มู่เฉียนซีกล่าว “อาจารย์ใหญ่เวิน หูเจ้าแมวอู๋ตี้ของพวกเราไม่ค่อยดี มันไม่ได้ยิน ดังนั้นพวกเราจึงลงมือโดยไม่ทันระวัง ประเดี๋ยวข้าจะสั่งสอนมันให้ดีเอง ท่านบอกว่าพวกเราทำผิดกฎ มันเป็นเช่นนั้นจริง ๆ”
รองอาจารย์ใหญ่ยืนขึ้น กล่าวว่า “ข้าสามารถเป็นพยานได้ว่าหูของเจ้าแมวตัวนี้ไม่ดีจริง ๆ”
อาจารย์ใหญ่อีกเจ็ดสำนักศึกษาล้วนเลิ่กลั่ก จิตใจว้าวุ่นบ้าคลั่ง พวกเขาอย่าได้ไร้ยางอายเช่นนี้เลย
อู๋ตี้กระซิบใกล้ ๆ หูเฮาฉางเซิ่ง “เจ้าเองก็พูดไปสิ หากนายท่านของข้าไม่ได้ที่หนึ่ง ระวังข้าจะถลกหนังเจ้าออกเป็นแผ่น ๆ”
เฮาฉางเซิ่งกล่าวเสียงสั่น “อาจารย์ใหญ่เวิน เป็นข้าเองที่ตะโกนยอมแพ้เสียงเบาเกินไป อีกฝ่ายไม่ได้ยิน ดังนั้นจึงไม่นับว่าสำนักศึกษาแคว้นจื่อเยี่ยทําผิดกฎ”
ดวงตาอาจารย์ใหญ่เวินฉายแววผิดหวัง ในเมื่อฝ่ายที่เกี่ยวข้องกล่าวมาเช่นนี้ เรื่องนี้คงทําได้เพียงปล่อยวาง ในที่สุดเขาก็ประกาศว่า “สำนักศึกษาแคว้นจื่อเยี่ยเป็นผู้ชนะ!”
อีกด้านหนึ่ง หนึ่งในสองสำนักศึกษาจากแคว้นชิง สำนักศึกษาชิงติ่งได้เปรียบในการเอาชนะ เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ขณะที่สองสำนักศึกษาใหญ่จากการแข่งขันสองรอบ ต้องออกจากวงล้อมไป
การประลองอันสนุกสนานลุ้นระทึก กําลังจะเริ่มขึ้นในไม่ช้านี้
อาจารย์ใหญ่เวินประกาศ “ฝ่ายผู้ท้าชิงคือสำนักศึกษาแคว้นจื่อเยี่ย เชิญสำนักศึกษาแคว้นจื่อเยี่ยส่งคนมาประลองได้”
ซวนหยวนชิงอวิ๋นกล่าว “ข้าไปเอง ไม่มีอะไรร้ายแรงแล้ว”
มู่เฉียนซียิ้ม กล่าวว่า “ข้ายินดีมากที่เจ้ามั่นใจในยาของข้า แต่ในฐานะผู้บาดเจ็บเจ้าควรพักผ่อนให้หายดีก่อนเป็นการดีกว่า ข้ามีอู๋ตี้อยู่ พวกเขานั้น หากมีความสามารถก็ขึ้นมาเจอกับข้าผู้นี้ได้”
มู่เฉียนซีอุ้มอู๋ตี้ ร่างบางไม่รอช้า กระโดดขึ้นเวที
เมื่อมองเจ้าแมวน่ารักตัวนั้น ภาพสภาพอันน่าสยดสยองของงูเหลือมดําพลันผุดขึ้นในหัว คนของสำนักศึกษาชิงติ่งอดไม่ได้ที่จะกังวลใจขึ้นมา
“พี่ใหญ่ เราจะทําอย่างไรกันดี ? แมวขาวตัวนั้นมันฆ่าสัตว์วิญญาณระดับห้าได้ในพริบตา พวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมันเลย”
“ต้องใช่สิ!”
ผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มนักเรียนจากสำนักศึกษาชิงติ่ง—เผยหงกล่าวขึ้น “ข้าไปเอง เจ้าเฮาฉางเซิ่งโง่เง่านั่น พวกเจ้าคิดจริง ๆ รึว่าเจ็ดสำนักศึกษาใหญ่จะมีเขาเพียงคนเดียวที่มีสัตว์พันธสัญญา ? ข้าก็มี”
เผยหงก้าวเดินไปที่เวทีประลอง กล่าวอย่างเย็นชา “ถ้าเจ้าคิดว่าเจ้ามีสัตว์วิญญาณระดับห้าแล้วเจ้าจะสามารถฆ่าได้จนถึงรอบสุดท้าย เช่นนั้นเจ้าคิดผิดมหันต์ ข้าเองก็มีสัตว์พันธสัญญาอยู่ตัวหนึ่งพอดี”
“โฮกกกก!” เสียงคํารามราวพยัคฆ์ร้ายเจ้าอำนาจดังออกมา พยัคฆ์ขาวตัวใหญ่ตัวหนึ่งปรากฏตัวต่อหน้าอู๋ตี้
ดวงตาอู๋ตี้เปล่งประกายกล้า “นายท่าน แมวใหญ่ตัวนี้แข็งแกร่งกว่างูตัวเล็ก ๆ ตัวนั้นเล็กน้อย ได้เวลาสนุกแล้ว”
มู่เฉียนซี “รึ ? เช่นนั้นเจ้าก็ค่อย ๆ เล่นไปแล้วกัน ส่วนเจ้าหมอนี่ข้าจัดการเอง”
“ได้!” ร่างอู๋ตี้พุ่งตรงไปที่พยัคฆ์ขาวตัวใหญ่ราวกับสายฟ้า
เผยหงกล่าวเสียงเย็นชา “การปล่อยให้สัตว์พันธสัญญาของเจ้าออกห่างจากเจ้าไป เจ้าวางกลยุทธ์ผิดพลาดแล้ว”
มู่เฉียนซีกล่าววาจามั่นอกมั่นใจ “เช่นนั้นเจ้าคิดผิดถนัด คนที่พ่ายแพ้ในวันนี้ต้องเป็นเจ้าอย่างแน่นอน”
“สตรีโอหัง เจ้าช่างคุยโว ช่างหน้าไม่อาย!” เผยหงพ่นลมพรืดออกจากจมูก กระบี่ยาวของเขาถูกดึงออกมาจากปลอก และผลักมันไปที่มู่เฉียนซี
อากาศโดยรอบก่อตัวเป็นกระแสน้ำวนเกลียว ๆ กระบี่เล่มนี้แข็งแกร่งอย่างหาที่เปรียบมิได้!
— แกร๊ง! —
ขณะนั้นเอง กระบี่ของมู่เฉียนซีถูกนางหยิบออกมา นางยกกระบี่ยาวขึ้นเพื่อปัดเป่าปิดกั้นกระบี่ของเผยหง ท่วงท่างามสง่าทำให้ทุกคนตะลึงตาค้าง นี่มันกระบี่อะไรถึงได้สามารถทำให้จอมภูตระดับสองต้านทานกระบี่ขั้นสูงสุดระดับหกได้ ?!
แต่เมื่อพวกเขาเห็นกระบี่สนิมอันทรุดโทรมนั่นก็แทบอ้าปากค้าง “นั่น… กระบี่บ้าอะไรกัน ?!”
“ประหลาดดีแท้! เป็นสนิมขนาดนั้นยังสามารถสู้ได้ ช่างแปลกจริง ๆ”
กระบี่วิญญาณของตนถูกกั้นขวางด้วยเหล็กทองแดงเก่า ๆ นั่น ทําให้เผยหงประหลาดใจอย่างหาที่เปรียบมิได้ แต่เมื่อเขาประหลาดใจ มุมปากมู่เฉียนซียกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย้ยหยัน “หึ ๆ ต่อไปถึงเวลาแล้วที่ข้าจะลงมือ”
ทันใดนั้น เข็มยาจํานวนนับไม่ถ้วนลอยออกมา เผยหงรู้สึกได้ถึงอันตรายพลันถอยหลบหลีกออกไป
— ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! —
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเข็มยาจํานวนมาก แม้ความแข็งแกร่งของเขาจะมากกว่ามู่เฉียนซี เมื่อต้องสู้กันขึ้นมา มันก็ยากเย็นกว่าปกติ หลังจากที่เขาหลบเข็มยาทั้งหมดแล้ว การโจมตีครั้งต่อไปของเขามาถึงอีกครั้ง ปราณกระบี่นับไม่ถ้วนพุ่งตรงเข้าใส่มู่เฉียนซี
ร่างสีม่วงพุ่งไปอย่างรวดเร็ว มู่เฉียนซีจับช่องว่างในการโจมตีได้ นางหลบการโจมตีของเขาได้อย่างคล่องแคล่ว
เผยหงแค่นเสียงเย็นชา “ไม่อยากจะเชื่อ เหอะ! เอาเถิด มาดูกันต่อว่าเจ้าจะหลบได้ถึงเมื่อไหร่”
ปราณกระบี่เย็นเยือกพัดมาจากทุกทิศทุกทาง มู่เฉียนซีปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหน้าเผยหง พลางกวัดแกว่งกระบี่ยาวโจมตีเผยหง
“นางบ้าไปแล้ว เริ่มโจมตีก่อน เห็นได้ชัดว่านางใช้ไข่ตีหิน!”
“พวกเจ้าดูสิ ดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งของนางจะเพิ่มขึ้นแล้ว”
“ระดับสาม จอมภูตระดับสาม!”
“สวรรค์! นางอยู่ในระดับสามแล้ว!”
ในกลุ่มผู้ชม ฉินเทียนอี้ผู้ซึ่งเคยต่อสู้กับมู่เฉียนซีที่สำนักศึกษาแคว้นจื่อเยี่ยขมวดคิ้วมุ่น ในหัวเขาครุ่นคิดเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับมู่เฉียนซีอย่างบ้าคลั่ง
มีอะไรผิดพลาดหรือไม่ ?! ครั้งก่อนเขาเห็นนางต่อสู้จนได้พัฒนาระดับไปเป็นระดับสองด้วยตาของเขาเอง มาตอนนี้ การต่อสู้อีกครั้งของนาง เป็นเหตุผลที่นางเลื่อนขั้นเป็นระดับสามได้
เวลาที่นางเลื่อนระดับก่อนหน้านี้ยังไม่ถึงครึ่งเดือนเสียด้วยซ้ำ! หญิงผู้นี้เป็นคนประหลาดแบบใดกัน ?
เผยหงกล่าวเหยียดหยาม “เจ้าเลื่อนขั้นเป็นระดับสามแล้ว เจ้ามั่นใจขนาดนั้นเลยหรืออย่างไรว่าเจ้าจะสามารถต้านทานกระบี่ของข้าได้ ? ช่างโอหังเกินไปแล้ว ให้กระบี่ของข้าจัดการเจ้าเสียเถอะ!”
— ชิ้ง! —
กระบี่ยาวสองเล่มปะทะกัน เล่มหนึ่งเป็นอาวุธวิญญาณระดับสูง มีความเฉียบคมอย่างหาที่เปรียบมิได้ อีกเล่มหนึ่งเป็นกระบี่สนิมไร้ระดับ ดูราวกับว่าพร้อมจะหักได้ทุกเมื่อ
ผู้ใดจะชนะ ผู้ใดจะแพ้ เห็นได้ชัดเจน
— แกร๊ง! แกร๊ง! แกร๊ง! —
นั่น! นั่นมัน…! ผู้ที่ชมดูอยู่นิ่งอึ้ง น่าแปลกนักที่อาวุธวิญญาณระดับสูงชิ้นใหม่ชิ้นนั้น กลับหักเป็นท่อน ๆ ร่วงลงสู่พื้นอย่างน่าสังเวช
เผยหงตระหนกตกใจจนเหงื่อไหลลงมาจากหน้าผาก ฉับพลันทันใดกระบี่สนิมเล่มยาวของมู่เฉียนซีแทงทะลุไหล่ซ้ายของเขา ไร้โอกาสให้เขาได้ตอบโต้
เมื่อเขามีปฏิกิริยากลับมาจะโจมตีมู่เฉียนซีด้วยพลังวิญญาณ เข็มยาหลายเล่มทิ่มลงไปในจุดชีพจรแต่ละจุดในร่างกายของเขาทันที
พิษระเหยอยู่ในร่างกายของเขา พาเอาร่างกายกลายแข็งทื่อเป็นเหมือนรูปปั้น ไม่สามารถขยับตัวได้
มู่เฉียนซีก้มมองกระบี่ยาวในมือ นางยิ้มก่อนจะกล่าวว่า “แม้ว่ามันจะดูน่าเกลียดเล็กน้อย แต่ก็มีประโยชน์มาก สามารถตัดอาวุธวิญญาณระดับสูงขาดเป็นท่อนได้ราวกับตัดเต้าหู้”
ด้วยกระบี่มังกรแดงเล่มนี้ ต่อให้พบเจอกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่านางหลายขั้น ขอเพียงจัดการกับอาวุธของเขาผู้นั้น และจับช่องโหว่ได้ นางก็สามารถเอาชนะได้ …การต่อสู้ในวันนี้เป็นตัวอย่างที่ดี
เจ้าของเดินเข้ามา พยัคฆ์ขาวตัวใหญ่นั่นถูกอู๋ตี้ทําร้ายอย่างโหดเหี้ยม
— ปัง! —
เสียงหนึ่งดังขึ้น มู่เฉียนซีเตะเผยหงลงจากเวที
ในอ้อมแขนของนาง อุ้มเจ้าแมวขาวน่ารักที่ดูไม่เป็นอันตรายไร้พิษภัยตัวหนึ่ง และเหลือบมองไปยังกลุ่มคนของสำนักศึกษาชิงติ่งพร้อมถามว่า “สำนักศึกษาชิงติ่งของพวกเจ้า ใครอยากมาท้าประลองกับข้าอีก เข้ามาได้”
คนของชิงติ่งอดไม่ได้ที่จะสั่นกลัว หญิงสาววิปริตที่ผ่านระดับสามและเอาชนะลูกพี่ของพวกเขาได้ ไหนจะเจ้าแมวขาวอู๋ตี้ สัตว์วิญญาณบ้า ๆ ที่อยู่ต่ำกว่าระดับห้า หากพวกเขาขึ้นไป คงไม่พ้นถูกทารุณกรรม!
อาจารย์ใหญ่สำนักศึกษาชิงติ่งกล่าวอย่างจนปัญญา “สำนักศึกษาชิงติ่งของพวกเรายอมรับความพ่ายแพ้…”
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหตุใดสำนักศึกษาแคว้นจื่อเยี่ย ถึงได้รับชัยชนะอันดับหนึ่งในการประลองกับทั้งแปดสำนักศึกษา
สำนักศึกษาอีกเจ็ดแห่งมิใช่ว่าไม่พยายาม พวกเขาพยายามเจียนตายยังสู้ไม่ได้ เดิมทีสำนักศึกษาแคว้นจื่อเยี่ยอยู่อันดับโหล่ กลับแย่งชิงอันดับหนึ่งของพวกเขาทั้งสองไปได้
งานประลองสิ้นสุดลง แม้สำนักศึกษาแคว้นชิงจะพ่ายแพ้อย่างน่าสังเวช แต่ก็ต้องจัดงานเลี้ยงฉลอง
นี่เปรียบเสมือนงานฉลองความเศร้าเคล้าความขมขื่นของพวกเขาอย่างไรอย่างนั้น
ในงานเลี้ยงอาหารค่ำ มู่หรูอวิ๋นเดินเข้ามาอย่างสง่างามพลางยิ้มให้มู่เฉียนซี “ซีเอ๋อร์ ขอบคุณที่นำพาพวกเราให้ได้รับเกียรติเช่นนี้ ข้าขอคารวะเจ้า เจ้าดื่มเหล้าจอกนี้สักหน่อยเถอะ”
.