พลันนั้นเสียงตะโกนดังลั่นก็ดังออกมาจากห้องหมายเลขหนึ่งอีกครั้ง “เอาแผนที่นี้ไปมอบให้กับห้องหมายเลขหก”
ทุกคนตกตะลึงจนอึ้งไป ให้จริง ๆ เหรอ! เขาให้จริง ๆ เหรอนี่!
ไป๋อู๋ห่ายก็ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้นเช่นกัน เหตุใดมู่เฉียนซีถึงได้โชคดีเช่นนี้นะ!
สีหน้าของเฟิงอวิ๋นซิวยิ่งทวีความเคร่งขรึมขึ้น
แกร๊ง! กู้ไป๋อีบีบแก้วในมือจนแตก
มู่เฉียนซีกล่าว “นี่เขาจะเล่นอุบายอะไรกันแน่ ”
แต่ของล้ำค่าเสนอมาให้นางถึงที่เช่นนี้แล้ว อย่างไรเสียก็ต้องรับเอาไว้
นี่เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดที่สุดของโรงประมูลเมืองโยวแล้ว ทุกคนยังคงตกตะลึงปากอ้าตาค้างกันอยู่เช่นนั้น
หลังจากการประมูลจบลง เจ้าหน้าที่ของโรงประมูลก็ให้คนนำของประมูลที่ประมูลมาได้มามาส่งมอบให้ที่ห้องส่วนตัวของมู่เฉียนซีและพวก
“โปรดตรวจสอบสิ่งของก่อนนะขอรับ”
มู่เฉียนซีตรวจสอบดู ของทุกชิ้นครบถ้วน ไม่ขาดแม้แต่ชิ้นเดียว
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเป็นกันเองว่า “ข้ามีเรื่องอยากจะถามโรงประมูลของพวกเจ้าเรื่องหนึ่ง”
“ได้ขอรับ!” เจ้าหน้าที่ผู้นี้กล่าวตอบด้วยความเต็มใจ
“เจ้าหมอนั่นประมูลของมากมายถึงเพียงนี้ คิดจะขายตัวใช้หนี้ให้โรงประมูลพวกเจ้าล่ะสิ” มู่เฉียนซีเอ่ยปากกล่าว
สีหน้าของผู้ดูแลที่ยืนอยู่ตรงนั้นแข็งทื่อไปทันทีเมื่อได้ยินคำถามนี้ เขายิ้มพลางกล่าวว่า “คำถามนี้ค่อนข้างแปลกไปสักหน่อย ข้าเองก็ไม่รู้จะตอบเช่นไร”
“อ้อ! ช่างเถอะ งั้นเจ้าก็ออกไปได้แล้ว” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“เช่นนั้นข้าน้อยขอตัวขอรับ”
มู่เฉียนซีเก็บสมุนไพรวิญญาณไว้ในมิติ จากนั้นก็เปิดดูแผนที่แผ่นนั้น
กู้ไป๋อีเหลือบตามองก่อนจะกล่าวว่า “นี่มันสถานที่เหนือสุดในแดนเหนือหนิ”
คนผู้นั้นคือพิฆาตวิญญาณ เขามีเบาะแสเกี่ยวกับฝักกระบี่จริง ๆ แต่เขาไม่ลงมือเอง เขากลับเอาแผนที่นี้มาให้นาง ช่างเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อยิ่งนัก
มู่เฉียนซีกล่าว “เรารีบไปกันก่อนเถอะ แค่คิดว่าอยู่ใกล้กับเจ้าหมอนั่นแล้วข้าก็รู้สึกไม่สบายตัวเลยจริง ๆ!”
มู่เฉียนซีกับพวกไม่ได้ออกไปอย่างราบรื่นแน่นอน ทันทีที่เปิดประตูออกไปก็เห็นไป๋อู๋ห่ายเดินเข้ามาหาพวกเขาแล้ว
สายตาที่ไป๋อู๋ห่ายมองมู่เฉียนซีนั้นเต็มไปด้วยความโกรธแค้นชิงชังราวกับอยากฉีกกระชากเนื้อนางออกเป็นชิ้น ๆ ก็มิปาน
แต่มู่เฉียนซีกลับกล่าวด้วยท่าทางนิ่งสงบว่า “หัวหน้าตำหนักไป๋ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ!”
ไป๋อู๋ห่ายกัดฟันกรอดพลางกล่าว “มู่เฉียนซี เอาแผนที่มาให้ข้าเดี๋ยวนี้”
มู่เฉียนซี “ท่านบอกจะเอาก็ต้องเอาให้ได้เลยอย่างนั้นเหรอ ไม่ไว้หน้าผู้นำตระกูลมู่อย่างข้าเลยนะ”
“นี่เจ้า…” ไป๋อู๋ห่ายจะลงมือ แต่กู้ไป๋อีมายืนขวางหน้ามู่เฉียนซีไว้
กู้ไป๋อีมองไป๋อู๋ห่ายด้วยสายตาที่เย็นชาพลางกล่าว “เมืองโยวไม่ใช่ที่ที่เจ้าคิดอยากจะลงมือก็ลงมือได้”
“ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะมุดหัวอยู่ในเมืองโยวตลอดชีวิต หากเจ้ายอมมอบแผนที่นั่นให้ข้าเสียตั้งแต่ตอนนี้ เจ้าก็จะไม่ต้องเจ็บตัว”
มู่เฉียนซีกล่าวดูถูกเหยียดหยามว่า “ไป๋อู๋ห่าย ท่านพูดเหมือนท่านเก่งกาจนักหนาอย่างนั้นแหละ ตัวท่านเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของกู้ไป๋อีเลย ท่านคิดว่าข้ากลัวท่านอย่างนั้นเหรอ?”
“สาวน้อย เจ้าไม่มีสิทธิ์พูดเช่นนี้ หุบปากไปซะ!” ไป๋อู๋ห่ายจ้องหน้ามู่เฉียนซีด้วยความดุร้าย
กู้ไป๋อีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า! หลบไป!”
กู้ไป๋อีกับมู่เฉียนซีเมินใส่พวกเขา จากนั้นก็เดินออกไปทันที!
ลงมือในเมืองโยวไม่ได้ ไป๋อู๋ห่ายและพวกทำได้เพียงแค่กัดฟันอดทนไว้
ไป๋อู๋ห่ายออกคำสั่ง “ตามพวกมันไป!”
ไม่ว่าจะออกจากเมืองโยวตอนไหนมันก็มีค่าเท่ากัน มู่เฉียนซีจึงเลือกที่จะออกจากเมืองโยวในตอนนี้ทันที
และเมื่อออกจากเมืองโยว การลงมือต่อสู้กันนั้นเป็นเรื่องยากที่จะหลีกเลี่ยงได้
และเป็นอย่างที่คิดเอาไว้ไม่มีผิด ไป๋อู๋ห่ายนำกำลังคนมาห้อมล้อมมู่เฉียนซีและพวกแล้ว
“ตอนนี้ก็ออกจากเขตเมืองโยวแล้ว กู้ไป๋อี เจ้าเพียงคนเดียว ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะปกป้องสาวน้อยนี่ได้” ไป๋อู๋ห่ายตะคอกอย่างดุร้าย
มู่เฉียนซีเหลือบตามองไป๋อู๋ห่ายและพวกเพื่อจะดูว่าผู้อาวุโสสูงสุดผู้นั้นอยู่ในกลุ่มนี้หรือไม่ แต่กลับไม่เจอพิรุธใดเลย
มู่เฉียนซีกล่าวถาม “ที่หัวหน้าตำหนักไป๋รีบตามพวกข้ามาก็เพราะแผนที่ที่ได้มาจากโรงประมูลแผ่นนั้นกระมัง ตอนนี้ข้าคิดได้แล้ว ข้าจะมอบแผนที่ให้พวกท่าน”
มู่เฉียนซีจำแผนที่นั้นได้อย่างแม่นยำแล้ว ไม่ว่ามันจะเป็นของจริงหรือของปลอม ของร้อนเช่นนี้จะเก็บไว้ที่ตัวไม่ได้เด็ดขาด ต้องรีบทิ้งไปให้ไกลตัวดีที่สุด
คนของตำหนักตงจี๋เหล่านี้ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง นางพูดว่าอะไรนะ!
มอบแผนที่ให้พวกเขาอย่างนั้นเหรอ!
ตอนที่อยู่ในโรงประมูลเมื่อครู่ นางไม่ได้พูดเช่นนี้หนิ เหตุใดตอนนี้ถึงมาบอกว่าคิดได้แล้วกันล่ะ!
ไป๋อู๋ห่ายขมวดคิ้วพลางกล่าว “นี่เจ้าคิดจะเล่นอุบายอันใดกับข้าอีก?”
ไป๋อู๋ห่ายรู้ดีว่าสาวน้อยผู้นี้ชั่วร้ายมากเพียงใด!
เชื่อฟังแต่โดยดีเช่นนี้ ต้องผีเข้าเป็นแน่
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าจริงใจถึงเพียงนี้ พวกท่านกลับไม่เชื่อ เสี่ยวไป๋ เอาแผนที่ให้พวกเขาเถอะ!”
กู้ไป๋อีเอาแผนที่ออกมาและก้าวเดินไปที่ไป๋อู่ห่ายและพวก แต่พวกเขากลับถอยหลังไปด้วยความระแวง
ไป๋อู๋ห่ายสั่งลูกน้อง “ไปเอาแผนที่มา!”
ของของมู่เฉียนซีเขาไม่กล้าแตะซี้ซั้ว อย่างไรเสียนางก็มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับหมอปีศาจ หากซี้ซั้วไปแตะเข้าอาจจะโดนวางยาพิษโดยไม่รู้ตัวก็ได้
แต่เนื่องจากเป็นคำสั่งของท่านหัวหน้าตำหนัก เขาจำเป็นต้องทำตาม และเขาก็ทำได้เพียงแค่รับแผนที่นั้นมาด้วยความระแวดระวังที่สุด
แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นอะไรแม้แต่น้อย ไม่มีพิษ กู้ไป๋อีเองก็ไม่ได้ลงมือแต่อย่างใด
แผนที่นี้เหมือนกับแผนที่ที่ได้มาจากโรงประมูลแผ่นนั้น เขากล่าว “ท่านหัวหน้าตำหนัก แผนที่นี้เหมือนจะเป็นของจริงขอรับ”
“จริงเหรอ เอามาให้ข้าดูหน่อย”
มู่เฉียนซีกล่าว “เสี่ยวไป๋ เราไปกันเถอะ!”
ไป๋อู๋ห่ายยังไม่ทันได้ดูแผนที่อย่างละเอียด ร่างในชุดแดงร่างหนึ่งก็พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว และแผนที่ที่อยู่ในมือของไป๋อู๋ห่ายก็ตกไปอยู่ในมือคนอื่นแล้ว
น้ำเสียงอันคุ้นเคยเสียงหนึ่งดังขึ้น “แมวน้อย เอาของของข้าไปมอบให้ผู้อื่นเช่นนี้ ทำให้ข้ารู้สึกโกรธมากเจ้ารู้หรือไม่”
“เจ้าเป็นใคร?” ไป๋อู๋ห่ายถลึงตาจ้องมองคนตรงหน้าด้วยความตกใจ
คนผู้นี้สวมชุดคลุมยาวสีแดงราวกับถูกย้อมไปด้วยเลือด ดวงตาสีแดงเลือดคู่นั้นเปล่งประกายความกระหายเลือดอย่างโหดร้ายออกมา
หน้ากากสีเลือดบดบังใบหน้าเขาไว้ แต่ก็ยังทำให้คนอื่นรู้สึกหวาดกลัวจนตัวสั่นได้
มู่เฉียนซีที่หันหลังให้พวกเขาอยู่ตอนนี้หันไปกล่าวกับกู้ไป๋อีว่า “ไป!”
ภายในชั่วพริบตาเดียวพิฆาตวิญญาณก็ปรากฏตัวขวางหน้ามู่เฉียนซีไว้
บานสะพรั่งดุจดั่งดอกบัวโลหิตดอกหนึ่ง ดวงตาแดงก่ำดุจดั่งทับทิมคู่นั้นจ้องมองหน้ามู่เฉียนซีเขม็ง
“แมวน้อย ไม่ได้เจอกันนาน เจ้าไม่ชอบของขวัญที่ข้ามอบให้เหรอ?”
นิ้วมืออันเรียวยาวที่ถือแผนที่นั้นค่อย ๆ ยื่นออกมาตรงหน้ามู่เฉียนซี
ตอนนี้กู้ไป๋อีชักกระบี่ออกมาแล้ว แต่รับมือกับคนผู้นี้ ดูเหมือนว่ากระบี่เฉียนหานจะไม่เต็มใจเท่าไหร่
กระบี่เฉียนหานกำลังสั่น มันกำลังหวาดกลัว!
ถูกขวางทางเช่นนี้ ตอนนี้ไม่อาจไปได้
ดวงตาของมู่เฉียนซีมองไปที่ชายหนุ่มตรงหน้า นางกล่าว “เจ้าคิดจะทำสิ่งใดกันแน่ จะฆ่าข้า หรือจะให้ข้าเป็นทาสกระบี่ของเจ้า”
พิฆาตวิญญาณมองมู่เฉียนซีอย่างพิจารณา “ตอนนี้ ข้ายังรู้สึกเสียดายที่จะทำให้เจ้าเป็นทาสกระบี่ของข้า ฉะนั้นตอนนี้ข้ายังไม่อยากลงมือใด ๆ ก่อน”
“ไปตามหาฝักกระบี่เถอะ! มันกำลังรอเจ้าอยู่” พิฆาตวิญญาณยัดแผนที่นั้นใส่ในมือมู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีแสยะยิ้มพลางกล่าว “เจ้าจะใจดีถึงเพียงนี้เลยอย่างนั้นเหรอ หากว่าข้าได้ฝักกระบี่มา ก็เท่ากับว่าข้ามีหมากเพิ่มมาอีกตัวหนึ่งเพื่อรับมือกับเจ้า เรื่องนี้เจ้าไม่รู้เหรอ?”
พิฆาตวิญญาณ “เจ้ามีหมากเพิ่มเพื่อมารับมือกับข้า มันก็น่าสนใจกว่าพลังของเจ้าในตอนนี้มาก อย่างไรเสียเจ้าสวะไร้ประโยชน์นั่นมันก็น่าเบื่อเกินไป ข้าชอบเกมที่มันสนุก ๆ มากกว่า”
“ฮือ ๆ ๆ!” มังกรเพลิงถูกพิฆาตวิญญาณด่าว่าเป็นสวะไร้ประโยชน์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเช่นนี้ ตอนนี้มันจึงนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ในมุมกำแพง
มู่เฉียนซีกล่าว “แต่ข้าไม่ชอบทำตามความคิดของเจ้า เจ้าไปเอาฝักกระบี่เองสิ เหตุใดต้องให้ข้าไปด้วย”
ดวงตาสีแดงเลือดคู่นั้นของพิฆาตวิญญาณเปล่งแสงอันตรายออกมา “แมวน้อยช่างดื้อรั้นจริง ๆ ยั่วยุให้ข้าโกรธเช่นนี้ ข้าอาจจะะฉีกเนื้อเจ้าออกเป็นชิ้น ๆ ได้นะ”
.