“อวิ๋นอ๋องก็เป็นคนประหลาดเช่นกัน แต่ถึงอย่างไร ข้าก็ต้องขอบใจท่าน” มู่เฉียนซีพึมพำ
ซวนหยวนชิงอวิ๋น “เจ้าเรียกชื่อข้าก็พอ ไม่ต้องเรียกข้าว่า ท่าน ด้วย”
มู่เฉียนซียิ้ม “อา… เช่นนั้นเราก็ถือเป็นสหายร่วมเป็นร่วมตายกันแล้ว ข้ามู่เฉียนซี ขอฝากเนื้อฝากตัวกับเจ้าด้วยชิงอวิ๋น ไป! เราเข้าไปลุยพร้อมกันเถอะ”
รอยยิ้มอันสดใสของนางแพรวพราวภายใต้แสงสีไข่มุกยามราตรี นี่เป็นครั้งแรกที่ซวนหยวนชิงอวิ๋นได้เห็นรอยยิ้มสดใสไร้การยับยั้งเช่นนี้ เขาพยักหน้าก่อนจะกล่าวว่า “อืม เฉียนซี เราจะต้องออกไปจากที่นี่อย่างปลอดภัย”
มู่เฉียนซีกล่าว ใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ชิงอวิ๋น นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าเรียกชื่อข้า”
ซวนหยวนชิงอวิ๋นก่อนหน้านี้เป็นคนที่ไม่สนใจใยดีผู้อื่น ต่อให้เขาจะสนใจ อย่างมากเขาก็เรียกนางว่าผู้นำตระกูลมู่
“เจ้าก็เหมือนกัน”
นอกจากจิ่วเยี่ย ในราชวงศ์ซวนหยวนก็มีซวนหยวนชิงอวิ๋นผู้นี้ที่นางรู้สึกเป็นมิตรด้วย ถึงแม้บุรุษผู้นี้จะเคร่งขรึม เย็นชา อีกทั้งยังดูลึกลับ เขาก็ดูแตกต่างไปจากซวนหยวนหลี่เทียน ซวนหยวนหลี่ซาง และซวนหยวนจือฮ่องเต้ผู้เป็นบิดามาก
ในที่สุดทั้งสองก็เดินมาถึงปลายอุโมงค์และได้เจอประตูหินปรากฏอยู่ตรงหน้า มู่เฉียนซีมองไปรอบ ๆ และสูดดมกลิ่น “ฮืม มีบางอย่างอยู่ในแผ่นกั้นนี้” นางหยิบเข็มยาออกมา สอดมันเข้าไปในรอยแตกของประตู เสียงกรอกแกรกดังขึ้น
— ตู้ม! —
ในขณะเดียวกันนั้น ซวนหยวนชิงอวิ๋นหากลของมันเจอ ประตูค่อย ๆ เปิดออกอย่างช้า ๆ ทันใดนั้นมีเสียงดังก้องมาจากด้านหลังของทั้งสอง
“เร็วเข้า! พวกมันอยู่ข้างหน้า”
มู่เฉียนซีกล่าว น้ำเสียงเคร่งขรึม “เรารีบเข้าไปด้านในกันเถอะ”
เมื่อทั้งสองเข้าไปด้านใน ประตูหินนี้ก็ค่อย ๆ ปิดลง ทันใดนั้นมู่เฉียนซีพบว่าการเข้ามาในนี้มิใช่จุดสิ้นสุด มันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นต่างหาก ด้านหน้านางตอนนี้มีหลุมดำมืดสนิทอยู่เก้าหลุม นางกล่าวเสียงทุ้มต่ำ “ในบรรดาหลุมดำทั้งเก้า ข้าคิดว่ามีหลุมหนึ่งที่เป็นทางรอด อีกแปดหลุมคือทางตาย ชิงอวิ๋น เจ้าเลือกหลุมไหน ?”
ซวนหยวนชิงอวิ๋นกล่าวตอบ “ตอนนี้เราไม่สามารถตัดสินได้ นอกเสียจากการเสี่ยงโชคเท่านั้น ข้าเชื่อเจ้า เจ้าเลือกหลุมไหนเราจะไปหลุมนั้น”
มู่เฉียนซีกล่าวยิ้ม ๆ “เช่นนั้นข้าจะสุ่มเลือกหลุมหนึ่ง หากมันเป็นประตูมรณะ ข้าเกรงว่ากลต่าง ๆ อาวุธลับ หรือแม้แต่ยาพิษก็มิอาจใช้การได้”
นางชี้นิ้วไปที่หลุมตรงกลางก่อนจะกล่าวออกมา “ข้าเลือกหลุมตรงกลางนั่น”
หลังจากที่นางเข้าไปในปากถ้ำ กลก็เริ่มทำงานทันที อาวุธลับที่อยู่ในมือนางถูกหยิบออกมาต่อสู้ นางรู้ดีว่านี่จะเป็นการต่อสู้ระหว่างยาพิษกับยาพิษ
“อู๋ตี้ เสี่ยวหง เบิกทาง!” มู่เฉียนซีตะโกนเสียงกร้าว พลันร่างเล็ก ๆ ของอู๋ตี้และเสี่ยวหงออกมา พวกมันทั้งสองว่องไวรวดเร็ว เหมาะกับการทำงานที่สุด
ร่างขาวร่างแดงของพวกมั้นพุ่งผ่านเข้าไปอย่างรวดเร็ว มู่เฉียนซีและซวนหยวนชิงอวิ๋นใช้อาวุธลับทันที จากนั้นไม่นาน อาวุธลับก็ถูกทำลายลงภายในชั่วพริบตาเดียว
— ฟึ่บ! —
ภายในถ้ำนี้เต็มไปด้วยใยแมงมุมโยงใย ใยแมงมุมเหล่านี้ล้วนแต่มีพิษ หากสัมผัสมันเข้าจะทำให้ตายได้ทันที
“โฟ่วววว” เสี่ยวหงพ่นเปลวไฟออกมาเพื่อทำลายใยแมงมุมพิษเหล่านี้ แต่ไม่น่าเชื่อเลยว่าใยแมงมุมพิษเหนียว ๆ จะทนต่อสายวารีและเปลวเพลิง ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถทำลายมันได้
มันถอยหลัง กล่าวถามขึ้นว่า “นายท่าน เราจะทำอย่างไรดี ?”
มู่เฉียนซี “ชิงอวิ๋น ดูเหมือนว่าการเสี่ยงโชคของข้าจะทำให้เราเจอดีเสียแล้ว ข้าเลือกทางมรณะจริง ๆ ด้วย ฮึ่ม! แต่หากมันเป็นพิษ ข้าสามารถเปลี่ยนหนทางมรณะนี้ให้เป็นทางรอดได้”
มู่เฉียนซีไม่รอช้า สวมถุงมือเตรียมหยิบใยแมงมุมนั้น ทว่าซวนหยวนชิงอวิ๋นห้ามเอาไว้ “เฉียนซี เจ้าอย่าจับมั่วซั่ว!”
นางยิ้มแหย ๆ พลางกล่าว “อ่า! เจ้าวางใจเถอะ ข้าแค่เอามาเพียงเล็กน้อยเพื่อทำการทดลองเท่านั้น”
ภายในถ้ำที่มืดมิดเต็มไปด้วยอันตรายนี้ มู่เฉียนซีหยิบภาชนะเคลือบออกมาและเริ่มทำการทดลอง ทันใดนั้นมีเสียงดังกึกก้องกัมปนาทจนอู๋ตี้กระโดโหยงขึ้น “นายท่าน! จะทำอย่างไรดี ดูเหมือนทางข้างหลังจะเริ่มระเบิดพังลง ข้าว่าไม่ช้านี้พวกเราต้องโดนฝังกลบอยู่ในนี้แน่!”
ซวนหยวนชิงอวิ๋นกระซิบเบา ๆ “แมวตัวกระเปี๊ยก… เจ้าอย่าส่งเสียงดังรบกวนเฉียนซี”
จนถึงตอนนี้ สีหน้าท่าทางของซวนหยวนชิงอวิ๋นยังนิ่งสงบไม่สะทกสะท้าน อู๋ตี้มองเขา แววตาสงสัยใคร่รู้ บุรุษผู้นี้ช่างแปลกประหลาด ความตายจะมาเยือนแล้วแท้ ๆ ยังมีหน้าสงบนิ่งอยู่ได้
— ตูม! ตูม! ตูม! —
ถ้ำพังทลายลงอย่างต่อเนื่อง มันพังใกล้เข้ามาทุกทีเพียงระยะไม่ถึงสิบย่างก้าวเท่านั้น
— ตูม! —
เหลือเพียงห้าย่างก้าว มันใกล้เข้ามาแล้ว
อู๋ตี้และเสี่ยวหงกระโดดโลดขึ้นสีหน้าตระหนกตกตื่น หากถึงเวลานั้นจริง ๆ ไม่ว่าใยแมงมุมพิษนี้จะร้ายแรงเพียงใด ทั้งสองจะต้องพานายท่านหนีไปให้ได้ อย่างอื่นค่อยว่ากันอีกที
— ตูม! —
อีกเพียงสามย่างก้าว
— ตูม! —
สองย่างก้าว!
มู่เฉียนซีหยิบขวดยาออกมาจิบ จากนั้นโยนให้ซวนหยวนชิงอวิ๋น “เร็ว! รีบกินยาแก้พิษ เราจะลุยเข้าไปในนั้น”
“อู๋ตี้ เสี่ยวหง พวกเจ้ากลับเข้าไปในอากาศ” ไม่นานนักถ้ำก็พังทลายลง ขณะเดียวกันนั้น ร่างของมู่เฉียนซีและซวนหยวนชิงอวิ๋นพุ่งออกไปอย่างบ้าคลั่ง
— ตูม! —
ในที่สุดถ้ำก็พังทลายลงอย่างสมบูรณ์ ร่างของทั้งสองพรวดออกไปจากปากถ้ำทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยฝุ่นเกาะกรัง แต่นั่นมิใช่ปัญหาใหญ่ ทั้งสองไม่โดนพิษก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว
มู่เฉียนซียิ้มพึงพอใจ “อา… ดูเหมือนว่าฝีมือการปรุงยาของข้าไม่เลวเลยทีเดียว” เพียงแต่ว่าพิษของท่านอาและคำสาปของจิ่วเยี่ย มันยากเกินที่จะเชื่อและหาทางแก้ได้ยากมาก ส่วนพิษอื่น ๆ นั้น นางสามารถแก้ได้อย่างง่ายดาย
มู่เฉียนซีปัดฝุ่นออกจากร่างกายและใบหน้า จากนั้นกล่าวถามซวนหยวนชิงอวิ๋นว่า “ชิงอวิ๋น บาดแผลของเจ้าไม่ฉีกใช่หรือไม่ ?”
“ข้าไม่เป็นไร เจ้าวางใจเถอะ” ซวนหยวนชิงอวิ๋นกล่าวตอบ
หลังจากที่ทั้งสองออกมาจากประตูมรณะไม่นาน ได้เจอกับประตูลวดลายมังกรอันสง่างามปรากฏอยู่ตรงหน้า มู่เฉียนซีผลักประตูมังกรเบา ๆ ประตูนั้นเปิดออกโดยไม่มีกลไกใด ๆ แต่ในขณะที่นางก้าวเท้าเข้าไปนั้น พลันรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของจิตสังหารแรงกล้า ซวนหยวนชิงอวิ๋นรีบตะโกนเตือนนางทันที
“เฉียนซี ระวัง!”
— ตุบ! —
นางรีบหลบพลังนั้นจนร่างบางล้มกลิ้งไปกับพื้น เมื่อลืมตาเงยหน้าขึ้น มองเห็นร่างขององครักษ์เกราะทองยืนอยู่ตรงหน้าสามคน ทั่วทั้งห้องโถงนี้โล่งและดูว่างเปล่า แต่ด้านบนมีโลงศพสีทองอร่ามถูกแขวนตรึงไว้กับโซ่ ดูแล้วช่างน่าตื่นตาตื่นใจอย่างยิ่ง
ไม่ทราบว่าองครักษ์เกราะทองเหล่านี้ถูกขังไว้ที่นี่นานแค่ไหนแล้ว แต่รู้สึกได้ว่าความแข็งแกร่งขององครักษ์เหล่านี้มีมาก ขณะเดียวกันนั้น ร่างอู๋ตี้เสี่ยวหง สองสัตว์พันธสัญญาตัวเล็กพุ่งออกมา
“เมี๊ยว!” อู๋ตี้ยื่นกรงเล็บไปข่วนร่างองครักษ์เกราะทอง “แข็งยิ่งนัก นี่มันคือสิ่งใดกัน ?”
ซวนหยวนชิงอวิ๋นชักกระบี่เล่มยาวออกมา กลืนยาระดับสามเข้าไปหนึ่งเม็ด จากนั้นพลังของเขาเพิ่มขึ้นเป็นปรมาจารย์ภูตระดับสามทันที ทว่าน่าเสียดายที่ยังไม่สามารถบังคับองครักษ์เกราะทองเหล่านี้ได้
“เพลิงคลั่งเผาสวรรค์! ” เสี่ยวหงพ่นเปลวไฟที่น่ากลัวออกมาแต่เปลวไฟก็มิอาจเผาทำลายองครักษ์เกราะทองได้ ทิ้งเพียงร่องรอยบางส่วนไว้เท่านั้น
“ลองยากัดกร่อนอันแข็งแกร่งนี้ดูสิ” เข็มยาจำนวนนับไม่ถ้วนลอยอยู่ในอากาศ ล้อมรอบองครักษ์เกราะทองเหล่านี้ไว้ ไม่นานนัก เข็มยาทั้งหมดพุ่งโจมตีทันที
— ฉึก! ฉึก! ฉึก! —
ทันใดนั้นร่างขององครักษ์เกราะทอง ปรากฏหลุมจำนวนนับไม่ถ้วนให้เห็นแก่สายตา ทุกอย่างช้าลงในทันที
— ฉึก! ฉึก! ฉึก! —
มู่เฉียนซียังคงโจมตีอย่างต่อเนื่อง ยากัดกร่อนของนางถูกใช้จนหมดแล้วโดยที่ไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับองครักษ์เกราะทองมากนัก ทว่าความแข็งแกร่งของมันกลับมากขึ้น เป็นไปได้อย่างไรที่พวกมันทรงพลังมากกว่าเดิม ?
มู่เฉียนซี “โลงศพสีทองอร่ามนั่นต่างหากคือสิ่งสำคัญ หากเรายังโจมตีอยู่เช่นนี้ มีหวังโดนองครักษ์พวกนี้สังหารจนเละ อู๋ตี้ เสี่ยวหง ชิงอวิ๋น ช่วยสกัดพวกมันเอาไว้ ข้าจะขึ้นไปดูข้างบนสักหน่อย”
ร่างสีม่วงกระโดดลอยตัวขึ้นไปในอากาศก่อนจะร่อนตัวลงเหยียบบนโลงอย่างปลอดภัย
.