“ซีเอ๋อร์ เจ้ามาแล้ว” มู่อวู่ซวงนั่งอยู่บนรถเข็น เขามองมาที่มู่เฉียนซีอย่างอ่อนโยน
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างหงุดหงิดใจเล็กน้อย “ท่านอา ตอนนี้ราชวงศ์ซวนหยวนกําลังวุ่นวาย ท่านน่าจะรู้เรื่องนี้แล้วใช่หรือไม่ ?”
มู่อวู่ซวง “หากซีเอ๋อร์ไม่ชอบ พวกเราจะจากไปและหาที่ใหม่ดีไหมเล่า ?”
แม้ว่าตระกูลมู่จะดูใหญ่โต แต่ท้ายที่สุดแล้วก็มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้น การคิดจะจากไปนั้นง่ายดายนัก มู่เฉียนซีกล่าวไปตามที่คิด “ข้าไม่อยากเปลี่ยนตําแหน่งทางภูมิศาสตร์ที่ท่านพ่อเลือก แม้ว่าองค์ฮองเฮาจะดูเหมือนมีแผนชั่วร้ายมากมาย ทว่าข้าก็เดินมาหนึ่งก้าวแล้ว องค์ฮองเฮาก่อกวนสถานการณ์ได้วุ่นวายถึงเพียงนั้น ใช่! แต่ต่อให้นางมาก่อกวนข้าโดยตรง ข้าก็ไม่คิดจะหันหลังหนีนาง”
มู่เฉียนซีเงียบงันไปครู่หนึ่ง นางมองมู่อวู่ซวงผู้เป็นอาพลางกล่าวต่อ “ท่านอา มีเรื่องหนึ่งที่ท่านต้องบอกความจริงกับข้า โอวหยางหว่านกับท่านพ่อมีความสัมพันธ์อะไรกันหรือ ? ฮองเฮาผู้นั้นลึก ๆ มีใจกับท่านพ่อของข้ารึ ?”
มู่อวู่ซวงตะลึงงัน “พี่ใหญ่ไม่เคยเห็นฮองเฮามาก่อน และไม่เคยพูดถึงฮองเฮากับพวกเรามาก่อนด้วย พี่ใหญ่และพี่สะใภ้รักกันมาก ซีเอ๋อร์ไม่ควรสงสัยในความรักของพวกเขา มิฉะนั้นข้าจะลงโทษเจ้าตามกฎของตระกูลแทนพี่ใหญ่ เดิมทีพี่ใหญ่ละทิ้งทุกอย่างแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะพี่สะใภ้ใหญ่นาง…”
มู่อวู่ซวงเชื่อมั่นในความรักของพี่ใหญ่และพี่สะใภ้อย่างมาก เพียงแต่เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ มันมิสมควร เขาจำต้องหยุดกล่าวไป
มู่เฉียนซี “เกิดอะไรขึ้นกับท่านแม่ ? หรือว่าเกิดเรื่องขึ้นกับท่านแม่ของข้า”
เท่าที่นางทราบมา ในตอนแรกท่านพ่อตั้งรกรากอยู่ในแคว้นจื่อเยี่ย เดิมทีตั้งใจจะสร้างครอบครัวที่มั่งคั่ง และให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตอย่างสงบ แต่ในชั่วข้ามคืน เขาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย หากมันไม่ใช่เพราะความรัก เหตุใดเขาจะต้องทิ้งน้องชายและลูกสาวของตัวเองไปอย่างนั้น
มู่อวู่ซวงส่ายหน้า กล่าวว่า “ซีเอ๋อร์ เจ้าอย่าได้ถามอะไรมากไปกว่านี้เลย หากเจ้ายังไม่ถึงจุดสูงสุดของจักรพรรดิวิญญาณระดับเก้า ยังไม่กลายเป็นผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งของทวีปเซี่ยโจวนี้ เรื่องบางเรื่องเจ้ารู้ไปก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไรเลย”
มู่เฉียนซีกล่าว “เช่นนั้นข้าจะฟังตามท่านอาว่า”
“ท่านพ่อไม่เคยเจอฮองเฮามาก่อน หรือว่าฮองเฮาจะลอบเห็นท่านพ่อแล้วรู้สึกชื่นชอบขึ้นมา และยังคลั่งรักถึงเพียงนั้นอีก ข้า…” มู่เฉียนซีกล่าวอะไรไม่ออก
มู่อวู่ซวง “ตอนที่พี่ใหญ่อยู่ในแคว้นจื่อเยี่ย เขาได้ติดต่อกับซวนหยวนจือ บางทีฮองเฮาอาจจะเคยเห็นพี่ใหญ่ตอนที่เขาติดต่อกับซวนหยวนจือก็เป็นได้ ข้าไม่คิดเลยว่าจะมีเรื่องเช่นนี้”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างจนปัญญา “ดูเหมือนว่าท่านพ่อจะเสน่ห์แรงยิ่งนัก”
มู่อวู่ซวง “ใช่! พี่ใหญ่มีเสน่ห์มาก ตอนเด็ก ๆ มีสตรีไม่น้อยมาหลงใหลเขา เขาทําให้สตรีหลายคนไม่ได้แต่งงาน ทว่าตั้งแต่เล็ก เขากับแม่ของเจ้าก็หมั้นหมายกันแล้ว เขารักเดียวใจเดียวกับแม่ของเจ้า หญิงคนอื่นมิเคยคิดแม้แต่จะมอง”
นั่นเป็นการแต่งงานที่มีความสุขอย่างน่าอิจฉา ถ้าหากไม่ใช่เพราะสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นั่น ถ้าไม่ใช่เพราะ… พวกเขาครอบครัวใหญ่คงจะไม่แยกจากกัน
มู่เฉียนซีดึงแขนเสื้อคลุมมู่อวู่ซวง “ท่านอาช่วยเล่าเรื่องท่านพ่อให้ข้าฟังหน่อยสิ ข้าอยากฟัง นะท่านอานะ…”
มู่อวู่ซวงเคาะหัวมู่เฉียนซีเบา ๆ ก่อนจะกล่าวว่า “หากข้าพูดมากไป ด้วยความฉลาดของซีเอ๋อร์ เกรงว่าเจ้าจะขุดเอาความลับทั้งหมดจากข้าออกมา หากพี่ใหญ่พาพี่สะใภ้กลับมายามใด เจ้าฟังพวกเขาพูดเรื่องที่ผ่านมาเองไม่ดีกว่าหรือ ? อย่างไรเสีย ตั้งแต่เด็กข้าก็ไม่ได้รู้สิ่งใดมากนัก ด้วยเพราะสุขภาพร่างกาย…”
มู่เฉียนซีเห็นแววตาเศร้าโศกของผู้เป็นอา นางก็ไม่ได้อยากทำให้ท่านอาต้องลำบากใจ นางกล่าว “เจ้าค่ะ ท่านอาเล็ก ขาของท่านข้าจะต้องหาวิธีรักษาให้หายขาดได้อย่างแน่นอน ข้าพบหม้อเทพปาฮวางชิงมู่ที่ทำเลียนแบบหม้อเทพนิรันดร์แล้ว เช่นนั้นข้าก็ใกล้จะหาหม้อเทพนิรันดร์เจอเข้าไปทุกทีแล้ว”
ต้องบอกเลยว่า มู่อวู่ซวงประสบความสําเร็จในการเปลี่ยนแปลงหัวข้อสนทนา
มู่เฉียนซีเองก็รู้ดีว่าสำหรับนาง แทนที่จะไปตามหาท่านพ่อและท่านแม่ที่หายตัวไป สู้ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปดีกว่า อย่างไรเสียการรักษาขาของท่านอาก็เป็นสิ่งสําคัญที่สุดในตอนนี้ อีกทั้งนางไม่รู้เลยว่าสมุนไพรวิญญาณระดับพื้นบ้านจะสามารถระงับพิษในร่างกายของท่านอาได้จนถึงเมื่อไหร่ หากพิษนั้นระเบิดออกมา แม้แต่หมอปีศาจอย่างนางก็ยังทําอะไรไม่ได้ ทําได้เพียงมองดูท่านอาทรมานอย่างเอาเป็นเอาตายเพียงเท่านั้น
ในเมื่อรู้ว่าท่านพ่อของตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฮองเฮา มู่เฉียนซีจึงคิดว่าวันใดวันหนึ่ง ตัวนางคงไม่พ้นต้องลงมือกับฮองเฮา นางคงไม่จําเป็นต้องมีความเมตตา
เวลานี้จักรพรรดินีคนใหม่ของพวกเขาเตรียมที่จะนั่งอยู่บนบัลลังก์หลินเทียนของราชวงศ์แล้ว พิธีสืบทอดตําแหน่งที่ยิ่งใหญ่กลายเป็นว่าไม่มีฮ่องเต้องค์ใหม่ แต่มีจักรพรรดินีองค์ใหม่องค์เดียวในประวัติศาสตร์ของแคว้นจื่อเยี่ย
องค์จักรพรรดินียังกล่าวว่านางต้องการสถาปนาองค์รัชทายาทในพิธีสืบทอดราชบัลลังก์ด้วย
ทุกคนต่างงุนงง ตามที่ได้ทราบมา องค์รัชทายาทซวนหยวนหลี่ซางเสียชีวิตจากการเจ็บป่วยหนัก และตอนนี้ฮองเฮาไม่มีบิดามารดาหรือบุตรมิใช่รึ ? แล้วนางจะตั้งผู้ใดเป็นองค์รัชทายาทได้อีกเล่า ?
พิธีสืบทอดตําแหน่งนี้ของจักรพรรดินีกําหนดให้ผู้ฝึกตนระดับจอมภูต จอมยุทธ์หรือสูงกว่าของแคว้นจื่อเยี่ยมาเข้าร่วมพิธี ทว่าถ้าหากมีคนไม่มา เช่นนั้นจะถือว่าดูหมิ่นองค์จักรพรรดินี จะต้องถูกจักรพรรดินีสั่งฆ่าอย่างแน่นอน
หากว่ามาแล้ว จะได้ประโยชน์อย่างใหญ่โต พลังความแข็งแกร่งสามารถก้าวหน้าได้อย่างก้าวกระโดด
อย่างไรก็ตาม ยังมีสองสํานักใหญ่ที่ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวราชวงศ์เฉกเช่นเดียวกับตระกูลมู่อยู่ แต่ว่าผู้ฝึกฝนธรรมดาบางคนกลับต้องกลัว แม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าจักรพรรดินีผู้นี้ ในประวัติศาสตร์ของแคว้นจื่อเยี่ยประสงค์จะทำอะไร ? พวกเขาก็ต้องรีบไปที่เมืองจื่อตู
แม้บางคนจะไม่กลัวอันตราย แต่กลับถูกดึงดูดด้วยความแข็งแกร่งที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าพวกเขาแทบรอไม่ไหวที่จะรีบไปยังเมืองจื่อตู
เวลานี้เมืองจื่อตูเต็มไปด้วยผู้คน ส่วนใหญ่เป็นผู้ฝึกตนที่บรรลุถึงระดับจอมภูต จอมยุทธ์ ขณะเดียวกันธุรกิจตระกูลมู่ก็รุ่งเรืองขึ้นอย่างมาก
สถานการณ์เช่นนี้ทําให้มู่เฉียนซีรู้สึกงุนงง นางลูบคางตนเองไปมาก่อนจะกล่าวว่า “โอวหยางหว่าน ท่านต้องการอะไรกันแน่ ?”
ความคิดของสตรีบ้าคลั่งผู้เป็นถึงฮองเฮาและเป็นจักรพรรดินีแห่งแคว้นจื่อเยี่ย ช่างเข้าใจยากเสียจริง
ไม่นานนัก พิธีสืบทอดราชบัลลังก์ของจักรพรรดินีก็ใกล้เข้ามาแล้ว ก่อนหน้านี้หนึ่งวัน ราชวงศ์ได้ส่งของมาให้ตระกูลมู่
“ท่านผู้นําตระกูลมู่ องค์จักพรรดินีทรงมีคําสั่งให้ท่านโปรดสวมชุดนี้ในวันพรุ่งนี้ เพื่อเข้าร่วมพิธีสืบราชบัลลังก์ขององค์จักรพรรดินีขอรับ”
เมื่อมู่อวู่ซวงได้ยินว่าเป็นของขวัญจากในวังจึงรีบมาดู เขาเห็นชุดคลุมที่มีสีม่วงเข้มปักลวดลายมังกรสีทองอยู่ด้านบน
สีหน้ามู่อวู่ซวงแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา “หญิงคนนั้นคิดจะทำสิ่งใดกันแน่ ?”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างจนปัญญาว่า “จักรพรรดินีต้องการจะแต่งตั้งองค์รัชทายาทมิใช่หรือ ? ข้าเห็นชุดนี้ก็รู้ว่านางจะให้ใครเป็นองค์รัชทายาท เฮ้อ… เหตุใดท่านพ่อถึงต้องทิ้งหญิงวิปริตเช่นนี้ไว้ให้ข้าจัดการด้วย”
คนคนนั้นก็คือนาง!
ครั้งแรกที่ฮองเฮาพบมู่เฉียนซี แม้แต่องค์รัชทายาทซวนหยวนหลี่ซาง ฮองเฮาก็มิสนใจ นางเอาแต่ทําตัวดีกับมู่เฉียนซีอย่างไร้เหตุผล คงไม่ใช่ว่า… ฮองเฮาขึ้นรับราชบัลลังก์เป็นจักพรรดินีแล้ว นางคิดจะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้มู่เฉียนซีบุตรสาวของ ‘เขา’ ด้วย
มู่อวู่ซวงกล่าววาจาเย็นชา ใบหน้าทาบทาความกังวล “ซีเอ๋อร์ เจ้าอย่าเข้าใกล้หญิงวิปริตผู้นั้นเลย วันนี้ข้าจะเข้าวังและฆ่านางเสีย เป็นการตัดปัญหาเพื่อไม่ให้นางมารบกวนซีเอ๋อร์อีก ดีไหม ?”
มู่เฉียนซี “ท่านอา ข้ารับมือได้ ท่านอาไม่ต้องห่วงนะเจ้าคะ ฮองเฮาผู้นี้แปลกนัก ข้าจะไม่ยอมให้ท่านอาไปเสี่ยงเด็ดขาดเลยเจ้าค่ะ”
สิ่งที่โอวหยางหว่านส่งมา ต่อให้ละเอียดอ่อนและล้ำค่าเพียงใด มู่เฉียนซีก็จะไม่เก็บไว้ นางเลือกที่จะเผามันทันที
…
ทุก ๆ คืนจิ่วเยี่ยมาตรงเวลา แน่นอนว่าในแคว้นเกิดเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ เขาเองก็รู้ดี
จิ่วเยี่ยเอ่ยถาม “ซี พรุ่งนี้เจ้าต้องการความช่วยเหลือหรือไม่ ?”
เวลานี้ท้องฟ้าของแคว้นจื่อเยี่ยดูขมุกขมัวเต็มไปด้วยหมอกควัน ไม่แน่วันพรุ่งนี้อาจจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นก็เป็นได้ ไม่รู้ว่าหญิงสาวผู้นำตระกูลที่อยู่ตรงหน้าเขาผู้นี้ นางจะรับมือได้หรือไม่ ? นางจะได้รับบาดเจ็บหรือไม่ ?
.
Related