มู่เฉียนซียิ้ม กล่าววาจาตอบโต้อย่างเผ็ดร้อน “ดูเหมือนว่าสำนักนิกายใหญ่อย่างพวกท่านไม่ได้เก่งกาจอะไรนัก อุตส่าห์พากันมาตั้งนานแล้ว กลับยังไม่เจออะไร”
จวินโม่ซี “มู่เฉียนซีสาวน้อย เจ้าไร้เดียงสาเกินไปแล้ว สำนักนิกายของพวกเขาอยู่ในระดับไหนกัน พวกเขามีความสามารถมากเท่าไหร่ นี่น่ะหรือสำนักนิกายใหญ่ที่ผู้คนร่ำลือฮือฮา”
นับตั้งแต่คราก่อนที่จวินโม่ซีพูดเสียดสีซวนหยวนหลี่เทียน มู่เฉียนซีก็เห็นความสามารถในการเสียดสียั่วยุโดยวาจาของจวินโม่ซีมากขึ้น
จวินโม่ซีกล่าวแทงใจดำอย่างตรงจุด ทำให้ราชวงศ์ซวนหยวนและเจ้าสำนักตานจี้โกรธเกรี้ยวขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้
ผู้อาวุโสของสำนักตานจี้กล่าวขึ้นว่า… “ท่านผู้นำตระกูลมู่ ในเมื่อเจ้าคิดว่าพวกเราไร้ความสามารถที่จะหาสมบัติแปลกประหลาดนั่นเจอ เช่นนั้นเจ้าก็ลองหาดูหน่อยเป็นไร”
เจ้าสำนักนิกายซวนเหลยกล่าว “ข้าได้ยินมา ผู้คนลือกันให้ทั่วว่าท่านผู้นำตระกูลมู่มีความสามารถเก่งกาจยิ่งนัก เช่นนั้นก็ลองหาดูได้เลย”
ซวนหยวนจือกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “อืม… หากซีเอ๋อร์สามารถหาเจอ ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีทีเดียว จะได้ช่วยคลายปมในใจพวกเราได้ด้วยว่าซีเอ๋อร์นั้นเก่งกาจจริง”
อวิ๋นซินหรานหันไปกล่าวถามคำถามกดดัน “ท่านผู้นำตระกูลมู่คงจะมั่นใจในตัวเองใช่หรือไม่”
กองกำลังทั้งสี่มุ่งเป้ามาที่มู่เฉียนซี มู่เฉียนซีกับจวินโม่ซีหันมองหน้ากัน จากนั้นมู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “พวกท่านหาไม่เจอก็มาให้ข้าเป็นผู้ค้นหา หากข้าเป็นผู้ที่ค้นหาเจอ พวกท่านคงจะลงมือแย่งชิง เช่นนั้นข้าไม่ขาดทุนแย่รึ ?”
เมื่อทุกคนเห็นท่าทางมั่นใจของนางต่างก็พากันไม่เชื่อ เจ้าสตรีอายุน้อยนี่ กล่าววาจาโอ้อวด โอหังนัก
ผู้อาวุโสของสำนักตานจี้กล่าว “หากเจ้าหาทางเข้าได้ ข้าจะมอบสูตรยาเจิ้นซานและสูตรยาวิญญาณวิเศษให้กับเจ้า”
เจ้าสำนักนิกายซวนเหลยกล่าว “หากเจ้าหาทางเข้าได้ ข้าก็จะมอบวรยุทธ์เจิ้นซานและเก้าสายฟ้าลี้ลับให้กับเจ้า ผู้นำตระกูลมู่”
เจ้าสำนักทั้งสองนิกายออกหน้าอย่างใจกว้างเสียจนราชวงศ์ซวนหยวนเกิดความลำบากใจ
ทว่าซวนหยวนจือจะไม่ยอมเสียโอกาสนี้ไปเป็นแน่ เขากล่าว “หากซีเอ๋อร์หาทางเข้าเจอ ต่อไปจากนี้การค้าสมุนไพรปรุงยาของราชวงศ์ ข้าก็จะมอบให้ตระกูลมู่เป็นผู้ดูแล”
นี่เป็นของล้ำค่ายิ่งนัก ดูเหมือนว่าราชวงศ์ซวนหยวนคงไม่มีอะไรจะเสียแล้ว จึงยอมทุ่มถึงเพียงนี้
อวิ๋นซินหราน “ได้ยินมาว่าท่านผู้นำตระกูลมู่สนใจในสมุนไพรวิญญาณยิ่งนัก ตระกูลอวิ๋นมีสวนสมุนไพรวิญญาณ ยินดีที่จะมอบให้ท่านผู้นำตระกูลมู่เช่นกัน”
มู่เฉียนซีมองไปที่พวกเขาด้วยสีหน้าเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม แต่ละคนเสนอของมีค่าน่าสนใจ แต่ละอย่างช่างยั่วยวนเย้าใจนางเสียจริง!
อวิ๋นซินหรานกล่าวต่ออีกว่า “ท่านผู้นำตระกูลมู่ พวกเราต่างก็แสดงความจริงใจออกมาแล้ว ไม่ทราบว่าท่านผู้นำตระกูลมู่จะนำอะไรออกมาแสดงความจริงใจรึ ?”
มู่เฉียนซีเลิกคิ้วก่อนจะกล่าวว่า “เช่นนั้นพวกเจ้าบอกข้ามาตรง ๆ เลยดีกว่าว่าพวกเจ้าปรารถนาสิ่งใด”
อวิ๋นซินหราน “พวกเรามีกองกำลังสี่กอง หากท่านผู้นำตระกูลมู่มิอาจหาเจอได้ ตระกูลอวิ๋นต้องการทรัพย์สมบัติหนึ่งส่วนสี่ของตระกูลมู่”
ตานคุน “พวกเราสำนักตานจี้ต้องการส่วนแบ่งหนึ่งในสี่ของทรัพย์สมบัติตระกูลมู่เช่นกัน”
เจ้าสำนักซวนเหลยรีบกล่าว “ข้าก็เช่นกัน!”
ซวนหยวนชิงอวิ๋นที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ซวนหยวนจือดูราวกับผู้ไม่มีตัวตนในเวลานี้เลย เขาจ้องมองมู่เฉียนซีด้วยความห่วงใย กองกำลังทั้งสี่กำลังบีบบังคับให้นางหมดหนทาง! เฉียนซีแน่ใจหรือว่าจะหาทางเข้าเจอ ?
ในที่สุดซวนหยวนจือกล่าวขึ้นว่า… “ราชวงศ์ซวนหยวนก็ต้องการทรัพย์สมบัติหนึ่งส่วนสี่ของตระกูลมู่เช่นเดียวกัน”
ถึงอย่างไรเขาไม่สบายใจเลย เดิมทีแล้วทรัพย์สมบัติของตระกูลมู่ทั้งหมดควรเป็นของราชวงศ์ซวนหยวน มิใช่หรือ ?
ในวันนี้ราชวงศ์ซวนหยวนกลับยากจนเงินทอง ในเมื่อมีโอกาสจะได้ทรัพย์สินเหล่านั้นมา แม้ว่าจะเป็นแค่เพียงหนึ่งส่วนสี่ มันก็เพียงพอที่จะนำมาบรรเทาทุกข์ได้ ดังนั้นเขาจึงจำใจต้องแบ่งกับคนเหล่านี้
หากรอให้เขาจัดการกับมู่อวู่ซวง ก็ไม่อาจทราบได้เลยว่าต้องรอจนถึงเมื่อไหร่ บางทีกว่าจะจัดการกับมู่อวู่ซวงได้ ราชวงศ์ซวนหยวนอาจจะยากจนข้นแค้นจนไม่เหลืออะไรแล้วก็เป็นได้
ทันใดนั้นมู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “เพียงแค่กล่าววาจาอย่างเดียวคงไม่พอ เรามาทำสัญญาโลหิตกันจะดีกว่า”
พวกเขากล่าว “ไม่มีปัญหา สัญญาด้วยโลหิตไม่มีผู้ใดกล้ากลับคำเป็นแน่!”
พวกเขาได้เขียนสัญญาโลหิตว่า …หากมู่เฉียนซีสามารถหาที่ซ่อนสมบัติล้ำค่าได้ พวกเขาจะมอบสิ่งที่ได้กล่าวคำมั่นสัญญาเอาไว้เมื่อครู่นี้ให้กับมู่เฉียนซี แต่หากว่ามู่เฉียนซีไม่สามารถหาได้ ทรัพย์สมบัติของตระกูลมู่จะถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วน มอบให้กับพวกเขาแต่โดยดี
หลังจากเขียนสัญญาโลหิตเสร็จสิ้น อวิ๋นซินหรานกล่าว “อา… ท่านผู้นำตระกูลมู่ เชิญเริ่มหาที่ซ่อนของล้ำค่านั้นได้แล้ว”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างแข็งขัน “ได้!”
ปลายจมูกของนางขยับเล็กน้อย กลิ่นของยาเมื่อคืนจางหายไปมากแล้วในเวลานี้ ถึงแม้ว่าเจ้าสำนักตานจี้จะสัมผัสไม่ได้ ทว่ามู่เฉียนซีสัมผัสได้ ร่างกายของนางเคลื่อนไปที่ด้านซ้ายของหน้าผาอย่างรวดเร็ว ทุกคนเห็นท่าทีที่ดูเหมือนนางจะหาเจอ ต่างขมวดคิ้วขึ้นทันที
เป็นไปไม่ได้! สตรีมู่ผู้นี้ไม่มีทางหาเจอเด็ดขาด นางเพียงแค่เสแสร้งแกล้งทำเป็นตบตาก็เท่านั้น
มู่เฉียนซีหยุดยืนอยู่กับที่ กล่าวขึ้นว่า “ชิงอิ่ง ถล่มตรงนี้เร็ว”
ร่างสีเขียวเคลื่อนไหวไปข้าง ๆ มู่เฉียนซีอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เขากำลังจะเริ่มลงมือ มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “ชิงอิ่ง กินเสียก่อนที่เจ้าจะลงมือ พลังจะได้เพียงพอ”
ชิงอิ่งกลืนยาระดับสองและยาระดับสามเข้าไปหลายขวดอย่างไม่เกรงใจ ผู้คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นตกอกตกใจแทบเป็นลม
สวรรค์! ต่อให้ตระกูลมู่ร่ำรวยเงินทองเพียงใด แต่จะมากินยาระดับสองระดับสามมากมายเช่นนี้ไม่ได้ สุรุ่ยสุร่ายฟุ่มเฟือยเกินไปจริง ๆ
หลังจากที่ชิงอิ่งกลืนยาหมด เขาพลันระเบิดหมัดที่น่ากลัวออกมา
— ตูม! ตูม! ตูม! —
เสียงระเบิดดังสนั่น ในที่สุดปากถ้ำถูกเปิดโดยชิงอิ่ง
“ข้าหาเจอแล้ว” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างมีชัย
สีหน้าของซวนหยวนจือเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด “ซีเอ๋อร์ เจ้าระเบิดโพรงออกมาสุ่มสี่สุ่มห้าแล้วบอกว่านี่คือทางเข้า เช่นนี้ไม่นับว่าหาเจอ”
มู่เฉียนซี “จะใช่หรือไม่นั้น เข้าไปเดี๋ยวก็รู้เอง” กล่าวจบ นางโบกมือเรียกให้องครักษ์เงาทั้งหมดตามนางเข้าไป
ภายในถ้ำแห่งนี้มืดสนิท เมื่อมองเข้าไปดูเหมือนจะไม่มีทางสิ้นสุด ด้านหน้าเป็นเพียงทางตรงเท่านั้น ไม่มีทางที่ผู้เข้าไปจะหลงทางได้
ซวนหยวนจือ อวิ๋นซินหราน และคนอื่น ๆ ยิ่งพวกเขาเข้าไปลึกเท่าไหร่ ก็ยิ่งใจไม่ดีมากขึ้นเท่านั้น ดูเหมือนว่ามู่เฉียนซีจะหาทางเข้าเจออย่างแท้จริง พวกเขาไม่รู้เลยว่าเดินอยู่ในถ้ำแห่งนี้นานเท่าไหร่แล้ว ในที่สุดพวกเขาก็เห็นทางออกเบื้องหน้า
มู่เฉียนซีเดินออกไปที่ทางออกนั้น และแล้ว… ทุกอย่างกระจ่างชัดตรงหน้านาง ทว่าในขณะที่นางก้าวออกไป เถาวัลย์ที่อยู่บนพื้นถ้ำเลื้อยเข้ามาพันขานาง กวาดนางไปทันที
นางตะโกนด้วยความตกใจ “ระวัง!”
— วิ๊ง! —
นางรีบฉวยเอากระบี่มังกรเพลิงออกมา ขณะที่จวินโม่ ชิงอิ่ง และองครักษ์เงาคนอื่น ๆ รีบตอบโต้ในทันที!
คนของราชวงศ์ซวนหยวน คนของสำนักตานจี้ และคนของสำนักซวนเหลยต่างรีบกุลีกุจอออกมา
สุดท้าย พวกเขาก็ต้องเผชิญกับการห้อมล้อมของเถาวัลย์นี้ด้วยเช่นกัน
— ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! —
กระบี่มังกรเพลิงมีอานุภาพที่ร้ายแรงยิ่งนัก มู่เฉียนซีสามารถใช้มันตัดเถาวัลย์ขาดออกไปอย่างง่ายดาย
มู่เฉียนซี “จวินโม่ซี ข้าลืมบอกเจ้าว่าข้ายังมีไก่ย่างเลิศรสอยู่ เจ้าใช้พลังธาตุอัคคีเผาทำลายเถาวัลย์เหล่านี้ หากเปิดทางให้ข้าได้ ไก่ย่างทั้งหมดก็จะเป็นของเจ้า”
จวินโม่ซียิ้ม กล่าวขึ้น “โอ้แม่สาวน้อย… เจ้าอย่าลืมรักษาสัจจะ ข้าจะเริ่มประเดี๋ยวนี้”
ทันใดนั้นทั่วทั้งบริเวณเต็มไปด้วยพลังธาตุอัคคี จวินโม่ซีตะโกนขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด
“เปิดทาง!
— ตูม! —
เสียงระเบิดดังสนั่นลั่นพสุธา จากนั้นเปิดทางได้สำเร็จ ทางถูกเปิดแล้ว!
“ไปกันเถอะ” มูเฉียนซีนำทางองครักษ์เงามุ่งไปด้านหน้าทันที
.