มู่เฉียนซีโอบแขนไปรอบคอเขา และได้ประทับตราไว้ “งั้นข้าทำเช่นนี้ เจ้าพอใจไหม ?”
“ไม่พอใจ”
“อุ๊บ…!”
จุมพิตอย่างผิวเผินเช่นนั้น เขาจะพอใจได้อย่างไรกัน เขายังต้องการมากอีกหน่อย
ทั้งสองพัวพันกัน ยิ่งพัวพันกันลึกซึ้งก็ยากที่จะแยกจากกัน
ดวงสุริยาค่อย ๆ ลับขอบฟ้าลงไปในทะเล จิ่วเยี่ยก็ได้ปล่อยมู่เฉียนซีไปในที่สุด เขากล่าวทิ้งท้าย “ซีระวังตัวด้วย”
เงาร่างของจิ่วเยี่ยหายไป มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “พวกเราก็รีบกลับไปยังแคว้นจื่อเยี่ยเร็วเข้า”
ในแคว้นซูรื่อ ผู้นำตระกูลมู่ได้ใช้เงินทองไปจํานวนมากเพื่อซื้อสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ชนิดที่บินได้เร็วที่สุด และรีบไปที่เมืองชางเฟิงเพื่อเตรียมตัวเข้าสู่เทือกเขาชีชง
เมื่อมาถึงเมืองชางเฟิง นางก็ได้รับข่าวหนึ่ง
“ท่านผู้นำ พวกข้าได้ตรวจสอบข่าวทางตะวันตกของทวีปเซี่ยโจวแล้ว ตอนนี้คนของสำนักไป๋กู่ทางตะวันตกของทวีปเซี่ยโจวได้เข้าควบคุมแคว้นชิงอย่างสมบูรณ์ และเวลานี้กําลังให้แคว้นชิงบุกโจมตีแคว้นจื่อเยี่ย แคว้นจื่อเยี่ยกำลังตกอยู่ในอันตรายขอรับ”
“ซวนหยวนจือ ฮ่องเต้แห่งแคว้นจื่อเยี่ยได้ออกศึกเอง องค์ชายสามซวนหยวนชิงอวิ๋นและองค์ชายซวนหยวนหลี่เทียนก็ได้ออกรบเช่นกัน
ในครั้งนี้ แคว้นจื่อเยี่ยทุ่มสุดตัวเพื่อที่จะต้านทานศัตรู
ใบหน้าของมู่เฉียนซีเปลี่ยนไปอย่างมาก “ข้าจากไปไม่นาน แคว้นจื่อเยี่ยก็ได้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นแล้ว ตามข้ามา”
ด้วยเพราะมีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสามอย่างเสี่ยวหงและอู๋ตี้ สัตว์วิญญาณเหล่านั้นในป่าชีชงจึงไม่กล้าโจมตีนาง พวกมันหลีกทางให้อย่างเกรงกลัว
นางมาถึงเมืองฉู่ด้วยความเร็วสูงสุด จากนั้นก็รีบไปยังแคว้นชิง เมื่อมาถึงแคว้นชิง ก็มีข่าวมากมายค่อย ๆ เข้าหูนาง
“พระชายาปีศาจสร้างความหายนะต่อแคว้น! มีข่าวลือว่าในวังหลังของแคว้นชิงมีพระชายาปีศาจเพิ่มมาอีกหนึ่งคน ทําให้ฮ่องเต้แห่งแคว้นชิงหลงใหลจนหัวปั่น และทําให้ฮ่องเต้แห่งแคว้นชิงฆ่าขุนนางที่จงรักภักดีไปไม่น้อยเพื่อนาง”
“เวลานี้ทุกคนในจวนไป๋กั๋วกงถูกขังอยู่ในคุกใหญ่ รอให้ฮ่องเต้แคว้นชิงยึดแคว้นจื่อเยี่ย จากนั้นก็จะจัดการลงโทษ
ใครใช้ให้พวกเขามาขัดขวางแคว้นชิงที่จะโจมตีแคว้นจื่อเยี่ยกันเล่า ?!”
กองทัพทั้งสองกําลังต่อสู้กันที่ชายแดนระหว่างแคว้นชิงและแคว้นจื่อเยี่ย ซวนหยวนชิงอวิ๋นและคนอื่น ๆ ที่ร่วมสู้รบ ไม่รู้ว่าจะเป็นหรือตาย
มู่เฉียนซีเรียกรวมตัวองครักษ์เงาของตระกูลมู่ทั้งหมดจากแคว้นชิงและสั่งให้องครักษ์เงาของแคว้นจื่อเยี่ยรีบไปที่ชายแดน
ตระกูลมู่ของพวกเขามีอิทธิพลในภาคตะวันตกของทวีปเซี่ยโจว แคว้นจื่อเยี่ยจะมีอยู่หรือถูกทำลายก็ไม่มีผลอะไรต่อตระกูลมู่มากนัก ดังนั้นหากผู้นำตระกูลมู่ไม่กลับมา พวกเขาคนอื่น ๆ ในจวนตระกูลมู่ก็จะยังคงนิ่ง ไม่เข้าร่วมโจมตี
แต่ถึงอย่างไร นี่ก็เป็นสถานที่บ้านเกิดตระกูลมู่ของพวกเขา มู่เฉียนซีนั้น นางรู้สึกว่ายังสุขสงบดีอยู่ อีกอย่าง นางสงสัยว่าพระชายาปีศาจผู้นั้นคือโอวหยางหว่าน
ต้องบอกเลยว่าโอวหยางหว่านนั้นเป็นภัยร้ายอย่างหนึ่ง นางปีศาจผู้นั้นสร้างความหายนะต่อแคว้นหนึ่งแล้ว ยังสามารถสร้างหายนะต่ออีกแคว้นหนึ่งได้
องครักษ์สามสิบร่างมาพบมู่เฉียนซี พวกเขากล่าวว่า “ข้าน้อยคำนับท่านผู้นำตระกูล”
มู่เฉียนซี “ช่วงนี้ระดับการบำเพ็ญฝึกฝนของพวกเจ้าเพิ่มขึ้นมาก แต่ถึงแม้ว่าพวกเจ้าจะแข็งแกร่ง การที่มีทหารนับพันในสมรภูมิรบก็มีผลกระทบต่อพวกเราไม่น้อย”
“ต่อให้ต้องตาย พวกข้าก็จะเชื่อฟังคําสั่งของท่านผู้นำตระกูล”
“ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกเจ้าตาย ดังนั้นข้าจึงเตรียมของบางอย่างไว้ให้พวกเจ้า” มู่เฉียนซีโบกมือ หยิบของบางอย่างออกมาจากแหวนมังกรเทพวารี
เหล่าองครักษ์เงาตะลึงงัน นี่… ทั้งหมดนี้เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์
ไม่ง่ายเลยที่พวกเขาจะฝึกให้ใจแข็งกับการที่ผู้นำตระกูลมู่เอายาเม็ดจำนวนมากให้พวกเขากินเสียจนถึงขั้นที่กินมันได้อย่างนิ่งเฉยมิต้องรู้สึกเสียดาย มาตอนนี้ดูเหมือนว่าการฝึกใจแข็งต่อความเสียดายนั้น กำลังจะพัฒนาไปอีกขั้นแล้ว
มู่เฉียนซี “พวกเจ้าเลือกตัวที่ชอบได้เลย”
พวกเขาสามารถเลือกสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ได้ตามใจชอบ สวรรค์โปรด! นี่ไม่ใช่ความฝันใช่หรือไม่ ?
“อย่าเสียเวลา รีบ ๆ เลือกเร็วเข้า” มู่เฉียนซีเร่ง
“ขอรับ!”
สัตว์ศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ถูกนางทำให้เชื่องแล้ว ดังนั้นกระบวนการทำพันธสัญญาของพวกเขาจึงราบรื่นมาก หลังจากที่ได้เตรียมสัตว์พันธสัญญาให้กับองครักษ์เงาของตระกูลมู่ทั้งหมดแล้ว พวกเขาก็ไปยังชายแดน
บริเวณเขตชายแดนมีคนจํานวนไม่มากเท่าไหร่นัก มู่เฉียนซีบุกเข้าไปในชายแดน ทําให้องครักษ์ผู้ป้องกันรักษาชายแดนแคว้นชิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“หยุด!” องครักษ์ผู้หนึ่งกล่าว
“ไสหัวไป! เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาสั่งให้ข้าหยุด ?” มู่เฉียนซีโต้ตอบ จากนั้นไม่รอช้า นางลงมืออย่างเผด็จการทันที
องครักษ์ที่รักษาประตูเมืองนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง นางฆ่าสังหารไปตลอดทางจนถึงประตูทางทิศตะวันตก
นี่เป็นประตูที่สําคัญที่สุด โดยปกติแล้วประตูนี้จะไม่เปิด เว้นเสียแต่ว่าจะมีการเดินทางของกองทัพ
“หยุด! ตอนนี้มีการต่อสู้ครั้งใหญ่ ประตูทิศตะวันตกไม่สามารถเปิดได้ แม่นางโปรดกลับมาก่อน”
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าคือผู้นำตระกูลมู่มู่เฉียนซี ตอนนี้ข้าต้องกลับไปยังแคว้นจื่อเยี่ย หลีกทางให้ข้า”
“ผู้นำตระกูลมู่ เจ้าคือผู้นำตระกูลของตระกูลมู่!” คนรอบข้างต่างตกตะลึง
“ผู้นําตระกูลมู่ปรากฏตัวขึ้น รีบไปรายงานท่านแม่ทัพเร็วเข้า”
“ขอรับ…”
มู่เฉียนซีไม่สนใจพวกเขาที่จะไปส่งข่าว นางเพียงแค่ถามว่า “พวกเจ้าจะเปิดหรือไม่เปิด ?”
“ผู้นำตระกูลมู่ ข้าขอโทษ โปรดรอท่านแม่ทัพมาก่อนได้หรือไม่ ?”
มู่เฉียนซีแค่นเสียงเย็นชา “ท่านแม่ทัพของพวกเจ้าคือใครถึงต้องให้ข้ารอ ? …เสี่ยวหง เปิดประตูนี้ออกให้ข้าประเดี๋ยวนี้เลย”
มู่เฉียนซีในเวลานี้อยู่ในค่ายด้านหลังของศัตรู แต่นางกลับกล้าอวดดีถึงเพียงนี้ ช่าใจกล้าดีแท้
— ตูม! —
เสี่ยวหงระเบิดเปิดเป็นรูขนาดใหญ่ที่ประตูและมู่เฉียนซีก็ก้าวออกไป
พวกองครักษ์รีบกล่าวขึ้นทันที “หยุดนาง! หยุดสตรีผู้นี้เร็วเข้า เร็ว!”
“ผนึกมังกรวารี!”
“วารีสะท้านสวรรค์!”
“บุปผาหลั่งสายฝน!”
มู่เฉียนซีโจมตีรัว ๆ พวกเขาคิดหรือว่านางจะยอมถูกคุมตัว
องครักษ์เหล่านี้ล้วนเป็นจอมยุทธ์ จึงไม่สามารถหยุดมู่เฉียนซีที่เป็นถึงระดับราชาได้
มู่เฉียนซีวิ่งออกจากเมืองไปอย่างราบรื่น แต่ไม่นานก็มีคนมากมายไล่ตามมา เห็นได้ชัดว่ากลุ่มคนกลุ่มนี้ดูมีพลังมาก
แม่ทัพเป็นจักรพรรดิแห่งภูตระดับสูง เขามองมู่เฉียนซี ปากก็กล่าวว่า “ผู้นําตระกูลมู่ ข้าได้ยินมาว่าเจ้ากําลังฝึกฝนอยู่ แต่ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเจ้าจะปรากฏตัวขึ้นที่ชายแดนแคว้นชิงของเรา ”
“ข้าจะไปไหนนั้นมิใช่เรื่องที่ใครจะต้องเข้ามายุ่ง พาสุนัขรับใช้ของเจ้าไสหัวกลับไปซะ” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชา
ทหารเหล่านั้นโกรธมากที่ถูกเปรียบเป็นสุนัขรับใช้ นางกำลังจะถูกปิดล้อมไว้อยู่แล้ว ยังจะกล้าอวดดีอีก
“ผู้นำตระกูลมู่กับพระสนมเสียนเฟยของพวกเราเคยรู้จักกันมาก่อน พระสนมเสียนเฟยของพวกเรานึกถึงผู้นำตระกูลมู่มาโดยตลอด มาตอนนี้ยังไม่ได้พบกับผู้นำตระกูลเลย เชิญผู้นำตระกูลมู่ไปกับพวกเราสักครั้งเถอะ”
ในเวลาเดียวกับตอนที่มู่เฉียนซีบุกฝ่าออกไปนั้น ที่ประตูด่านตรงหน้านางมีการสู้รบกันระหว่างแคว้นชิงและแคว้นจื่อเยี่ย
จักรพรรดิฉินป้าแห่งแคว้นชิงพาพระสนมคนโปรดของเขาขี่ม้าศึกออกศึก ทหารของแคว้นชิงมีมากกว่าทหารของแคว้นจื่อเยี่ยถึงสิบเท่า การต่อสู้ครั้งนี้ไม่น่าพะวงแม้แต่น้อย
พระสนมคนโปรดของเขาสวมชุดกระโปรงยาวสีดํา รูปร่างที่งดงามนั้นทําให้ทหารทุกคนหลงใหล
นางไม่เพียงแต่ทําให้ทหารของแคว้นชิงสับสนเท่านั้น แม้แต่ทหารของแคว้นจื่อเยี่ยเองก็ถูกนางทําให้สับสน
เสียงที่มีเสน่ห์ดังออกมา “ซวนหยวนจือ เจ้ายังไม่รีบยอมแพ้อีก ยกแคว้นจื่อเยี่ยมาเสียดี ๆ”
ซวนหยวนจือมองใบหน้าที่มีเสน่ห์อย่างหลงใหล เขากล่าวว่า “หว่านเอ๋อร์ หว่านเอ๋อร์…”
สายตาที่หลงใหลนั้นของซวนหยวนจือทําให้โอวหยางหว่านรู้สึกคลื่นไส้ นางกล่าวขึ้น “รีบยอมแพ้ซะ ข้าไม่อยากเสียเวลากับพวกเจ้า”
แม้ว่าซวนหยวนจือจะถูกมู่เฉียนซีควบคุม แต่เมื่อพบโอวหยางหว่าน ซวนหยวนจือก็เหมือนถูกนางจูงจมูกไปโดยง่าย
ซวนหยวนหลี่เทียนกล่าวอย่างร้อนรน “เสด็จพ่อ ท่านอย่าได้หลงเสน่ห์นางปีศาจผู้นี้”
— ปัง! —
ซวนหยวนจือตบหน้าเขาและกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว “แม่นางหวานเอ๋อร์ไม่ใช่นางปีศาจ นางเป็นเสด็จแม่ของเจ้า”
.