ผู้อาวุโสรอง “ท่านอย่าเข้ามายุ่งเรื่องนี้จะดีกว่า”
ความแข็งแกร่งของชายผู้นี้ดูเหมือนจะเป็นเพียงขั้นจักรพรรดิเท่านั้น แต่พลังอันแข็งแกร่งที่กดดันพวกเขากลับน่าเกรงกลัวกว่าเจ้าสำนักมากนัก คนผู้นี้ไม่อาจล่วงเกินได้ ไม่อาจล่วงเกินได้เด็ดขาด
“อ๊า!” อวิ๋นฮุ่ยกรีดร้องขึ้นมาเสียงดังลั่น ชายผู้นี้นับว่าเป็นฝันร้ายของนางเลยก็ว่าได้
“ใครก็ตามที่กล้าแตะผู้หญิงของข้า มันต้องตาย”
พลังอันแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวแผ่ซ่านออกมาอีกครั้ง เหล่าคนที่อยู่รอบ ๆ พลันกลายเป็นโครงกระดูกขาวเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ คนเหล่านั้นตายไปอย่างลึกลับ อย่าว่าแต่โอกาสตอบโต้เลย พวกเขาไม่มีแม้กระทั่งโอกาสที่จะป้องกันตัวด้วยซ้ำ
— ปัง! ปัง! ปัง! —
เมื่อคำกล่าวของจิ่วเยี่ยดังก้องขึ้น พลังน้ำแข็งในการสู้รบที่อยู่ข้าง ๆ ก็รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
ดวงตาเย็นยะเยือกคู่นั้นจ้องมองจิ่วเยี่ยและมู่เฉียนซี คิดอยากจะพรวดเข้าไปถกเถียงสักหน่อย แต่แล้วก็ต้องอดทนอดกลั้นเอาไว้ เขาหมายใจจะต่อสู้กับศัตรูเสียก่อน
มู่เฉียนซีจับมือจิ่วเยี่ยไว้ นางกล่าว “เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่ ? ไม่ได้มีผลกระทบอันใดต่อคำสาปของเจ้าใช่หรือไม่ ?”
จิ่วเยี่ยกล่าว เสียงเขาเย็นชาเหมือนเช่นเคย “ไม่มีปัญหา”
“ถึงจะไม่เป็นไรแต่ก็เจ้าก็ยังไม่ควรลงมือด้วยตัวเองเช่นนี้”
ทันใดนั้นมีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้น ฉับพลันเกิดแสงสีเขียวอ่อนส่องประกายครอบคลุมไปทั่วทั้งพื้นที่
“หยุดเวลา!”
ทุกคนในที่นี้หยุดนิ่งลงทุกการเคลื่อนไหวทันที มู่เฉียนซีรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น นางรีบใช้โอกาสนี้จัดการกับศัตรูอย่างรวดเร็วที่สุด
— ตูม! —
เป็นอาถิงนั่นเอง ถึงแม้ว่าอาถิงจะหลับใหลไปในช่วงเวลาหนึ่งแล้วเพิ่งจะตื่นขึ้นมา แต่ระยะเวลาในการหยุดเวลานี้ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก นางจัดการศัตรูไปได้ไม่เท่าไหร่เวลาก็กลับมาเดินเป็นปกติอีกครั้ง
ผู้อาวุโสที่สาม อีกทั้งเจ้าสำนักอวิ๋นเห็นร่างของคนในสำนักตนเองล้มลงไปกับพื้นอย่างแปลกประหลาด พวกเขารู้สึกใจแปลกใจขึ้นมา
เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ไปได้ ?!
คนเหล่านี้ของพวกเขา ถูกฆ่าสังหารไปตั้งแต่ตอนไหนกันหรือ ?
ผู้อาวุโสรองแค่นเสียงเข้มขรึม “หากเจ้ายังยืนยันที่จะปกป้องสตรีผู้นี้ เช่นนั้นข้าก็จะไม่เกรงใจเจ้าแล้ว!”
ทันใดนั้นแสงสีเขียวสว่างวาบขึ้น ร่างที่งดงามของชายหนุ่มผู้หนึ่งปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน
คิ้วงามโค้งเหมือนภาพวาดหมึกดำ ผิวขาวราวหิมะ ใบหน้าที่งดงามหมดจดราวกับภาพวาดของจิตรกรฝีมือดี ผมยาวสีเขียวอ่อนสยายลงมาจากไหล่ราวกับไหมชั้นดี ภายใต้ขนตาราวกับปีกผีเสื้อกระพือนั้น คือดวงตาสีเขียวสุกใสที่ดูพร่างพราวชวนให้หลงใหล
พลังอันแข็งแกร่งอย่างไร้เทียมทานของจิ่วเยี่ยในตอนที่เขาปรากฏตัวนั้น ทำให้ทุกผู้คนตกใจจนลืมมองความงดงามของเขาไป แต่การปรากฏตัวของอาถิง กลับทำให้ทุกคนทึ่งในความงดงามราวเทพเซียนของเขา เขาดูอ่อนช้อยไร้ซึ่งความก้าวร้าวใด ๆ
“พวกขยะไร้ประโยชน์!” อาถิงตะโกน
หลังจากที่อาถิงกล่าวดูแคลน ความงดงามตระการตาทุกอย่างก็ได้จางหายไปทันที
ผู้อาวุโสแห่งหุบเขาหมอเทวดา “เจ้ารนหาที่ตายเพิ่มอีกคนแล้วรึ ? ดี! ข้าจะได้จัดการเสียทีเดียว”
อาถิงยกมือโบกเบา ๆ พร้อมส่งเสียงออกมาอย่างเชื่องช้า “ย้อนเวลากลับ”
ผู้อาวุโสหุบเขาหมอเทวดาที่กำลังพุ่งพรวดเข้ามา เดิมทีผมของเขาเป็นหงอกขาว แต่ภายในชั่วพริบตาเดียว ผมของผู้อาวุโสพลันเปลี่ยนเป็นสีเขียว ส่วนพลังวิญญาณที่เขามีก็ย้อนกลับไปเป็นพลังตอนที่เขายังหนุ่ม
ผู้อาวุโสรองยิ้มกริ่ม “ฮ่า ๆ ๆ ข้ากลับมาเป็นหนุ่มอีกครั้ง เจ้าหนุ่ม นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะมีความสามารถทำให้คนกลับมาเยาว์วัยได้ ดูเหมือนว่าข้าจะฆ่าเจ้าไม่ได้แล้ว แต่ข้าจะพาเจ้ากลับไปยังหุบเขาหมอเทวดา จะทำการศึกษาในตัวเจ้าสักหน่อย ฮ่า ๆ ๆ”
มู่เฉียนซีเห็นเช่นนี้ก็ตกใจเล็กน้อย “อาถิง เจ้ากำลังทำให้เรื่องยุ่งยากไปมากกว่าเดิม เจ้าช่วยให้ศัตรูกลับไปเป็นหนุ่มอีกครั้งเช่นนี้ได้อย่างไร เจ้าทำเช่นนี้ก็เท่ากับว่าเขายิ่งมีกำลังแข็งแกร่งขึ้น”
ทว่าในเวลาต่อมา ผู้อาวุโสรองถึงกับยิ้มไม่ออก ร่างกายเขาย้อนกลับไปเป็นตอนหนุ่มอีกครั้งก็จริง แต่พลังความแข็งแกร่งของเขาก็ย้อนกลับไปเป็นตอนที่เขายังหนุ่มด้วยเช่นกัน
เมื่อย้อนกลับไปถึงตอนที่เขาอายุยี่สิบปี พลังวิญญาณของเขายังแข็งแกร่งไม่เท่ากับมู่เฉียนซี เท่านั้นยังไม่พอ พลังของอาถิงนั้นทำให้อายุเขาลดลงไปอย่างต่อเนื่อง มันลดลงมาถึงตอนที่เขายังเป็นเด็ก และเด็กลงไปเรื่อย ๆ สุดท้ายร่างของเขาก็กลายเป็นทารกตัวน้อย ๆ ที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
ให้ตาย! เด็กทารก!
ผู้อาวุโสรองตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างมาก เขาจะร้องตะโกนออกมา แต่เสียงร้องของเขากลับเป็นเสียงร้องของเด็กทารก
“อุแว้ อุแว้ อุแว้!”
เมื่อคนอื่นเห็นเช่นนี้ต่างก็ร่นตัวถอยหลังด้วยความตกใจ
“ตัวประหลาด… ตัวประหลาดชัด ๆ…” เพียงแค่ขยับฝ่ามือเล็กน้อยก็สามารถทำให้คนกลายเป็นเด็กทารกได้ พลังนี้ช่างน่ากลัวอย่างมิอาจเปรียบได้โดยแท้
อาถิงหันมองพวกเขาด้วยแววตาดูถูกเหยียดหยาม เขาเป็นถึงศาลาเรือนรางเก้าชั้น มีความสามารถในการควบคุมเวลาได้ สามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้มันจะไปแปลกอะไรกันเล่า ?!
“พวกเราต้องนำตัวสตรีผู้นี้ไปให้เร็วที่สุด อย่าเพิ่งไปสู้กับสองคนนั้น!” ผู้อาวุโสที่สามรีบกล่าว
เวลานี้ร่างของผู้อาวุโสรองกลับกลายเป็นเด็กทารกไปแล้ว แต่ผู้อาวุโสที่สามยังไม่ยอมถอดใจ ถึงอย่างไรหม้อเทพนิรันดร์ก็เป็นเรื่องสำคัญที่สุด
อาถิง “พวกเจ้าล้วนแต่รนหาที่ตายกันทั้งสิ้น! ต้องสั่งสอนให้หลาบจำ”
— ตูม! —
ทว่าอาถิงยังไม่ทันได้ลงมือ ร่างของคนเหล่านั้นที่จะพุ่งเข้ามาหามู่เฉียนซีก็ได้กลายเป็นโครงกระดูกขาวไปเสียแล้ว
อาถิงกล่าวด้วยความไม่พอใจอย่างสุดซึ้ง “เจ้า! ใครใช้ให้เจ้าลงมือตัดหน้าข้า ?”
จิ่วเยี่ยเหลือบมองอาถิง แต่เขาไม่สนใจ กลับยังคงลงมืออย่างต่อเนื่อง
อาถิงกัดฟันกรอดด้วยความโกรธ แสงสีเขียวสาดส่องปกคลุมคนเหล่านั้น จากนั้นร่างของคนเหล่านั้นพลันกลายเป็นเด็กทารก
“อุแว้ อุแว้ อุแว้!”
ความคิดของพวกเขานั้นยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่ร่างกายของพวกเขากลายเป็นเด็กทารกไปแล้ว ขยับไปไหนไม่ได้ พูดก็ไม่ได้ พลังวิญญาณที่แข็งแกร่งนั้นก็ว่างเปล่า พวกเขาทำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่อย่างเดียว
นี่เป็นฝันร้ายที่ร้ายกาจที่สุด พวกเขามองร่างที่กลายเป็นโครงกระดูกขาวข้าง ๆ พวกเขา เวลานี้พวกเขานั้นทรมานกว่าโครงกระดูกเหล่านั้นหลายเท่าพันเท่า
คนของหุบเขาหมอเทวดาถูกกำจัดไปจนหมดสิ้น บ้างก็กลายเป็นโครงกระดูกขาวโง่ ๆ ด้วยฝีมือจิ่วเยี่ย บ้างก็กลายเป็นเด็กทารกที่ไร้พลังวิญญาณด้วยฝีมือของอาถิง
ส่วนคนของสำนักอวิ๋นเยียนนั้นเห็นท่าไม่ดี พวกเขาลอบถอยหนีไปในตอนที่จิ่วเยี่ยลงมือกับคนของหุบเขาหมอเทวดา อย่างไรก็ตาม พวกเขานึกไม่ถึงเลยแม้สักนิดว่าบุรุษชุดดำเยือกเย็นกับบุรุษนัยน์ตาเขียวสุกใสผู้มีใบหน้างดงามราวเทพเซียนจะมีพลังน่าสะพรึงกลัวได้ถึงเพียงนี้
พวกเขาสามารถฆ่าสังหารคนของสำนักนิกายระดับสองได้อย่างง่ายดายราวกับฆ่ามดฆ่าแมลง เป็นเช่นนี้แล้วพวกเขาก็คง…
— ปัง! ปัง! ปัง! —
เจ้าสำนักอวิ๋นในเวลานี้รู้ชะตากรรมตนเอง เขารีบคุกเข่าลงเพื่อร้องขอชีวิต “ท่าน… ได้โปรด… ไว้ชีวิตข้าเถิด ได้โปรด! ท่าน…”
“ข้าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับหม้อเทพนิรันดร์นั่นแล้ว ส่วนสิ่งที่ได้ล่วงเกินไปนั้น ข้าจะชดเชยให้” อวิ๋นฮุ่ยเองก็รีบกล่าว แม่แต่นางผู้ที่อิจฉาริษยามู่เฉียนซี เมื่อนางเห็นฝีมืออันท้าทายสวรรค์ของจิ่วเยี่ยกับอาถิง นางถึงกับตกใจจนอกสั่นขวัญหาย ไม่มีแม้แต่อารมณ์จะต่อว่ามู่เฉียนซี
“ฮือ ๆ ๆ ข้ายังไม่อยากตาย ต่อไปนี้ข้าจะไม่ล่วงเกินเจ้าอีกแล้ว”
— ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! —
เข็มยาของมู่เฉียนซีพุ่งออกไปอย่างไร้ความปรานี ร่างคนของสำนักอวิ๋นเยียนต่างก็ล้มลงไปกับพื้นทีละคน ๆ
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชา “ข้าไม่ชอบปล่อยเสือเข้าถ้ำ เพราะฉะนั้นทางที่ดีที่สุดก็คือให้พวกเจ้าตายอยู่ที่นี่”
ในขณะที่มู่เฉียนซีกำลังจะลงมือกับเจ้าสำนักอวิ๋น ทันใดนั้นเจ้าสำนักอวิ๋นเอามือตบไปที่หน้าอกของตัวเองอย่างรุนแรง เขากระอักเลือดคำโต เลือดนั้นเปื้อนแผ่นหยกแผ่นหนึ่ง จากนั้นควันสีขาวก็ปกคลุมร่างเขาเอาไว้
อาถิง “คนผู้นั้นมีแผ่นมิติ เขากำลังจะหนี!”
— ฟึ่บ! —
การควบคุมเวลาของอาถิงนั้นไม่สามารถใช้ได้ในมิติ
เข็มยาเข็มหนึ่งของมู่เฉียนซีพุ่งออกไป ในขณะเดียวกันนั้น อวิ๋นฮุ่ยรีบพรวดเข้าไปหาท่านพ่อของนาง “ท่านพ่อ ยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง ท่านพ่อมีของล้ำค่าเช่นนี้ด้วย ท่านพ่อรีบพาข้าหนีเร็วเข้า ท่านพ่อรีบพาข้าหนีนะเจ้าคะ”
เจ้าสำนักอวิ๋นรู้สึกได้ว่าเข็มยาของมู่เฉียนซีที่กำลังพุ่งเข้ามานั้นอันตรายอย่างยิ่งยวด พลังวิญญาณขั้นจักรพรรดิของเขาผลักร่างของอวิ๋นฮุ่ยออกไปขวางเข็มยานั้นไว้
— ขวับ! —
เข็มยาของมู่เฉียนซีปักเข้าที่ร่างของอวิ๋นฮุ่ยทันที ส่วนเจ้าสำนักอวิ๋นฉวยโอกาสนี้หนีไปอย่างรวดเร็ว
— ตุบ! —
ร่างของอวิ๋นฮุ่ยล้มกระแทกลงกับพื้น นี่เป็นพิษร้ายแรง นางจะมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกไม่นาน ดวงตาของนางเบิกกว้าง นางไม่อยากจะเชื่อเลยว่าท่านพ่อจะทิ้งนางไป
“ท่านพ่อ… เหตุใดท่านพ่อถึง…?”
มู่เฉียนซียิ้มเย้ยหยัน หนีอะไรก็หนีได้ แต่ไม่อาจหนีความตายไปได้
นอกจากเจ้าสำนักอวิ๋นแล้ว คนอื่น ๆ ไม่มีใครหนีรอดไปได้ ทันใดนั้นมู่เฉียนซีนึกขึ้นได้ว่ายังมีใครอีกคนหนึ่ง นางหันไปมองตรงตำแหน่งที่ชายผู้นั้นยืนอยู่ก่อนหน้านี้
.