“เจ้าพูดว่าใครต้องตายนะ!” กลิ่นอายอันเย็นยะเยือกราวกับหิมะหมื่นปีพัดกระโชกมาพร้อมกับจิตสังหารอันแรงกล้าครอบคลุมไปทั่วทั้งพื้นที่แห่งนี้
เมื่อได้ยินน้ำเสียงอันคุ้นเคยนี้เข้า รูม่านตาของไป๋อู๋ห่ายก็ขยายขึ้นทันที
“กู้ไป๋อี!”
กลิ่นอายของกู้ไป๋อีแข็งแกร่งขึ้นมาก เดิมทีกู้ไป๋อีแข็งแกร่งกว่าเขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะห่างชั้นกันยิ่งนัก
การเดินทางไปที่สถานที่เหนือสุดแห่งแดนเหนือในครั้งนี้ทำให้พลังของกู้ไป๋อีแข็งแกร่งขึ้นแล้ว
กระบี่ของเขารวดเร็วมากกว่าเดิม และอันตรายยิ่งกว่าเดิม
“ไป๋อู๋ห่าย ในเมื่อเจ้ากล้ามาที่ตำหนักเป่ยหาน เช่นนั้นก็อยู่ที่นี่ไปตลอดกาลเลยก็แล้วกัน!”
กู้ไป๋อีนึกไม่ถึงเลยว่าแค่เขาออกไปตามหาซีเอ๋อร์ ตำหนักตงจี๋จะเล่นทีเผลอบุกเข้ามาโจมตีตำหนักเป่ยหานเช่นนี้
สำหรับตำหนักเป่ยหานนั้นเขาไม่ได้สนใจเลยสักนิด แต่ฝ่ายตรงข้ามคิดมุ่งเป้าไปที่ซีเอ๋อร์ สิ่งนี้ไม่สามารถให้อภัยได้
กระบี่เฉียนหานฟาดฟันลงมา ในขณะเดียวกันลำแสงกระบี่ที่เหมือนกันหลายลำแสงก็ได้ก่อตัวเป็นพระจันทร์เต็มดวงสีเงินรอบ ๆ ตัวกู้ไป๋อี
พระจันทร์เต็มดวงเหล่านั้นพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วกวาดไปที่ยอดฝีมือข้างกายไป๋อู๋ห่าย
ชั่วพริบตาเดียวพวกเขาก็รู้สึกว่าอากาศบริเวณโดยรอบถูกฉีกขาดและได้กลายเป็นน้ำแข็ง
การป้องกันทั้งหมดถูกทำลายลงแล้ว
สีหน้าของทุกคนเผยความสิ้นหวังออกมา
กู้ไป๋อีผู้นี้เป็นถึงผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งแห่งดินแดนสี่ทิศ อีกทั้งตอนนี้เขายังแข็งแกร่งและน่าเกรงขามกว่าเมื่อก่อนมาก
“ท่านหัวหน้าตำหนัก! ช่วยด้วย!”
“ท่านหัวหน้าตำหนัก…”
ความแข็งแกร่งของกู้ไป๋อีในตอนนี้ทำให้คู่ต่อสู้เก่าอย่างไป๋อู๋ห่ายตกตะลึง
ไป๋อู๋ห่ายจ้องมองกู้ไป๋อีด้วยสีหน้าเคร่งขรึม พร้อมกับพึมพำในใจ ‘บัดซบ หากรู้ก่อนหน้านี้ว่ากู้ไป๋อีจะกลับมาเร็วเช่นนี้ เขาไม่มีทางยกทัพบุกมาตำหนักเป่ยหานแน่นอน’
แต่จะมาเสียใจเอาตอนนี้ก็เห็นทีจะสายไปเสียแล้ว
ในช่วงเวลาความเป็นความตายเช่นนี้ ไป๋อู๋ห่ายจึงตัดสินใจใช้อาวุธวิญญาณยกขึ้นป้องกัน
ตูม!
“อ๊า!” ในฐานะที่ไป๋อู๋ห่ายเป็นถึงหัวหน้าตำหนักของกองกำลังระดับสาม อาวุธวิญญาณป้องกันนั้นก็แข็งแกร่งมาก
ทว่า คนที่อยู่นอกขอบเขตการป้องกันเหล่านั้นฉับพลันก็ได้กลายเป็นวิญญาณเซ่นไหว้กระบี่ของกู้ไป๋อีไปเสียแล้ว
เพียงกระบวนท่าเดียวก็ฆ่าคนของตำหนักตงจี๋ไปมากมายถึงเพียงนี้ ใบหน้าของไป๋อู๋ห่ายเริ่มไม่สู้ดีบิดเบี้ยวจนไม่น่ามอง
“กู้ไป๋อีแข็งแกร่งเกินไปแล้ว! ถอย! รีบถอยเร็วเข้า!”
ในตอนนี้ ไป๋อู๋ห่ายมองไปที่กู้ไป๋อีด้วยความกลัวเป็นอย่างยิ่ง ส่วนคนอื่นต่างก็หวาดกลัวจนอกสั่นขวัญหายไปหมดแล้วเช่นกัน
ชื่อเสียงของผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งแห่งดินแดนสี่ทิศเป็นที่ร่ำลือโดยทั่วกัน ตอนนี้เผชิญหน้ากับกู้ไป๋อีที่แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม พวกเขายังจะกล้าสู้รบต่อได้อย่างไรกันเล่า!
ผู้อาวุโสสูงสุดที่ต่อสู้กับมู่เฉียนซีอยู่ในตอนนี้ก็สังเกตเห็นแล้วว่ากู้ไป๋อีแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมจนน่ากลัว สีหน้าเขาเคร่งเครียดขึ้น ดูท่าภารกิจในครั้งนี้ไม่มีทางสำเร็จได้แล้ว
ถอย! ในหัวของผู้อาวุโสสูงสุดมีเพียงแค่คำนี้แล้ว
กู้ไป๋อีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ไป๋อู๋ห่าย ในเมื่อมาแล้วก็อยู่ที่นี่เถอะ!”
มู่เฉียนซีเหลือบมองผู้อาวุโสสูงสุดพลางกล่าวว่า “ในเมื่อมาแล้วก็อย่าคิดว่าจะมีชีวิตรอดกลับไปได้!”
ตูม! อาวุธวิญญาณขนาดมหึมาแผ่ซ่านไปทั่วทั้งสนามรบ คนของตำหนักตงจี๋เหล่านั้นต้องการจะหนีเอาชีวิตรอด และแน่นอนว่าพวกเขาย่อมทำทุกอย่างอย่างสุดชีวิต
ลอบโจมตีไม่สำเร็จอีกทั้งยังถูกสังหารอยู่ที่แดนเหนืออีก ช่างน่าสังเวชเกินไปแล้ว
การปรากฏตัวของมู่เฉียนซีเป็นการพลิกสถานการณ์การสู้รบจริง ๆ!
และการปรากฏตัวของกู้ไป๋อี ก็ทำให้คนของตำหนักตงจี๋ไม่กล้าลงมือสังหารแล้ว พวกเขาพ่ายแพ้จนยับเยิน!
ต่อมาก็กำราบคนเลวที่พ่ายแพ้อยู่ให้สิ้นซาก!
อ๊า! เสียงกรีดร้องอันน่าสังเวชดังขึ้น คนของตำหนักตงจี๋พ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์
ผู้อาวุโสสูงสุดตะโกนขึ้นว่า “มู่เฉียนซี ประมุขน้อยเฉียนซี อย่าฆ่าข้าเลย! เจ้ารู้ดีว่าข้ามีความสามารถใด ข้าเป็นนักสาป หากเจ้ายอมไว้ชีวิตข้า ข้าจะ…”
ฉึก! กระบี่มังกรเพลิงของมู่เฉียนซีแทงทะลุหัวใจของผู้อาวุโสสูงสุดอย่างฉับพลันโดยไม่ทันให้เขาได้พูดจนจบ
สีหน้าของผู้อาวุโสสูงสุดซีดเผือด พลางกัดฟันกล่าวว่า “ช่างเป็นสาวน้อยที่ลงมืออย่างโหดเหี้ยมไร้ความปรานีจริง ๆ โชคดีที่ครั้งนี้ข้ายืมร่างคนอื่นมา มิเช่นนั้นข้าคงต้องตายไปในกำมือของเจ้าแล้วเป็นแน่”
ร่างคนอื่น!
สีหน้าของมู่เฉียนซีเคร่งขรึมขึ้น ตาเฒ่านี่ระมัดระวังตัวจริง ๆ นึกไม่ถึงเลยว่าจะใช้ร่างคนอื่นเพื่อมายังที่แห่งนี้
จะจับนักสาปเฒ่าจอมวางแผนคนหนึ่งเหตุใดมันถึงยากเย็นเพียงนี้
พลันนั้นร่างของผู้อาวุโสสูงสุดที่ถูกนางแทงทะลุหัวใจผู้นี้มีหมอกควันสีดำก่อตัวควบแน่นขึ้น
หมอกควันสีดำนี้เต็มไปด้วยพลังสาปอันน่าสะพรึงกลัวและพุ่งไปทางมู่เฉียนซี
“ซีเอ๋อร์!”
พลังชั่วร้ายนั้นทำให้กู้ไป๋อีเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้น เขาไม่มีเวลาสนใจไป๋อู๋ห่ายอีกต่อไปแล้ว ก่อนจะรีบพุ่งไปที่มู่เฉียนซีทันที
ไป๋อู๋ห่ายได้โอกาสนี้จึงรีบล่าถอยไป
นั่นคือพลังแห่งคำสาป พลังแห่งคำสาปที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นชิงชัง
หากโดนผิวหนังของมนุษย์มันจะแทรกซึมเข้าไปในจิตวิญญาณ ทำให้คนผู้นั้นทรมานอย่างตายทั้งเป็น
ทว่า พลังนี้กลับใช้ไม่ได้ผลกับมู่เฉียนซีเลยแม้แต่น้อย แถมยังถูกพลังจิตของมู่เฉียนซีกลืนกินอีก
มู่เฉียนซีตกใจผงะไปเล็กน้อย กลืนกินพลังแห่งคำสาปไป แต่เหมือนว่านางจะไม่ได้รู้สึกเกิดลางสังหรณ์อะไรเลย คงจะไม่เป็นไรกระมัง!
มีภูมิคุ้มกันต่อคำสาป แถมยังกลืนกินพลังคำสาปได้ ต้องเป็นเพราะส่วนหนึ่งของคัมภีร์หมื่นคำสาปนั่นเป็นแน่
มู่เฉียนซีตั้งสติได้และมองไปที่กู้ไป๋อีที่กำลังเป็นห่วงนาง นางกล่าว “เสี่ยวไป๋ ข้าไม่เป็นไร เจ้าไม่ต้องห่วง รีบไปสกัดกั้นคนของตำหนักตงจี๋เถอะ”
ปลาใหญ่อย่างไป๋อู๋ห่ายหนีไปแล้ว เหลือเพียงแค่ปลาเล็กและพวกมดปลวกเหล่านี้เท่านั้น
กู้ไป๋อีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “จัดการหมดแล้ว!”
ตำหนักเป่ยหานถูกลอบโจมตีเสียหายไปไม่น้อย ค่ายกลป้องกันถูกทำลาย ยอดฝีมือล้มตายไปในสนามรบจำนวนมาก
การสู้รบในครั้งนี้ทำให้ตำหนักเป่ยหานกับตำหนักตงจี๋เปรียบเสมือนน้ำกับไฟ
สงครามการต่อสู้ครั้งใหญ่กำลังจะปะทุขึ้น!
ตำหนักตงจี๋โจมตีตำหนักเป่ยหาน ครั้งนี้นางจึงกำลังเตรียมความพร้อมจะบุกไปโจมตีตำหนักตงจี๋ถึงที่
ตำหนักตงจี๋ได้รับความสูญเสียอย่างหนัก กู้ไป๋อีแข็งแกร่งกว่าเดิมถึงปานนั้น ตอนนี้ไป๋อู๋ห่ายจึงหวาดกลัวมาก เขาจึงต้องการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับค่ายกลป้องกันของพวกเขา
ที่ตำหนักตงจี๋สามารถทำลายค่ายกลป้องกันของตำหนักเป่ยหานได้ก็ต้องขอบคุณผู้อาวุโสสูงสุด แต่กู้ไป๋อีคิดจะทำลายค่ายกลป้องกันของตำหนักตงจี๋นั้น มันไม่ใช่เรื่องง่าย
กู้ไป๋อีต้องการจะบุกไปทำลายตำหนักตงจี๋เลยตอนนี้ แต่ถูกมู่เฉียนซีห้ามเอาไว้ก่อน
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยจะดีนักว่า “เสี่ยวไป๋ อาการบาดเจ็บของเจ้ายังไม่หายดีก็ออกไปนู้นไปนี่ซะแล้ว ออกไปไม่ว่า ตอนต่อสู้ยังใช้กระบวนท่าที่เสียพลังไปมากเช่นนั้นอีก เจ้าพักผ่อนก่อนเถอะ รอให้ร่างกายเจ้าดีขึ้นก่อน แล้วค่อยบุกไปฆ่าพวกมัน”
ภายใต้การบังคับของมู่เฉียนซี กู้ไป๋อีจำเป็นต้องเชื่อฟังนาง
และแน่นอนว่าระหว่านี้มู่เฉียนซีได้ส่งอาหารเรียกน้ำย่อยไปที่ตำหนักตงจี๋แล้ว
ในตอนนี้หอหมอปีศาจในแดนตะวันออกปิดอยู่ สมุนไพรวิญญาณและยาลูกกลอนในแดนตะวันออกจึงมีขายไม่มากนัก
ตำหนักตงจี๋ถูกตัดแหล่งยาไปเก้าส่วนในสิบส่วน และนักปรุงยาจำนวนมากก็ออกจากแดนตะวันออกแล้ว นอกจากนักปรุงยาที่เลี้ยงดูอยู่ในจวนตัวเอง นึกไม่ถึงเลยว่าตอนนี้ในแดนตะวันออกจะหานักปรุงยาไม่ได้เลยแม้แต่ท่านเดียว
สงครามครั้งใหญ่ มีคนบาดเจ็บล้มตายไปจำนวนมาก! อีกทั้งยังสูญเสียพลังวิญญาณไปไม่น้อย จำเป็นต้องใช้ยาลูกกลอนฟื้นฟูพลังวิญญาณให้กลับมา แต่ทว่าไม่มีเหล่านักปรุงยา ไม่มียาลูกกลอนเพิ่มพลังวิญญาณเช่นนี้ ตำหนักตงจี๋จึงตกที่นั่งลำบากมาก
หลังจากที่หอหมอปีศาจคว่ำบาตรตำหนักตงจี๋แล้ว ไป๋อู๋ห่ายนึกไม่ถึงเลยว่ายังจะมีเรื่องน่าอนาถเกิดขึ้นอีก!
การค้าของแดนตะวันออกย่ำแย่มาก ทุกอย่างโกลาหลไปหมด หอสุราปิด ไม่มีอาวุธวิญญาณขาย เสื้อผ้าอาภรณ์ตลอดไปถึงปัจจัยสี่ในการดำรงชีวิตก็หายากมาก ตอนนี้สถานการณ์ในแดนตะวันออกเละเป็นโจ๊กเลยก็ว่าได้
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นผู้บำเพ็ญภูต บนโลกใบนี้ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่เป็นใหญ่ แต่อย่างไรเสียก็ยังต้องใช้ชีวิต สถานการณ์ย่ำแย่เช่นนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้คนในแดนตะวันออกเกิดความวุ่นวาย
เมื่อมู่เฉียนซีได้รู้ข่าวนี้ก็ตกใจผงะไป “นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีคนคว่ำบาตรแดนตะวันออกเช่นนี้ ทำได้ดีมาก!”
ทางด้านไป๋อู๋ห่ายก็กล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “ไปสืบมาให้ได้ว่าตกลงแล้วใครกันแน่ที่ช่วยมู่เฉียนซี ตั้งตัวเป็นอริกับตำหนักตงจี๋ของข้า”
แม้ว่าการคว่ำบาตรนี้จะไม่สามารถส่งผลกระทบต่อสถานการณ์การสู้รบ แต่เหล่าประชาในแดนตะวันออกลำบากยากเย็นเช่นนี้ แน่นอนว่าต้องโทษตำหนักตงจี๋ และส่งผลกระทบต่อศักดิ์ศรีของตำหนักตงจี๋ด้วยเช่นกัน
.