข้าให้เจ้าลาพักร้อนได้ กลับไปเยี่ยมบ้านที่เซี่ยโจวกันเถอะ!”
เยวี่ยเจ๋อกล่าวด้วยความตื่นเต้นว่า “เยี่ยมไปเลย!”
มู่เฉียนซีใช้หอฉงโหลวบนเมฆาอีกครั้ง หอฉงโหลวบนเมฆาปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศทำให้คนจำนวนมากตื่นเต้นขึ้นไม่น้อย
พวกเขายังไม่ทันได้ขึ้นไปตามล่าหาของล้ำค่า หอหมอปีศาจก็ได้ปล่อยข่าวออกไปว่าหอฉงโหลวบนเมฆานี้เป็นมหาวัตถุเทพของเจ้าของหอหมอปีศาจ และได้ยอมรับเจ้านายแล้ว
หอฉงโหลวบนเมฆาที่ยอมรับเจ้านายแล้วเช่นนี้ หากไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เป็นนาย ก็ไม่มีใครสามารถเข้าไปได้
จิ่วเยี่ยโอบกอดมู่เฉียนซีพุ่งตัวเข้าไปในหอฉงโหลวบนเมฆา เยวี่ยเจ๋อและเหล่าบรรดาองครักษ์เงาของตระกูลมู่ที่มู่เฉียนซีเลือกก็ตามเข้าไปในหอฉงโหลวบนเมฆาด้วยเช่นกัน
มู่เฉียนซีกล่าว “ออกเดินทาง! ไปที่ทุ่งน้ำแข็งทางใต้ของเซี่ยโจว”
หอฉงโหลวรีบตอบรับ “ขอรับ นายท่าน!”
หอฉงโหลวบนเมฆาหายลับไปในท้องนภา เคลื่อนไหวไปด้วยความเร็วที่เร็วที่สุดมุ่งหน้าไปเซี่ยโจว
ในเวลาเดียวกันนี้ ตำหนักตงจี๋ก็ได้เรียกทุกคนให้มาประชุมกัน ไป๋อู๋ห่ายกล่าว “อีกไม่นานพระนางจะส่งคนลงมา หากพวกเรายังเอากระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์มาไม่ได้ นั่นหมายความว่าพวกเราทำภารกิจไม่ได้เรื่อง อวิ๋นซิว เราจำเป็นต้องลงมือแล้ว”
เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “ท่านวางแผนจะทำเช่นไร?”
“ที่ตอนนี้มู่เฉียนซีกำเริบเสิบสานได้ถึงเพียงนี้ ก็เป็นเพราะว่ามีตำหนักเป่ยหานคอยหนุนหลังอยู่ เราควรลงมือทำอะไรบางอย่างเพื่อกดดันตำหนักเป่ยหานบ้าง”
เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “เช่นนั้นเรื่องต่อจากนี้ก็มอบให้เป็นหน้าที่ของท่านหัวหน้าตำหนักจัดการก็แล้วกัน ข้าจะเป็นฝ่ายสนับสนุน”
ไป๋อู๋ห่ายกล่าว “เจ้าสนับสนุนได้ก็เป็นเรื่องที่ดีมากแล้ว”
เวลาผ่านไปไม่นานนัก หอฉงโหลวบนเมฆาก็กล่าวขึ้นว่า “นายท่าน ถึงแล้วขอรับ”
มู่เฉียนซีทอดสายตามองไปด้านนอก หิมะลอยอยู่บนท้องฟ้าดุจดั่งปุยนุ่น พวกเขามาถึงทุ่งหิมะที่เย็นยะเยือกและเงียบงันแห่งเซี่ยโจวแล้ว เจ้าลามกเซี่ย นอนหลับใหลอยู่ในที่แห่งนี้!
.