อินรั่วเฉินกล่าว “อาตมาก็เป็นคนเหมือนกัน”
มู่เฉียนซีมองเขาอย่างพิจารณาก่อนจะกล่าวว่า “ใช่เหรอ? ข้าว่าไม่เหมือนนะ!”
พวกเขาไม่ได้พักนานเท่าไรนัก ก่อนจะมุ่งหน้าเดินทางต่อไป
ถึงแม้ว่าจะร่วมทางกัน แต่เดินไปได้ไม่นานนักทั้งสองก็พลัดแยกจากกันอีกครั้ง
แม้แต่เสี่ยวหงที่ตามนางมาตลอดก็พลัดหลงแล้วเช่นกัน!
“เสี่ยวหง!”
มันไม่มีการตอบรับแต่อย่างใด!
ดูเหมือนว่านางจะมาถึงสวนบุปผาของตำหนักแห่งนี้แล้ว จู่ ๆในส่วนลึกของสวนบุปผาก็เกิดเสียงแตกกระจายขึ้น
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกขึ้นเล็กน้อย “ใครกันนะที่มีเวลาว่างทำให้สิงโตทองมาอยู่หลังสวนบุปผาเช่นนี้”
มู่เฉียนซีเดินเข้าไป ในที่สุดก็ได้เห็นรูปร่างหน้าตาสองคนนั้นอย่างชัดเจน
รูม่านตาของนางหดตัวลง ใบหน้าที่เย็นชาอย่างสมบูรณ์แบบนั้นคุ้นเคยมากยิ่งนัก
ดวงตาสีฟ้าอันเย็นยะเยือกคู่นั้นพลันแดงก่ำขึ้น อักขระสาปสีดำปกคลุมไปทั่วทั้งตัว พลังอันแข็งแกร่งที่แผ่ซ่านไปทั้งตัวสามารถทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างได้
นี่คือใบหน้าของจิ่วเยี่ย แถมยังเป็นจิ่วเยี่ยที่อยู่ในท่าทีคำสาปกำเริบอีกด้วย
ส่วนหญิงสาวผู้นั้นก็คือนาง
เหมือนมาก แต่ไม่ใช่นางแน่นอน!
มู่เฉียนซีพยายามหนีความโกรธ แต่สิงโตทองลวงตาก็ยังจะผูกสายใยความรู้สึกให้นางอีก
ครั้งนี้มู่เฉียนซีก็ยังคงโกรธเกรี้ยวเหมือนเดิม มิหนำซ้ำยังโกรธมากกว่าตอนที่เจอกับผู้อาวุโสสูงสุดอีกด้วย
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาอย่างถึงที่สุดว่า “สิงโตทองลวงตา ข้าอยากจะถลกเนื้อหนังของเจ้าจริง ๆ เลย เจ้ามันจิตใจโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!”
นางเชื่อในตัวจิ่วเยี่ย ต่อให้คำสาปกำเริบจนถึงที่สุด เขาก็ไม่มีทางเป็นเช่นนี้แน่นอน
คนไข้ของนาง ผู้ชายของนาง นางรู้และเข้าใจดี
รู้ว่าทั้งหมดนี้มันเป็นภาพลวงตา ไม่สามารถหลอกตานางได้
แต่กลับไม่สามารถยับยั้งความโกรธและความรังเกียจได้
แม้จะรู้ว่าศัตรูคือสัตว์ร้ายพลังแข็งแกร่งที่นางไม่สามารถเอาชนะได้ แต่นางก็อยากจะถลกเนื้อหนังของมันจริง ๆ
เผชิญหน้ากับคนที่หน้าตาเหมือนนางและจิ่วเยี่ยเช่นนี้ ขนาดนางปล่อยวางแล้ว แต่สุดท้ายก็ติดกับดักอยู่ดี
มู่เฉียนซีเก็บกระบี่มังกรเพลิง และเรียกอู๋ตี้ออกมา “อู๋ตี้ ระวังให้ข้าด้วย!”
มู่เฉียนซีเอาสมุนไพรวิญญาณออกมาจากมิติจำนวนมาก จากนั้นก็เริ่มทำการปรุงยา
ความเร็วของนางรวดเร็วมาก เพราะนางไม่อาจทนได้แม้แต่สักเสี้ยววินาทีเดียวแล้ว
ไม่นานนักนางก็ปรุงยาขวดใหญ่ออกมาได้ขวดหนึ่ง
โจมตีระยะประชิดไม่ได้ งั้นก็โจมตีจากระยะไกลก็ได้!
มู่เฉียนซีถอยห่างออกมาไกล จากนั้นก็โยนขวดยานั้นออกไป
มู่เฉียนซีตะโกนด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “บุปผาหลั่งสายฝน!”
ฉ่า!
คมศรวารีโจมตีขวดยานั้นจนแตก และบริเวณโดยรอบในระยะสามสิบเมตรล้วนแต่ถูกแช่แข็งแล้ว
และแน่นอนว่าคนสองคนนั้นก็ถูกแช่แข็งแล้วเช่นกัน ไม่นานนักทั้งสองก็อันตรธานหายไปต่อหน้ามู่เฉียนซี
สิงโตทองลวงตามีพลังธาตุอัคคี นางลองใช้น้ำแข็งโจมตีดู นึกไม่ถึงเลยว่ามันจะได้ผลดีเช่นนี้
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าว่าข้าคงต้องปรุงยาล้างตาสักขวดแล้วล่ะ”
อู๋ตี้ก็กล่าวขึ้นมาด้วยเสียงที่ขุ่นเคืองว่า “เจ้าบ้านั่นบังอาจกล้าสร้างภาพลวงตามาทำให้นายท่านของข้าเคืองตาเช่นนี้ ข้าจะให้บทเรียนอันโหดร้ายกับมันเอง!”
มู่เฉียนซีมองอู๋ตี้อย่างพิจารณาและกล่าวว่า “อู๋ตี้ ถึงแม้ว่าเจ้าจะเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหก แต่หากต่อสู้กับเจ้าสัตว์ร้ายนี่เกรงว่าเจ้ายังห่างชั้นอยู่มาก”
อู๋ตี้กล่าว “นายท่าน ข้าจะทำอย่างสุดความสามารถของข้า”
จัดการเจ้าตัวปัญหานี้ได้ มู่เฉียนซีก็มุ่งหน้าเดินทางต่อไปได้
ส่วนเสี่ยวหงกับอินรั่วเฉินนั้นนางหาไม่เจอ
อู๋ตี้กล่าว “นายท่าน ไม่ต้องห่วงเจ้าหมูขี้เกียจนั่นหรอก นอกจากความขี้เกียจของเจ้าหมอนั่นเองแล้ว ก็ไม่มีอะไรทำให้มันตายได้หรอก”
ตำหนักนี้วังเวงเกินไปแล้ว ไร้เงาผู้คนแม้แต่คนเดียว
สิงโตทองลวงตานี้หลอกลวงมาหลายครั้งแล้ว แต่หลังจากที่มู่เฉียนซีหาวิธีจัดการได้ ภาพลวงตาเหล่านั้นก็ทำอะไรนางไม่ได้แล้ว
ในตอนนี้เอง มู่เฉียนซีมองไปที่ร่างในชุดดำแดงร่างหนึ่งที่กำลังเคลื่อนไหวไปมา ดูเหมือนว่าเขากำลังไล่ตามสิ่งใดอยู่
“เฟิงอวิ๋นซิว!”
อู๋ตี้กล่าว “นายท่าน เกรงว่ามันจะเป็นภาพลวงตาอีก อย่าได้ติดกับดักเชียวนะขอรับ”
แต่นางรู้สึกว่าคนผู้นี้เป็นตัวจริง!
มู่เฉียนซีไล่ตามร่างนั้นที่เข้าไปในห้อง นางเดินเข้าไป ก่อนจะตะโกนเรียกเขาเสียงดัง “เฟิงอวิ๋นซิว!”
ปัง!
จู่ ๆ มู่เฉียนซีรู้สึกมีบางอย่างผิดปกติ ล่าถอยก่อนจะดีกว่า
พลันนั้นร่างในชุดดำแดงร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้น เฟิงอวิ๋นซิวกลับขวางทางนางเอาไว้และบีบบังคับให้นางจนมุม
มีอุณหภูมิ มีการเต้นของหัวใจ ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นจริงทุกประการ
มู่เฉียนซีเบิกตากว้างมองไปที่ชายหนุ่มผู้งดงามเป็นอย่างยิ่งตรงหน้า “อวิ๋นซิว!”
ดวงตาสีอำพันคู่นั้นกำลังมองนางอยู่ แต่ก็ดูเหมือนไม่ได้มองนาง
“เฟิงอวิ๋นซิว เจ้าต้องตั้งสตินะ!”
อาการเช่นนี้ของเฟิงอวิ๋นซิว มู่เฉียนซีแน่ใจแล้วว่าเขากำลังอยู่ในภาพลวงตา
ในตอนนี้เอง เฟิงอวิ๋นซิวก็เอ่ยปากกล่าวขึ้นว่า “องค์หญิง องค์หญิง ในที่สุดข้าก็ได้เข้าใกล้องค์หญิงแล้ว”
มู่เฉียนซีตกใจนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ภาพลวงตาที่เฟิงอวิ๋นซิวเห็นก็คือมู่หลินหลาง
“นับตั้งแต่วันที่องค์หญิงพาข้าไปในวันนั้น ข้าก็ตั้งปณิธานกับตัวเองแล้วว่าข้าจะจงรักภักดีต่อองค์หญิง จะรักและปกป้ององค์หญิงตลอดไป”
ดวงตาสีอำพันคู่นั้นลึกซึ้งและอ่อนโยนเป็นอย่างมาก เมื่อสบตาแล้วก็ทำให้ผู้คนรู้สึกหลงไหลได้
“เฟิงอวิ๋นซิว เจ้าถลึงตามองให้ดี ๆ สิว่าข้าคือใคร” มู่เฉียนซีตะโกนเรียกสติเขา
แต่ก็ไม่ได้ผล ไม่มีประโยชน์เลย!
เฟิงอวิ๋นซิวจมอยู่ในห้วงลึกของภาพลวงตานั้น แถมยังรุนแรงกว่านางในครั้งนั้นมากด้วย
เมื่อเข้าสู่โลกของตัวเอง ทุกสิ่งทุกอย่างภายนอกล้วนไม่ส่งผลกระทบต่อเขาเลย
เขาดูรักมู่หลินหลางมากเช่นนี้ รักจนสุดหัวใจ ไม่สามารถหลุดออกได้
“องค์หญิง ข้าคิดถึงองค์หญิงสุดหัวใจ”
“……”
ถ้อยคำที่ไม่มีโอกาสได้พูดในเมื่อก่อน ตอนนี้เฟิงอวิ๋นซิวกลับพูดต่อหน้ามู่เฉียนซีอย่างไม่มีท่าทีที่จะหยุด
ความรักนี้ต่ำต้อยดั่งผงธุลี
แววตาของมู่เฉียนซีเริ่มเคร่งขรึมขึ้นเรื่อย ๆ ในฐานะที่เป็นนักปรุงยา บาดแผลทางร่างกายนางมีวิธีมากมายที่จะช่วยได้
แต่บาดแผลทางใจเช่นนี้ นางไร้หนทางจะช่วยได้จริง ๆ
มู่เฉียนซีมองเฟิงอวิ๋นซิวและกล่าวว่า “เฟิงอวิ๋นซิว ข้าจะให้เวลาเจ้าอีกหน่อย หากเจ้าไม่สามารถเดินออกมาเองได้ ข้าคงต้องใช้ความรุนแรงกับเจ้าแล้ว”
เฟิงอวิ๋นซิวยิ่งถลำลึกลงไปเรื่อย ๆ และเวลาก็ค่อย ๆ ผ่านไปอย่างช้า ๆ!
มู่เฉียนซีต้องการจะสลัดตัวหลุดจากเฟิงอวิ๋นซิวเพื่อจะไปปรุงยา แต่เฟิงอวิ๋นซิวกลับจับนางแน่นขึ้นเรื่อย ๆ
ในหัวของเขาตอนนี้มีเสียงอันยั่วยวนเสียงหนึ่งดังขึ้น
รักก็ไม่ได้ เหตุใดจะต้องปกป้องอยู่เงียบ ๆ เหตุใดจะต้องทุ่มเททุกอย่างอยู่เงียบ ๆ ด้วย!
เป็นเจ้าของเถอะ!
หากครอบครองได้ นางก็จะเป็นของเจ้า!
ดวงตาสีอำพันคู่นั้นของเฟิงอวิ๋นซิวยิ่งมืดสลัวลงเรื่อย ๆ และยิ่งขยับเข้าใกล้มู่เฉียนซีเรื่อย ๆ
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เฟิงอวิ๋นซิว ข้าจะลงมือกับเจ้าแล้วนะ!”
เข็มยาเข็มหนึ่งแทงเข้าที่แขนของเฟิงอวิ๋นซิว
แต่ก็ไม่ได้ผล บาดแผลทางร่างกายทุกอย่างไม่สามารถปลุกเขาจากภาพลวงตานั้นได้
มู่เฉียนซีกล่าว “หรือว่าต้องใช้ยาที่ทำให้วิญญาณหลับใหล”
แต่นี่เป็นภาพลวงตาที่สิงโตทองลวงตาได้สร้างขึ้นมา มู่เฉียนซีกลัวว่าหากทำให้วิญญาณของเฟิงอวิ๋นซิวหลับใหลไปจริง ๆ เขาจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกตลอดกาล
นางไม่กล้าเสี่ยงอันตรายเช่นนั้น
ตอนนี้เฟิงอวิ๋นซิวตกอยู่ในภาพลวงตา เขาได้กักขังเหยื่ออย่างนางไว้แล้ว และตอนนี้เสื้อผ้าของนางก็เริ่มยุ่งเหยิงไปหมด
นี่คือหญิงสาวที่เขารักและพร่ำคะนึงหาอยู่ทุกวัน เมื่อมองดูใบหน้าที่งดงามอย่างประณีตนี้แล้ว หัวใจของเขาก็เต้นแรงขึ้น เขาพึมพำเสียงเบาว่า “องค์หญิง…องค์หญิง…”
.
.