กู้ไป๋อีจำใจตอบรับ “อืม!”
ครั้งนี้ มู่เฉียนซีกับกู้ไป๋อีไปพบเป่ยกงจั๋วที่วังใต้ดินด้วยกัน
ลำแสงหนึ่งส่องแสงสว่างเจิดจ้าขึ้นบนทะเลสาบน้ำแข็งหิมะ และมู่เฉียนซีก็ได้เห็นใบหน้าของคนผู้นั้นที่เหมือนกับเสี่ยวไป๋มากอีกครั้ง
จะว่าเหมือนก็เหมือน สมบูรณ์แบบก็ใช่ แต่มองยังไงมู่เฉียนซีก็ไม่มีความรู้สึกดีต่อคนผู้นี้เลยแม้แต่น้อย
มู่เฉียนซียิ้มเล็กน้อยพลางกล่าว “องค์รัชทายาทเป่ยกง เจอกันอีกแล้วนะ ผลลัพธ์การประลองการหลอมยาแห่งดินแดนสี่ทิศในครั้งนี้เจ้าก็คงจะรู้แล้วกระมัง!”
เป่ยกงจั๋วมองไปที่มู่เฉียนซีพลางยิ้มอย่างอ่อนโยนและกล่าวว่า “เรื่องนี้ข้ารู้แล้วล่ะ ไม่เพียงเท่านั้น ข้านึกไม่ถึงเลยว่าฝีมือการปรุงยาของเจ้าจะเอาชนะศิษย์สำนักโอสถฯ เหล่านั้นได้ แถมยังได้ของดีมาไม่น้อยเลย”
“องค์รัชทายาทเป่ยกงรู้ข่าวไวดีเหมือนกันนะ!” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเฉยเมย
“ถึงแม้ว่าคนของสำนักโอสถฯ เหล่านั้นจะไม่ใช่อัจฉริยะ แต่ด้วยพลังวิญญาณของเจ้าเช่นนั้น เจ้ากลับสามารถทำให้สำเร็จได้ ข้าชื่นชมเจ้าจริง ๆ” เป่ยกงจั๋วยิ้มพลางกล่าว
“ขอบคุณองค์รัชทายาทเป่ยกงสำหรับคำชม” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างถ่อมตน
“เจ้ากับหานมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน สนิทกันถึงเพียงนี้ แต่กลับเรียกขานข้าเช่นนี้ มันทำให้ข้าเสียใจมากนะ เจ้าเรียกข้าว่าจั๋ว เป็นเช่นไร?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ กู้ไป๋อีที่นิ่งเงียบมาโดยตลอดก็มีสีหน้าเย็นชาขึ้นแล้ว
เขากล่าว “เป่ยกงจั๋ว เจ้าก็คือเจ้า ข้าก็คือข้า ตอนนี้ข้าคือกู้ไป๋อี ไม่ใช่เป่ยกงหาน!”
เป่ยกงจั๋วกล่าว “หานยังคงเย็นชาเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน เราเป็นพี่น้องท้องเดียวกันนะ!”
มู่เฉียนซีกล่าว “องค์รัชทายาทเป่ยกง ที่ข้ามาวันนี้ไม่ได้จะมาพูดเรื่องเหล่านี้ เงื่อนไขของเจ้า ข้าทำให้แล้ว งั้นเจ้าก็ควรจะทำตามสัญญาแล้วสิ ตำหนักตงจี๋ กำลังจะลงมือ!”
เป่ยกงจั๋วกล่าว “ข้าเป็นคนรักษาสัจจะอยู่แล้ว หากข้าได้รับแจ้งข่าวว่ามู่หลินหลางส่งคนมาเมื่อไร ข้าจะส่งคนไปช่วยพวกเจ้า! และตำหนักเป่ยหานก็จะให้ความร่วมมือกับพวกเจ้าอย่างสุดกำลัง”
มู่เฉียนซีกล่าว “ดี! ในเมื่อเป็นเช่นนั้น งั้นพวกข้าจะไปเตรียมความพร้อม!”
“เสี่ยวไป๋ ไปกันเถอะ!”
มู่เฉียนซีกับกู้ไป๋อีไม่ไว้หน้าเขาเลยแม้แต่น้อย กล่าวจบก็หันหลังเดินจากไป
เป่ยกงจั๋วกล่าวขึ้นว่า “ไม่อยู่พูดคุยกับข้าสักหน่อยเหรอ ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้าและหานเยอะเลย!”
มู่เฉียนซีกล่าว “ไม่แล้วล่ะ! องค์รัชทายาทเป่ยกงมีเรื่องมากมายต้องทำ ข้าไม่อยากรบกวนเวลาของเจ้า”
กล่าวจบ ก็เดินจากไปทันที
ร่างของเป่ยกงจั๋วค่อย ๆ อันตรธานหายไปจากม่านแสงนั้น แต่สีหน้านั้นค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำอย่างช้า ๆ
ช่างเป็นหญิงสาวที่ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย ดีจริง ๆ!
บรรยากาศของตำหนักเป่ยหานและตำหนักตงจี๋เต็มไปด้วยความตึงเครียด กองกำลังต่าง ๆ ในดินแดนสี่ทิศต่างก็ครุ่นคิดพิจารณาปัญหาในการเลือกฝ่าย
แน่นอนว่าคนจำนวนมากเลือกที่จะวางตัวออกห่าง ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย
นายน้อยเกาะไห่เทียนกับนักปรุงยาตายไปที่การประลองการปรุงยาในครั้งนี้ เมื่อพวกเขารู้ข่าวก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ รีบพากันไปที่ห้องโถง
หลังจากที่ไป๋เหยียนเอ๋อร์รู้ข่าวนี้เข้าก็ดีอกดีใจมาก “ท่านพ่อ นี่เป็นโอกาสดี นายน้อยผู้ไร้ประโยชน์ของเกาะไห่เทียนผู้นั้นต้องถูกมู่เฉียนซีฆ่าเป็นแน่ แม้ว่าข้าจะไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเองก็ตาม!”
“มันดีจริง ๆ!” ไป๋อู๋ห่ายกล่าวด้วยความตื่นเต้น
ตอนนี้พวกเขาทำได้เพียงแค่ต่างฝ่ายต่างยืนกรานไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน ไม่กล้าลงมือ เพราะพวกเขาเป็นกองกำลังระดับเดียวกัน
ยิ่งไปกว่านั้น เบื้องหลังของมู่เฉียนซีมีหมอปีศาจคอยหนุนหลังอยู่ อันที่จริงแล้วพวกเขานั้นอ่อนแอกว่ามาก
แต่หากมีเกาะไห่เทียนเข้ามาร่วมด้วย จะต้องเปลี่ยนสถานการณ์ได้แน่นอน
“ข้าจะไปพบทูตของเกาะไห่เทียนด้วยตัวเอง!”
หลายวันที่ผ่านมานี้ ซวนอีรู้สึกได้ว่านายน้อยของพวกเขานับวันก็ยิ่งนิ่งเงียบมากขึ้นเรื่อย ๆ
ดูเหมือนว่าจะไม่มีท่าทีโกรธเกรี้ยวแต่อย่างใด ดวงตาของเขามืดสลัวลง พวกเขาจะต้องเป็นศัตรูกับสาวน้อยผู้นั้นเสียแล้ว
ในใจของนายน้อยคงไม่อยากเป็นศัตรูกับนางเลยสักนิด ไม่เพียงแค่เพราะนางเคยช่วยชีวิตนายน้อยเอาไว้หลายครั้งหลายคราเท่านั้น แต่นางยังเป็นคนที่พิเศษสำหรับนายน้อยอีกด้วย
เห็นท่าทางของนายน้อยเช่นนี้แล้ว เขาก็อยากจะพูดอะไรออกมาแต่ก็ไม่กล้าพูด
เรื่องนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ มิเช่นนั้นนายน้อยก็คงไม่ต้องมานั่งเจ็บปวดทรมานใจอยู่เช่นนี้
และในขณะที่ตำหนักตงจี๋กับตำหนักเป่ยหานกำลังจะเปิดศึกสู้รบกันนั้น ก็ดูเหมือนว่าจะมีคนเล่นตลกกับพวกเขา
แดนเหนือ ณ เมืองโยว กำลังจะจัดการประมูลครั้งใหญ่ขึ้น และการประมูลครั้งนี้จะมีการประมูลแผนที่ที่อยู่ของกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ด้วย
เมื่อข่าวนี้เผยแพร่ออกมาทุกคนก็ตกตะลึงขึ้น!
“นี่ล้อเล่นบ้าอะไรกัน! กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ไม่ใช่อยู่ที่มู่เฉียนซีหรอกเหรอ เมืองโยวมาเปิดประมูลแผนที่กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์เช่นนี้ เล่นตลกอะไรกันแน่”
“เมืองโยวไม่มีทางปล่อยข่าวนี้ออกมาโดยไม่มีเหตุผลแน่นอน หรือว่ากระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ที่ท่านผู้นำตระกูลมู่ครอบครองอยู่มันเป็นของปลอมอย่างนั้นเหรอ?”
“เป็นไปไม่ได้! กระบี่ของผู้นำตระกูลมู่เล่มนั้นแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น จะเป็นของปลอมไปได้ยังไง?”
“……”
เมืองโยว เป็นเมืองประมูลใต้ดินเมืองหนึ่ง
เมืองนี้ไม่ได้เป็นกองกำลังระดับใด แต่หากมีของล้ำค่าจะประมูล พวกเขาก็จะเผยแพร่ข่าวออกมา
การประมูลแต่ละครั้งเว้นช่วงเวลายาวนานมาก บางทีสี่สิบห้าสิบปี บางทีหลายร้อยปีกว่าจะเปิดประมูลสักครั้ง
ทว่า ของประมูลแต่ละครั้งของพวกเขานั้น ล้วนแต่เป็นของล้ำค่าที่ทำให้ผู้คนบ้าคลั่งทั้งสิ้น
แผนที่ของกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ก็เป็นของล้ำค่าที่น่าทึ่งเช่นกัน แต่ตอนนี้คนทั้งดินแดนสี่ทิศล้วนแต่รู้แล้วว่ากระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์อยู่ที่ใด!
“หรือว่าข่าวของเมืองโยวมีการคลาดเคลื่อนอย่างนั้นเหรอ?”
“ต่อให้ข่าวคลาดเคลื่อน แต่เรื่องที่ผู้นำตระกูลมู่ครอบครองกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์พวกเขาก็ต้องรู้สิ! เรื่องนี้มันแปลก ๆ นะ!”
“……”
ทั้งสองฝ่ายที่กำลังเตรียมการต่อสู้กัน เมื่อรู้ข่าวนี้เข้าก็ตกตะลึงขึ้น เฟิงอวิ๋นซิวที่นิ่งเงียบมาโดยตลอดก็รีบไปหาไป๋อู๋ห่ายทันที
“ข่าวนี้มีความเป็นไปได้มากว่าเป็นเรื่องจริง เราควรหยุดการต่อสู้กับตำหนักเป่ยหานก่อน!”
ข่าวที่ทำให้ทุกคนแปลกใจเช่นนี้ กลับทำให้เฟิงอวิ๋นซิวแอบดีใจขึ้น
ไป๋อู๋ห่ายกล่าว “เห็น ๆ กันอยู่ว่ากระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์อยู่ในมือสาวน้อยนั่น แล้วแผนที่นี้มันจะมีประโยชน์อะไร?”
เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “ครั้งก่อน ข้าคว้ากระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ปลอมมาได้ ไม่มีใครรับประกันได้เลยว่ากระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ในมือมู่เฉียนซีจะเป็นของจริงหรือของปลอม มิเช่นนั้นจนถึงตอนนี้แล้วเหตุใดนางยังเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุวารีอยู่อีกล่ะ!”
ไป๋อู๋ห่ายกล่าว “แม้ว่ามันจะแปลก ๆ แต่เจ้าแน่ใจเหรอว่าไม่ใช่เพราะเจ้าต้องการจะปกป้องสาวน้อยนั่น จึงไม่อยากจะลงมือกับนาง?”
“ชื่อเสียงของเมืองโยวเป็นเช่นไร เจ้าย่อมรู้ดีกว่าข้า พวกเขาไม่มีทางเอาเรื่องใหญ่เช่นนี้มาล้อเล่นแน่นอน การเปิดศึกกับตำหนักเป่ยหานเป็นสิ่งที่พวกเรารอได้ แต่การประมูลในครั้งนี้พวกเราจะพลาดไม่ได้เด็ดขาด มิเช่นนั้น อาจจะพลาดกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์เล่มจริงไปได้ แล้วหากองค์หญิงมีคำสั่งให้ลงโทษ…” แสงเย็นวาบผ่านดวงตาสีอำพันคู่นั้นของเฟิงอวิ๋นซิว
หลังจากที่ไป๋อู่ห่ายชั่งน้ำหนักถึงข้อดีข้อเสียแล้ว เขาก็กล่าวขึ้นว่า “ก็ได้ ไปประมูลเอาแผนที่นั่นมาก่อน!”
กระบี่ในมือตัวเองเป็นของจริงหรือของปลอมนั้น มู่เฉียนซีย่อมรู้ดี
แต่ข่าวนี้…
กู้ไป๋อีกล่าว “ข่าวที่ออกมาจากเมืองโยวไม่เคยมีข่าวไหนที่เป็นข่าวปลอม”
มู่เฉียนซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า “เมืองโยวปล่อยข่าวออกมาเช่นนี้ งั้นก็มีความเป็นไปได้อยู่เพียงอย่างเดียว แผนที่นั่น น่าจะเป็นที่ตั้งอยู่ของฝักกระบี่”
ส่วนอื่น ๆ อยู่ในมือของนาง ส่วนเจ้าพิฆาตวิญญาณล่องลอยอยู่ข้างนอก
มีเพียงอย่างเดียวนั่นก็คือฝักกระบี่!
มังกรเพลิงกล่าวขึ้นด้วยความตื่นเต้นว่า “เยี่ยมไปเลย มีข่าวของฝักกระบี่แล้ว! หากได้มันมา บางทีเราอาจจะรับมือกับเจ้าพิฆาตวิญญาณได้ก็ได้”
ดวงตาของมู่เฉียนซีเคร่งขรึมลง หากเป็นข่าวของฝักกระบี่จริง ๆ มันก็ดี แต่สิ่งที่นางกลัวนั่นก็คือ…
กับดัก! กับดักของเจ้าพิฆาตวิญญาณ ถึงแม้ว่าเจ้านั่นจะถูกจิ่วเยี่ยทำร้ายให้ได้รับบาดเจ็บไป แต่ก็ไม่ถึงกับต้องรักษาตัวนานถึงเพียงนั้นกระมัง ช่างแปลกยิ่งนัก!
.