พวกองครักษ์เงาเห็นผู้นำตระกูลของพวกเขากวัดแกว่งกระบี่อย่างสบาย ๆ ดั่งตัดเต้าหู้ก็สามารถกรีดให้ประตูหอสมบัติที่แม้แต่น้ำไฟยังมิอาจทำอะไรแก่มันได้ ให้เป็นรอยจนเปิดออก
มู่เฉียนซีกรีดประตูเป็นรูปสี่เหลี่ยมขนาดเพียงพอสำหรับให้คนหนึ่งคนเข้าไปได้ ต่อจากนั้นนางจึงหมุนตัว ถีบเข้าไปตรงจุดที่กรีดเอาไว้
— ปัง! —
ส่วนที่โดนมู่เฉียนซีถีบเข้าไปนั้น กระเด็นไปตกอยู่ที่ด้านในของประตู บนประตูปรากฏช่องใหญ่พอตัวคนลอดได้ขึ้นมา
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นในทันใด “ไปกันเถอะ”
“ขอรับ” ไม่เสียทีที่สำนักอัสนีลึกลับเป็นสำนักอันดับหนึ่งแห่งแคว้นจื่อเยี่ย สมบัติล้ำค่าที่อยู่ในนั้นมีมากมาย นางให้พวกองครักษ์เงาเข้าไปกวาดเอามาให้หมดในทันใด
เมื่อเก็บสมบัตินั้นจนหมด ก็ทำให้พวกเขาแทบที่จะเป็นบ้า
ทันใดนั้นมีผู้อาวุโสผู้หนึ่งกล่าวขึ้น “ผู้นำตระกูล สำนักอัสนีลึกลับมิใช่ว่าติดค้างเจ้าเพียงเก้าสายฟ้าลึกลับเท่านั้นหรอกหรือ ? เจ้ากวาดเอาสมบัติไปหมดเช่นนี้ หรือว่า… หรือว่า…”
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “ถ้าหากเขายอมส่งมอบเก้าสายฟ้าลี้ลับออกมาเสียโดยดีตั้งแต่แรก ข้าก็จะเอาไปเฉพาะเก้าสายฟ้าลี้ลับตามสัญญาอย่างแน่นอน แต่นี่เขาเจ้าเล่ห์คิดจะเบี้ยวข้าดีนัก เช่นนั้นแล้วข้าจะใช้ความยืดยาดของเขามาบีบตัวเขาให้ตาย สิ่งของเหล่านี้ข้าจะนำมันไปทั้งหมด อีกอย่าง ข้าได้สนทนากับเจ้าสำนักอัสนีลึกลับไว้แล้ว หากข้าได้เข้ามา ข้าจะนำเอาสิ่งที่ข้าอยากได้ไป ข้ามาเห็นสิ่งของพวกนี้ก็คิดว่าดี อยากได้ทั้งหมด เช่นนั้นนำเอาไปหมดเลยนี่ล่ะ”
มู่อียิ้ม กล่าวขึ้น “ท่านผู้นำตระกูลช่างหลักแหลมนัก”
เห็นได้ชัดว่าผู้อาวุโสบางคน ไม่ได้มีจิตใจแข็งแกร่งเหมือนกับมู่อี พวกเขาไม่สามรถที่จะเข้าใจพฤติกรรมของผู้นำตระกูลมู่ได้ พวกเขานั้นเกิดความสับสนอย่างมาก
เหล่าองครักษ์เงาตระกูลมู่ค้นหามาตลอดทั้งทาง สุดท้ายหาเก้าสายฟ้าลี้ลับจนพบ จวบจนกระทั่งตอนที่พวกเขาจากไป ในหอสมบัติแห่งนั้น นอกจากรอยเจาะช่องบนประตูแล้ว ก็ไม่มีสิ่งใดหลงเหลืออยู่แม้แต่ขนเพียงเส้นเดียว
“ไป!” มู่เฉียนซีกล่าวเสียงดัง นางพาคนเดินทางไปในที่มืด
เมื่อหัวหน้าสํานักอัสนีลึกลับรีบมาที่หอสมบัติ ยามเมื่อได้เห็นความว่างเปล่าของหอสมบัติตน โทสะระเบิดออกในพริบตา
“อ๊าาา! นางบ้ามู่เฉียนซี เจ้าโจรชั่ว สตรีชั่ว!”
“มู่เฉียนซีอยู่ไหน! มู่เฉียนซีนางอยู่แห่งหนใด ?!” หัวหน้าสํานักอัสนีลึกลับใช้พลังวิญญาณเพื่อพุ่งร่างไปยังจวนที่มู่เฉียนซีพักผ่อน
ในเวลาเดียวกันนี้มีศิษย์คนหนึ่งมารายงานเขา “ท่านเจ้าสํานัก ท่านผู้นำตระกูลมู่ไม่ได้อยู่ที่สํานักแล้ว พวกเขาไปแล้วขอรับ”
“อ๊าก! ไล่ล่าตามจับพวกนั้นมาให้ได้” หัวหน้าสํานักอัสนีลึกลับคํารามก้อง
ช่างน่าขัดใจ! น่าขัดใจจริง ๆ!
มู่เฉียนซีขโมยสมบัติทั้งหมดจากสำนักอัสนีลึกลับไป ของทั้งหมดหากไม่ไล่ตามนำกลับมา สํานักอัสนีลึกลับของพวกเขาจะต้องลำบากอย่างสาหัสแน่นอน
หัวหน้าสํานักอัสนีลึกลับพาลูกศิษย์ของเขาไล่ตามอย่างสุดชีวิต ในที่สุดก็ไล่ตามมู่เฉียนซีมาที่ตีนเขา
มู่เฉียนซีมองไปที่หัวหน้าสํานักอัสนีลึกลับด้วยรอยยิ้ม นางกล่าวว่า “ท่านเจ้าสํานัก ดึกมากแล้ว อันที่จริงเจ้าไม่จําเป็นต้องมาส่งพวกข้าก็ได้ ข้าเกรงใจจริง ๆ หากต้องมารบกวนเจ้า”
นางถึงกับหัวเราะและยิ้มสดใสออกมาเมื่อกล่าววาจาหยอกเย้าเช่นนี้
หัวหน้าสํานักอัสนีลึกลับสูดหายใจเข้าลึก กล่าวอย่างพยายามฝืนกลั้นอารมณ์โกรธสุดชีวิต “ท่านผู้นำตระกูลมู่ ได้โปรดคืนสมบัติล้ำค่าในหอสมบัติของสํานักอัสนีลึกลับให้พวกเราด้วย ส่วนเก้าสายฟ้าลี้ลับ ท่านสามารถนำมันไปได้”
มู่เฉียนซีเอ่ยถาม “มู่อี ข้าจําได้ว่าเมื่อวานตอนบ่าย หัวหน้าสํานักอัสนีลึกลับบอกว่าตราบใดที่ข้าสามารถเข้าไปในหอสมบัติได้ เช่นนั้นข้าก็จะสามารถนําสิ่งที่ข้าต้องการไปได้ เจ้าว่าใช่หรือไม่ ?”
“ใช่ขอรับ”
มู่เฉียนซีถอนหายใจ “อา… ดูเหมือนว่าหัวหน้าสํานักอัสนีลึกลับจะเป็นโรคความจำเสื่อมเสียแล้ว เจ้าจําไม่ได้ว่าเมื่อวานเจ้าพูดอะไร”
หัวหน้าสำนักอัสนีลึกลับโกรธจัด เขาตะเบ็งเสียงกล่าว “ข้าจําได้ว่าในการเดิมพันคือเก้าสายฟ้าลี้ลับ ไม่รวมถึงสิ่งอื่นใด!”
มู่เฉียนซี “แต่เมื่อข้าได้เข้าไปในหอสมบัติแล้วและพบว่ามีสมบัติมากมายอยู่ในนั้น ข้าต้องการมันทั้งหมด สิ่งที่ข้าพรากไปล้วนเป็นสิ่งที่ข้าต้องการ อีกอย่าง เข้าไปได้จะเอาอะไรก็ได้ นี่คือสิ่งที่หัวหน้าสํานักอัสนีลึกลับรับปากเอง”
“เจ้า… เจ้า…” หัวหน้าสำนักอัสนีลึกลับโกรธถึงขีดสุด เขาถึงกับพูดไม่ค่อยออก
“เจ้าช่างดื้อรั้นจริง ๆ เจ้าโจร เอาของคืนข้ามา!” หัวหน้าสํานักอัสนีลึกลับคำราม
มู่เฉียนซี “หัวหน้าสํานักอัสนีลึกลับ เจ้าคิดจะปล้นข้าหรืออย่างไร ? มาเร็ว! เจ้าสามารถเอามันไปได้ ตราบใดที่คนของเจ้าชนะพวกข้า”
ข้าง ๆ พวกเขานั้นมีจักรพรรดิวิญญาณมากมาย จะสู้ได้อย่างไร ? จะแย่งมาได้อย่างไร ?
เขาคําราม “มู่เฉียนซี เจ้าจะรังแกกันเกินไปแล้ว!”
“พรวด! พรวด!” หัวหน้าสํานักสํานักอัสนีลึกลับโกรธจนกระอักเลือดสองระลอก จากนั้นสลบล้มลง
— ตุบ! —
ศิษย์สํานักอัสนีลึกลับอุทานออกมาด้วยความตกใจ “ท่านเจ้าสํานัก! ท่านเจ้าสำนัก!”
สํานักอัสนีลึกลับเป็นสํานักอันดับหนึ่งของแคว้นจื่อเยี่ย หัวหน้าสํานักของเขาแม้แต่ฮ่องเต้ยังไม่เคยอยู่ในสายตา แต่วันนี้กลับถูกสตรีอายุน้อยทำให้โกรธจนกระอักเลือดสลบไปเช่นนี้
มู่เฉียนซีกล่าวเย้ย “ไม่ได้นอนเลยทั้งคืนแต่ยังต้องมาส่งข้า นี่คงทนอากาศหนาวเย็นไม่ไหวจนเป็นลมไปกระมัง!”
ศิษย์สํานักอัสนีลึกลับก็ถูกตระกูลปีศาจนี้ทรมานอย่างไม่เบาเลย ท่านผู้นําตระกูลมู่พูดเรื่องไร้สาระเกินไปแล้ว นางก็เห็นอยู่ว่าหัวหน้าสํานักของพวกเขาถูกนางทําให้โมโหจนสลบไป ยังมีหน้าพูดมาได้ว่าอากาศหนาวเย็น
หัวหน้าสํานักโกรธมากจนสลบไป ศิษย์เหล่านี้ไม่สามารถหยุดมู่เฉียนซีและพวกได้ ทําได้เพียงเฝ้าดูมู่เฉียนซีและพวกนําสมบัติล้ำค่าของสำนักของพวกเขาไป
หลังจากที่มู่เฉียนซีกลับมาถึงจวน สํานักตานจี้และราชวงศ์ก็ได้รับข่าวร้ายมากมาย พวกเขาได้ยินมาว่ามู่เฉียนซีไปที่สำนักอัสนีลึกลับและได้เก้าสายฟ้าลี้ลับมา อีกทั้งหัวหน้าสํานักอัสนีลึกลับยังล้มป่วย
มู่เฉียนซีนางทําอะไรลงไป ? ถึงกับทําให้หัวหน้าสํานักอัสนีลึกลับที่สุขภาพดีมาแต่ไหนแต่ไรถึงกับล้มป่วยลง
แม้แต่หัวหน้าสํานักอัสนีลึกลับก็ยังไม่สามารถจัดการมู่เฉียนซีได้ ซวนหยวนจือจะเหลืออะไร ?! เขาไม่กล้าคิดกลโกงใด ๆ แล้ว
เพื่อป้องกันไม่ให้นางมาหาถึงหน้าประตู เขาส่งหนังสือมอบอํานาจให้ตระกูลมู่อย่างว่าง่าย นับแต่นี้ไป ตระกูลมู่เป็นผู้ควบคุมเครื่องปรุงยาจีนสำคัญของราชวงศ์
เวลานี้สํานักตานจี้กําลังถกเถียงกันอย่างดุเดือด จะส่งของให้นางหรือว่าไม่ส่งดี ?
“เม็ดยาอายุวัฒนะเป็นพื้นฐานของสํานักตานจี้ของพวกเรา ถ้าหากมู่เฉียนซีได้รับยาอายุวัฒนะไป ในอนาคตหอหมอปีศาจขายยาอายุวัฒนะ แล้วสํานักโอสถของพวกเราจะมีทางรอดอะไรได้อีกเล่า ?”
“ใช่! หอหมอปีศาจของมู่เฉียนซีแย่งชิงกิจการและส่งผลกระทบต่อสำนักตานจี้ของพวกเราไปไม่น้อย หากยาอายุวัฒนะตกไปอยู่ในมือของพวกเขา เช่นนั้นสํานักตานจี้ของพวกเราคงมาถึงจุดจบ”
หัวหน้าสํานักตานจี้ ตานคุนกล่าวว่า “หากไม่ส่ง มู่เฉียนซีมาแล้วเราจะทำอย่างไรล่ะ ? แม้แต่ผู้อาวุโสของสํานักอัสนีลึกลับก็ยังหยุดนางไม่ได้ เจ้าคิดว่าพวกเจ้าจะแข็งแกร่งกว่าคนของสํานักอัสนีลึกลับรึ ?”
“อ่า! นั่นก็…”
“ท่านเจ้าสํานักพูดถูก หากให้เด็กสาวใจร้ายผู้นั้นมาเยือนถึงหน้าประตู ไม่รู้ว่าจะก่อเรื่องอะไรขึ้นที่สํานักตานจี้ของพวกเรา”
คนพวกนี้โลเล ไม่แน่นอน
ขณะนั้นมีเสียงทุ้มต่ำดังขึ้น “ศิษย์มีวิธีหนึ่ง ไม่รู้ว่าทุกคนจะฟังหรือไม่ ?”
เมื่อเห็นผู้เป็นเจ้าของเสียงนี้ย่างก้าวเข้ามา สีหน้าของตานคุนและคนอื่น ๆ พลันเปลี่ยนไป
“เจ้า… เจ้ากลับมาแล้ว!”
……
สํานักตานจี้ไม่มีการเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย ทว่ามู่เฉียนซีเองก็ไม่รีบร้อน
ในตอนนั้นเอง เยวี่ยเจ๋อมาหานาง เขากล่าวว่า “พี่ใหญ่ มีบางอย่างผิดปกติ ข้าอยากจะถามพี่ใหญ่ว่าจะจัดการอย่างไรดี ?”
มู่เฉียนซียิ้ม กล่าวอย่างสบาย ๆ “ไม่น่าเชื่อว่าจะมีเรื่องที่เจ้าไม่สามารถจัดการได้ ไหนเจ้าลองบอกข้าสิว่ามีเรื่องอะไร ?”
“กิจการบนถนนจุ้ยเมิ่งพันปี กำลังจะตกอยู่ในอันตรายจากการล้มละลาย พี่ใหญ่!” น้ำเสียงเยวี่ยเจ๋อแฝงความจนใจ
.
Related