สำหรับเรื่องระยะเวลา ขอเพียงแค่ไปถึงจวนตระกูลมู่ของนาง หากถึงตอนนั้นแล้วพวกเขายังไม่ยอมไป การกำหนดระยะเวลาก็จะสูญเปล่าไป
คนของสำนักเหยียนหลัวเหมิงหลายสิบคนได้ยินคำขอของนาง แทบเป็นลมล้มลงไปกองกับพื้น!
เจ้าสำนักกล่าว “สาวน้อย เจ้าคิดว่ายอดฝีมือระดับจักรพรรดิเป็นเพียงผักกะหล่ำปลีหรืออย่างไร ?! ผู้อาวุโสระดับจักรพรรดิของสำนักเหยียนหลัวเหมิงมีเพียงเจ็ดคนเท่านั้น แม้จะรวมข้าแล้วก็ตาม ข้าให้เจ้ายืมไปได้แค่เพียงคนเดียว”
มู่เฉียนซี “เจ้าสำนัก จะอย่างไรสำนักของเจ้าก็เป็นสำนักใหญ่แห่งหนึ่ง อย่าได้ตระหนี่ถี่เหนียวไปเลย ข้าขอสักห้าคนเถอะ”
“ไม่ได้ ได้คนเดียว”
“สี่คนเถอะ”
“แม่สาวน้อย มันชักจะมากไปหน่อยแล้ว มากที่สุดให้สองคน!” เจ้าสำนักตะโกน
เมื่อเห็นผู้อาวุโสกับเด็กน้อยคู่หนึ่งต่อรองกันดั่งต่อราคาผักปลาในตลาดสด มุมปากของผู้คนรอบ ๆ เริ่มปรากฏรอยยิ้มขึ้น บรรดาผู้อาวุโสแห่งสำนักเหยียนหลัวเหมิงจนปัญญา เจ้าสำนักและผู้นำตระกูลมู่มาถกเถียงต่อราคาซื้อขายตัวพวกเขากันโจ่งแจ้งเช่นนี้ จะเป็นการดีหรือ ?
มู่เฉียนซียังคงต่อรอง “สามคน! ท่านเจ้าสำนัก หากยังตระหนี่เช่นนี้อีกละก็ ระวังข้าจะจัดการพวกเขาเสียหมดสิ้น”
“แม่สาวน้อย อายุยังน้อยทว่าโอหังถึงเพียงนี้ อ๊า!…”
เจ้าสำนักยังคงกล่าววาจาดุเดือด แต่เมื่อมู่เฉียนซีเอาเข็มยาออกมานั้น เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกเลย
ช่วยไม่ได้ เวลานี้การบาดเจ็บล้มตายของพวกเขานั้นสาหัสนัก การที่นางฆ่าจะแกงกัน มันขึ้นอยู่กับอารมณ์ของนางล้วน ๆ ถึงแม้ว่าพวกนั้นจะแก้แค้นในภายหลัง ต่อให้ตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายอย่างไร นางก็แค่หนีไปเสีย ไม่มีใครสามารถหาตัวนางได้พบ เช่นนั้นแล้วพวกเขาจึงไม่กล้าท้าทายต่อความอดทนของท่านผู้นำตระกูลมู่ มู่เฉียนซี
เจ้าสำนักเหยียนหลัวเหมิงกล่าวขึ้นในที่สุด “สามคนก็สามคน เจ้าห้า เจ้าหก เจ้าเจ็ด หนึ่งปีหลังจากนี้ไป พวกเจ้าทั้งสามจะต้องคอยปกป้องสตรีผู้นี้”
ด้วยเพราะเป็นคำสั่งจากหัวหน้าสำนัก ผู้อาวุโสที่ห้า หก และเจ็ดจนปัญญา พวกเขาต้องปฏิบัติตาม อีกอย่าง สาวน้อยตรงหน้านางนี้ยังช่วยชีวิตเจ้าสำนักของพวกเขาไว้ พวกเขาควรแสดงความขอบคุณนางให้ดี เพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น สำหรับพวกเขาที่เป็นผู้บำเพ็ญตน หนึ่งปีเป็นเพียงแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ
มู่เฉียนซียิ้ม กล่าวขึ้น “เจ้าสำนักเหยียนหลัวเหมิง หลังจากพูดถึงค่าตอบแทนของข้าแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะพูดถึงเรื่องค่ารักษา”
“อ่า! ค่ารักษาอะไรรึ ?” เจ้าสำนักเหยียนหลัวเหมิงกล่าวขึ้นอย่างตระหนก เหตุผลที่เขายอมประนีประนอมกับสตรีอายุน้อยผู้นี้ ส่วนหนึ่งก็เพราะอยากที่จะแสดงความขอบคุณในเรื่องก่อนหน้านี้ที่นางได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ทว่าหลังจากที่ยอมรับเงื่อนไขเช่นนั้นของนางแล้ว นางยังมาคุยกับเขาเรื่องค่ารักษาพยาบาลกับเขาอีก!
เจ้าเด็กนี่จะต้องใจดำถึงเพียงนี้เลยรึ ?! เจ้าสำนักเหยียนหลัวเหมิงโกรธแทบกระอักเลือด
มู่เฉียนซียิ้มตาหยี นางกล่าวขึ้น “ท่านเจ้าสำนัก มันไม่ง่ายเลยที่หอหมอปีศาจของเราจะปรุงยาชนิดนั้นออกมาได้ เจ้าคิดว่าข้าจะให้ยาพวกนั้นแก่พวกเจ้าเปล่า ๆ อย่างนั้นหรือ ?”
เจ้าสำนักเหยียนหลัวเหมิงลองคิด ๆ ดู ก็คิดว่าที่นางกล่าวก็มีเหตุผลเช่นกัน ยาที่สามารถรักษาเส้นเลือดฉีกขาดได้ในเวลาอันสั้นนั้น คงทำออกมาไม่ง่ายเลย
“บอกมาสิว่าเจ้าต้องการอะไร ?” เจ้าสำนักเหยียนหลัวเหมิงถูกมู่เฉียนซีหลอกจนสำเร็จเป็นที่เรียบร้อย มู่เฉียนซี “ไม่มีอะไรมากนัก สำนักหมอปีศาจของเราต้องการสมุนไพรพวกนี้ เพียงพวกท่านค้นหาสมุนไพรพวกนี้ให้ได้ครบจำนวนก็เพียงพอแล้ว”
มู่เฉียนซีมอบใบรายการยาให้แก่เจ้าสำนัก เมื่อเจ้าสำนักเห็นเนื้อหาที่เขียนอยู่ภายในหน้ากระดาษนั้น ก็เกิดความโมโหโกรธา เส้นเลือดที่เดิมทีได้ฟื้นฟูครั้งใหญ่ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เกือบจะแตกออกมาอีกครา
“แค่ก ๆ ๆ”
มู่เฉียนซีหยิบยาวิเศษออกมาหนึ่งขวดก่อนจะกล่าว “เจ้าสำนักต้องรักษาสุขภาพให้ดี นี่คือยารักษาอาการบาดเจ็บ เจ้ากับบรรดาลูกสำนักรีบกินเข้าไปเถอะเพื่อไม่ให้เจ้าเป็นอะไรไป ถ้าหากเจ้าเป็นอะไรไป ข้าจะเก็บเอาค่ารักษากับผู้ใดได้ ?”
เจ้าสำนักรับยามาอย่างไม่เกรงใจ ในเมื่อสาวน้อยผู้นี้ถือโอกาสปล้นเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขายังจะเกรงใจไปใย ?
พลังจากที่คนของสำนักเหยียนหลัวเหมิงได้กินยาวิเศษนั้นเข้าไปแล้ว สีหน้าของพวกเขาดีขึ้นไม่น้อย พลังวิญญาณก็ได้รับการฟื้นฟู ทำให้ผู้อื่นอดไม่ได้ที่จะอิจฉาคนของเขา
เวลานี้หัวหน้าสำนักจินติ่งและผู้อาวุโสใหญ่ของราชวงศ์กล่าวขึ้นว่า “ท่านผู้นำตระกูลมู่ พวกเราไม่ได้กระทำการล่วงเกินหรือลงมือกับท่าน พวกเราคงไม่ต้องชดเชยอะไรให้ท่านหรอกกระมัง”
เมื่อคิดว่าสาวน้อยผู้นำตระกูลมู่ต้องการค่าตอบแทนมากมายจากสำนักเหยียนหลัวเหมิง พวกเขารู้สึกแสนปวดใจ
มู่เฉียนซีเลิกคิ้ว “พวกเจ้าไม่ได้ล่วงเกินรึ ? พวกเจ้ากล้าพูดหรือไม่ล่ะว่าพวกเจ้าไม่มีความคิดที่จะทำหยาบช้ากับข้า ?”
“ไม่! ไม่อย่างแน่นอน” พวกเขาส่ายศีรษะอย่างเร่งรีบ
“ไม่มีรึ ? ถ้าไม่มี เช่นนั้นบอกข้าสิว่ารอยแผลบนตัวของพวกเจ้าได้มาจากไหนกัน ?”
ชั่วขณะหนึ่ง พวกเขาเสมือนคนเป็นบ้าใบ้เถียงอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว ด้วยเพราะนั่นคือความจริงที่หนักแน่น!
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ได้เวลาแล้ว มาเถอะ ส่งคนระดับจักรพรรดิสามคนมา ขาดไปแม้เพียงหนึ่งคนก็มิได้ ส่งตัวพวกเขามาเถอะ”
หัวหน้าสำนักจินติ่งกล่าว “ยอดฝีมือสำนักจินติ่งของพวกเราไม่ได้มีมากเหมือนดั่งสำนักเหยียนหลัวเหมิง สามคน มันไม่ใช่ว่ามากไปหน่อยหรือไร ?”
“ใช่แล้ว พวกเราไม่ได้มีมากเช่นนั้น” ผู้อาวุโสใหญ่แห่งราชวงศ์ชิงกล่าวสำทับ
“ระดับจักรพรรดิไม่มี ก็เอาราชายอดยุทธ์ขั้นสูงระดับเก้ามาใส่แทนจำนวน อย่าได้มาทำยึกยักกับข้า เข็มยาของข้าไม่ได้มีความอดทนอะไรมากนัก!” พวกเขานั้นถูกการที่มู่เฉียนซีใช้เข็มยาทำให้คนของพันธมิตรเอียนหลัวตายอย่างเลือดเย็นทำให้กลัว แม้ว่าใจของพวกเขาจะไม่ยินยอมอย่างที่สุด ก็จำต้องยินยอมส่งคนของตนไปให้นาง
จะดีร้ายอย่างไรเพียงแค่รอให้พลังของพวกเขาฟื้นฟู ถึงตอนนั้นแล้วหนีก็ไม่เห็นเป็นไร หรือพวกตระกูลมู่จะถึงขั้นส่งยอดฝีมือระดับจักรพรรดิมาตามล่าหรืออย่างไร ?”
มู่เฉียนซียิ้มพึงพอใจก่อนจะกล่าวว่า “ทุกคนได้รับบาดเจ็บสาหัส พวกเจ้าดูสิว่าคนของสำนักเหยียนหลัวเหมิงอาการกำลังดีขึ้น พวกเจ้าต้องการยาวิเศษหรือไม่ล่ะ ?”
มู่เฉียนซีใช้คนของสำนักเหยียนหลัวเหมิงเพื่อโฆษณา มุมปากเจ้าสำนักเหยียนหลัวเหมิงบิดไปมา สตรีผู้นำตระกูลจากต่างแคว้นผู้นี้ ช่างบีบคั้นมูลค่าในตัวของพวกเขาออกมาดีเสียจริง! นางบีบคั้นเสียหมดจดจนไม่มีแรงเหลือเลยก็ว่าได้
ดวงตาพวกเขาฉายประกายกล้า “หรือว่าท่านผู้นำตระกูลมู่ยังมียาวิเศษที่เอาไว้รักษาอาการบาดเจ็บนั้นอีก ? อา… ถ้าหากมี พวกเรายินดีที่จะซื้อ”
มู่เฉียนซียิ้มพึงพอใจอีกครั้ง “ได้ พวกเจ้ายุติธรรมดี ข้าสามารถขายให้แก่พวกเจ้าได้ แต่ตระกูลมู่ของข้านั้นไม่ขาดเงินทอง ฉะนั้นแล้วพวกเจ้าอยากซื้อ ก็จงนำยาวิเศษที่พวกเจ้าพกติดตัวเอาไว้ทั้งหมดออกมา ถ้าหากว่าข้าพอใจข้าก็จะขายให้ หากไม่พอใจก็ไม่เอา”
เจ้าสำนักเหยียนหลัวเหมิงหัวเราะอย่างชอบใจอยู่ด้านข้าง ดูเหมือนว่าพวกนั้นจะลงเอยในแบบที่ไม่ต่างกับเขาเท่าไรนัก บนตัวของพวกเขามียาวิเศษอยู่ไม่น้อย แต่เพื่อซื้อยาวิเศษรักษาอาการบาดเจ็บเพียงเม็ดเดียวนั้น มันไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย!
เจ้าสำนักจินติ่งกล่าวขึ้น “เช่นนั้นพวกเราไม่ซื้อ อาการบาดเจ็บนี้ค่อย ๆ รักษาไปจะสามารถฟื้นคืนดังเดิมได้เอง”
“อืม ข้าก็คิดเห็นเช่นนั้น” ผู้อาวุโสแห่งราชวงศ์ชิงพยักหน้า
ดวงตามู่เฉียนซีฉายประกายเย็นชา นางกล่าวว่า “ไม่ซื้อหรือ ? หึ! ในเมื่อพวกเจ้าพูดออกมาแล้ว พวกเจ้าคิดว่าเป็นไปได้รึ ?”
“ตอนนี้ข้ากำลังบังคับซื้อบังคับขาย พวกเจ้าไม่มีทางเลือกที่สองนอกเสียจากพวกเจ้าอยากตายจากแผ่นดินนี้ไป”
— เพี๊ยะ! —
หัวหน้าสำนักจินติ่งอดไม่ได้ที่จะตบปากตนเอง การที่ยอมให้นางพูดมากอยู่ได้ ช่างน่ารำคาญเสียจริง
ผู้อาวุโสแห่งราชวงศ์ชิงก็ไม่เคยได้รับความอัปยศอดสูเช่นนี้มาก่อน เขาบันดาลโทสะ กล่าวขึ้นอย่างกรุ่นโกรธ “นางหนู เจ้าอย่าให้มันมากไปนักเลย”
“ข้าทำเกินไปแล้วอย่างไร ? ตอนนี้ข้าสามารถสังหารทหารและแม่ทัพที่พ่ายศึกอย่างพวกเจ้าได้ตามสบาย ข้าหยิ่งยโส ใช่! แต่แล้วพวกเจ้าจะทำอะไรข้าได้ ?”
เห็นได้ชัดว่ามู่เฉียนซีกําลังวางแผนที่จะบังคับซื้อ คนพวกนั้นไม่มีทางเลือกอื่น มู่เฉียนซีจึงได้นำยาวิเศษออกมา ทว่าเมื่อมองเห็นยาสมุนไพรวิญญาณของอีกฝ่าย นางมองอย่างรังเกียจในตัวยาที่พวกเขานำออกมาเสนอ
“เหอะ! ยาสมุนไพรวิญญาณพวกนี้ พวกเจ้ายังกล้านำออกมาให้ทำตนอับอาย”
“สมุนไพรวิญญาณเหล่านี้ ไม่คุ้มค่ากับยาวิเศษของข้า”
แม้ว่ามู่เฉียนซีจะกล่าวเช่นนั้น ทว่าพวกองครักษ์เงาตระกูลมู่เข้าไปเก็บรวบรวมสมุนไพรวิญญาณที่คนพวกนั้นนำออกมาอย่างรวดเร็ว บรรดาสำนักจินติ่งจึงได้ระเบิดโทสะออกมา
“มู่เฉียนซี สรุปแล้วเจ้าจะทำอะไรกันแน่ ?”
.