เจ้าสำนักจินติ่งกลับไปยังสำนักด้วยร่างที่อาบโลหิตทั่วกาย
จินหลู่กล่าวถาม “ท่านพ่อ สำเร็จหรือไม่ ?”
เจ้าสำนักจินติ่งเอายาออกมาพลางกล่าว “สำเร็จ ข้าได้มาแล้ว”
จินหลูตื่นเต้นอย่างไม่ปกปิด เขากล่าว “วิเศษนัก เช่นนี้ก็สามารถช่วยเหยียนเอ๋อร์ได้แล้ว” การสนทนาของทั้งสองนั้น ในตอนนี้มีคนลอบฟัง แน่นอนว่าผู้ที่ลอบฟังได้ยินเข้าให้แล้ว
สองพ่อลูกได้ไปที่ห้องลับในภูเขาที่อยู่หลังสำนัก จินหลูนำเอาขวดยาออกมาพลางกล่าว “เหยียนเอ๋อร์ ข้าได้ยาระดับปฐพีมาแล้ว อีกไม่นานอาการบาดเจ็บของเจ้าจะต้องหายดีเป็นแน่”
เสียงอ่อนโยนดังขึ้นอย่างช้า ๆ “จริงรึคุณชายจิน ? หรูเหยียนไม่รู้จะขอบคุณคุณชายอย่างไรดีแล้ว”
ทันใดนั้น เสียงที่เย็นยะเยือกก็ดังแทรกขึ้น “ยานี้ไม่รู้ว่าจะช่วยได้จริง ๆ หรือไม่ ?”
เจ้าสำนักจินติ่ง “ยานี้เป็นยาที่ปรมาจารย์เวินหรินหลอมขึ้นมาเองกับมือ มันต้องรักษาได้แน่นอน หว่านเอ๋อร์ อีกไม่นานเจ้าจะหายดีและจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง”
ยานี้ก็ได้ถูกส่งไปยังสตรีชุดดำราวกับปีศาจ
โอวหยางหว่านกล่าว “ยาทั้งหมดมีสามเม็ด ไปหาหนูทดลองมากินยานี่ก่อนจะปลอดภัยกว่า”
ในวันนี้ นางถูกบีบบังคับให้มาอยู่ในจุดนี้ ถึงอย่างไรโอวหยางหว่านก็ต้องรอบคอบและระมัดระวังตัวเอาไว้ก่อน
เจ้าสำนักจินติ่ง “หว่านเอ๋อร์ ชีวิตของเราทั้งสองมัดผูกด้วยกันเช่นนี้แล้วเจ้ายังไม่เชื่อใจข้าอีกรึ ?!” กล่าวจบเขาก็เตรียมที่จะออกไปจากห้องลับนี้เพื่อที่จะหาหนูทดลองมาลองยา แต่เมื่อเขาออกไปนั้น กลับคิดไม่ถึงว่าจะเจอกับมู่หรูอวิ๋นที่ลอบตามมาเมื่อครู่นี้เข้า
“อ๊ะ!” เมื่อถูกเจ้าสำนักจับได้ นางก็ส่งเสียงร้องออมาทันที
— ขวับ —
“เจ้านั่นเอง” เจ้าสำนักจินจับตัวนาง โยนเข้าไปในห้องลับ
ใบหน้าของมู่หรูอวิ๋นซีดเผือด นางมองไปที่สตรีผู้ที่มีใบหน้าน่าเกลียดน่ากลัวนั้น นางยังคงจำได้ว่าเป็นมู่หรูเหยียน
“ท่านพี่ พี่หรูเหยียน…”
ใบหน้าของมู่หรูเหยียนยังคงเต็มไปด้วยแมลงกู่สีดำดุร้าย แต่นางกลับมองมู่หรูอวิ๋นด้วยสายตาอ่อนโยนอย่างผิดปกติ “น้องหรูอวิ๋น ไม่ได้เจอกันเสียนานเลย”
นางยื่นมือไปจับใบหน้าของมู่หรูอวิ๋น มู่หรูอวิ๋นรับรู้ได้ถึงแมลงกู่ที่วิ่งผ่านใบหน้าของนางไปชั่วขณะหนึ่ง นางเสียววาบขึ้นมาอย่างประหลาด
ร่างของมู่หรูอวิ๋นสั่นสะท้านอย่างต่อเนื่อง
มู่หรูเหยียนกล่าว “น้องหรูอวิ๋น เจ้ากลัวอะไรไปรึ ? ข้า พี่หรูเหยียนของเจ้าอย่างไรล่ะ”
“เจ้าคงไม่รังเกียจหน้าตาพี่หรูเหยียนที่อัปลักษณ์เช่นนี้หรอกใช่หรือไม่ ?!” ดวงตาของมู่หรูเหยียนเผยความเศร้ารันทดออกมา
“คงไม่เป็นเช่นนั้นหรอก เพราะไม่นานหน้าตาของเจ้าก็จะยิ่งอัปลักษณ์ไปกว่าพี่หรูเหยียนของเจ้าอีก!” สิ้นวาจา เล็บอันแหลมคมของมู่หรูเหยียนข่วนใบหน้ามู่หรูอวิ๋นจนเลือดซึมซิบออกมา
มู่หรูอวิ๋นรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย พลังของนางแผ่ออกมาจากร่าง นางผลักมู่หรูเหยียนออกพลางส่งเสียงกรีดร้องลั่น “ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ ปล่อยข้า เจ้ามันเป็นปีศาจ!”
พลังของมู่หรูเหยียนถูกมู่เฉียนซีทำลายลง ตอนนี้พลังของนางยังไม่ได้ฟื้นคืนกลับมา ต่อให้พลังของมู่หรูอวิ๋นจะอยู่ในระดับต่ำ นางก็สามารถผลักมู่หรูเหยียนออกได้อย่างง่ายดาย
— เพี๊ยะ! —
จินหลู่ตบใบหน้ามู่หรูอวิ๋นอย่างแรง เขากล่าวอย่างเย็นชา “นังสารเลว! เจ้ากล้าทำร้ายเหยียนเอ๋อร์รึ อยากตายนักใช่หรือไม่ ?!”
“อ๊า!”
จินหลู่ลงมือทำร้ายมู่หรูอวิ๋นจนบาดเจ็บสาหัส เวลานี้เขาเห็นนางเป็นเพียงที่ระบายโทสะ
นางเห็นมู่หรูเหยียนยิ้มเย้ยหยันนางในขณะที่นางโดนทำร้าย นางโกรธนัก
ทันใดนั้นโอวหยางหว่านกล่าวแทรกขึ้น “พอได้แล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ให้นางเป็นผู้ทดลองยานี่ก็แล้วกัน”
ยาเม็ดหนึ่งถูกยัดเข้าปากมู่หรูอวิ๋นในทันที หลังจากที่มู่หรูอวิ๋นกลืนยาลงไป กลิ่นหอมกรุ่นรุนแรงก็โชยออกมา
สีหน้าของโอวหยางหว่านซีดเผือด “ท่าไม่ดีแล้ว พวกเราตกหลุมพรางของใครบางคนเข้าแล้ว ต้องรีบออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด!”
ในขณะที่พวกเขาก็ลังจะรีบออกไปจากห้องลับนี้ ทันใดนั้นมีผีเสื้อสีดำนับไม่ถ้วนบินพุ่งเข้าหาพวกเขา ไม่นานนักภูเขาด้านหลังของสำนักจินติ่งถูกยอดฝีมือของตระกูลมู่และยอดฝีมือของสำนักเฟินเทียนรุมล้อมเอาไว้ทั่วทั้งแปดทิศ
ฮั่วอู๋จี๋ตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยว “จินติ่ง! เจ้ากล้าเอานางปีศาจทั้งสองของสำนักไป๋กู่มาซ่อนตัวเอาไว้ เจ้าสมควรตายยิ่งนัก!”
เจ้าสำนักจินติ่งกล่าวอย่างเย็นชา “ฮั่วอู๋จี๋! เจ้าเข้ามาสอดรู้สอดเห็นเรื่องของข้าได้ถึงเพียงนี้เชียวรึ ?”
ทันใดนั้น ร่างสีม่วงเดินออกมาจากฝูงชน สายตาของมู่เฉียนซีจับจ้องไปที่มู่หรูเหยียนและโอวหยางหว่านที่อยู่ด้านหลังเจ้าสำนักจินติ่ง
“พวกเจ้าลอบซ่อนตัวอยู่ที่นี่กันเองรึ ?” มู่เฉียนซีกล่าวถามเสียงเนือย ๆ ทว่าจ้องมองทั้งสองด้วยสายตาอาบยาพิษ
โอวหยางหว่านมองมู่เฉียนซีด้วยแววตาเศร้าสร้อย น้ำตารื้นขึ้นคลอเต็มเบ้า “ซีเอ๋อร์ ป้าหว่านรักและเอ็นดูเจ้ามาก เหตุใดเจ้าถึงได้บีบบังคับกันถึงเพียงนี้ เจ้าจะไม่ให้ป้าหว่านคนนี้มีชีวิตรอดได้เลยรึ ?”
มู่หรูเหยียนกัดฟันแน่น กล่าวว่า “ซีเอ๋อร์… อย่างน้อยครั้งหนึ่งเราก็เคยเป็นพี่น้องกัน ในวันนี้ตัวข้าไร้ความสามารถ ไร้พลัง อีกทั้งยังบาดเจ็บเจียนตาย เหตุใดถึงไม่ยอมปล่อยให้ข้ามีชีวิตรอด หากข้าทำอะไรผิดต่อเจ้า ข้ายอมคุกเข่าขอโทษเจ้า!”
สภาพอาจารย์และศิษย์ทั้งสองในตอนนี้ช่างไร้ยางอายยิ่งนัก
สตรีผู้หนึ่งคลานออกมาจากห้องลับนั้น กล่าวว่า “ผู้นำตระกูล… ผู้นำตระกูลมู่… เจ้าต้องฆ่าพวกมัน พวกมันเป็นปีศาจ ปีศาจเล่นพิษ!”
ฝูงผีเสื้อดำเหล่านั้นรุมล้อมร่างของมู่หรูอวิ๋น มู่เฉียนซีเห็นเช่นนี้แล้ว สายตานางเปล่งประกายแสงวาบขึ้นเล็กน้อย
โอวหยางหว่านรอบคอบและระมัดระวังยิ่งนัก ได้ยารักษามาแล้วแต่กลับชะล่าใจไม่กลืนกินทันที อีกทั้งยังหาคนมาทดลองกินยาก่อนอีก
มู่เฉียนซีไม่ลังเลอีกต่อไป “ลงมือ! อย่าให้พวกมันหนีรอดไปได้”
เจ้าสำนักจินติ่ง “หว่านเอ๋อร์ พวกเจ้ารีบหนีไป วันนี้ข้าจะยอมสู้จนตัวตาย!” เขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะปกป้องทั้งสองเอาไว้ เพียงแต่การที่เขาต้องการจะต่อสู้กับตระกูลมู่และยอดฝีมืออย่างสำนักเฟินเทียน เห็นทีว่าจะเป็นเป็นแค่เรื่องเพ้อฟันไปเท่านั้น
โอวหยางหว่านกัดฟันแน่นและลงมือตัดมือมู่หรูเหยียนด้วยตนเอง นางที่ตอนนี้อยู่ในอาการบาดเจ็บสาหัสยังไม่ได้รับการรักษาก็เรียกกู่พิษออกมาจากร่างของมู่หรูเหยียนเพื่อต่อสู้อีกครั้ง
“กรี๊ด!” เสียงกรีดร้องเสียดแทงใจดังออกมาจากปากของมู่หรูเหยียน
“ท่านอาจารย์! ไม่นะ! ข้าเจ็บ!” มู่หรูเหยียนขอร้องอ้อนวอน
ทว่าโอวหยางหว่านไม่สนใจ “หรูเหยียน วันนี้เจ้าได้กลายเป็นคนไร้ความสามารถแล้ว เจ้าอยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่กู่ในตัวเจ้าเป็นไพ่เด็ดที่จะช่วยให้ข้ามีชีวิตรอดได้ มิเช่นนั้นแล้วข้าจะมีเจ้าเอาไว้ทำไมกัน ใช่ไหมเล่า ?”
แมลงกู่นับไม่ถ้วนแพร่กระจายไปทั่วภายในชั่วพริบตาเดียว ถึงแม้ว่ากู่เหล่านี้จะไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับราชาไป๋กู่ แต่มันก็สามารถรบกวนการต่อสู้ของทุกคนได้
มู่เฉียนซีตะโกนเตือนเสียงดังก้อง “ระวัง!”
ขณะเดียวกันนั้นขวดยานับไม่ถ้วนถูกโยนออกไปโดยมู่เฉียนซี “โล่มังกรวารี!”
— ตูม! ตูม! ตูม! —
— พั่บ! พั่บ! —
เมื่อขวดยาตกลงพื้น ยากัดกร่อนนั้นก็ได้กัดกร่อนกู่พิษจนตาย ทว่าตอนนี้นั้นยังมีกู่นับไม่ถ้วนที่เพิ่งจะกำลังออกมาจากร่างของมู่หรูเหยียน …สภาพมู่หรูเหยียนในเวลานี้ได้กลายเป็นร่างที่ก่อให้เกิดกู่พิษไปเสียแล้ว
มู่เฉียนซีคิดไม่ถึงเลยว่าโอวหยางหว่านที่บาดเจ็บสาหัสในตอนนี้ จะทำร้ายศิษย์อย่างมู่หรูเหยียนได้ลงคอ ถึงอย่างไรการต่อสู้ในครั้งนี้พวกเขาก็ยังคงได้เปรียบอยู่ดี
แมลงกู่แพร่กระจายไปทั่วทั้งสำนักจินติ่ง ศิษย์สำนักจินติ่งบางคนกลายเป็นอาหารของแมลงกู่เหล่านี้ ทำให้กู่เหล่านี้แข็งแกร่งขึ้น
— ตูม! —
ฮั่วอู๋จี๋ระเบิดพลังหมัดออกไปต่อสู้กับกู่ที่น่ารำคาญ “พวกสำนักไป๋กู่ ช่างน่าขยะแขยงยิ่งนัก”
เหล่าบรรดาศิษย์ของสำนักจินติ่งไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าสตรีที่เจ้าสำนักเอามาปกป้องนั้นจะเลี้ยงแมลงที่น่าขยะแขยงเช่นนี้เอาไว้
เสียงร้องคร่ำครวญดังไปทั่วทั้งสำนักจินติ่งอย่างต่อเนื่อง ฮั่วอู๋จี๋ตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “จินติ่ง! ทั้งหมดนี้เป็นบาปของเจ้า”
เจ้าสำนักจินติ่ง “ไม่ใช่ข้า แต่เป็นพวกเจ้าต่างหาก หากพวกเจ้าไม่บีบบังคับถึงเพียงนี้ หว่านเอ๋อร์ก็คงไม่ทำเรื่องเลวร้าย”
“สำนักไป๋กู่ได้ถูกทำลายสิ้นซากไปแล้ว ข้าเพียงแค่ต้องการรักษาหว่านเอ๋อร์ให้หายและใช้ชีวิตอยู่กับนางก็เท่านั้น แต่พวกเจ้า… พวกเจ้าไม่ยอมปล่อยนางไป”
.
Related