มู่เฉียนซีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย กล่าวว่า “เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าพวกเจ้าจะชนะ ?”
“ฮ่า ๆ ๆ แม้ว่าเจ้าสิ่งเล็ก ๆ เหล่านั้นของเจ้าจะน่าสะพรึงกลัว แต่ความแตกต่างระหว่างความแข็งแกร่งยังอีกห่างไกล แม่นางอย่าได้ต่อสู้ดิ้นรนอย่างไร้ประโยชน์เลย” พวกเขาหัวเราะเสียงดัง สตรีจอมภูตระดับสองผู้นี้ ไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเขาเลย
มู่เฉียนซี “แต่ข้ายังมีอีกสองสิ่งที่พวกเจ้ายังไม่ได้เจอ”
“อู๋ตี้ เสี่ยวหง ออกมา” เสียงที่น่ารักเสียงหนึ่งดังออกมา “อู๋ตี้ผู้ไร้เทียมทานในใต้หล้า มาแล้ว!”
เจ้าแมวสีขาวหิมะพุ่งเข้าไปราวกับสายฟ้าฟาด มันจงใจมอบกรงเล็บให้กับคนเหล่านี้
“อ๊าก!” เสียงร้องโหยหวนดังออกมา
ทันใดนั้นเปลวไฟสีแดงเข้มแผ่กระจาย เสี่ยวหงเริ่มโจมตีอย่างน่าหวาดกลัว
“บัวแดงเผาสวรรค์ ฆ่าพวกมันทั้งหมดซะ!”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีอันรวดเร็วของสัตว์วิญญาณทั้งสองตัว พวกเขาเบิกตากว้าง “โอ้! สัตว์วิญญาณ สัตว์ศักดิ์สิทธิ์! เป็นไปได้อย่างไร ?”
“รีบหนีเร็วเข้า!”
เสี่ยวหงพุ่งเข้าโจมตีหมายจะสังหารอย่างเด็ดขาด
แมวน้อยอู๋ตี้เป็นผู้รับผิดชอบในการลอบโจมตี กรงเล็บของแมวนั้นสามารถข่วนลงลึกมองเห็นถึงกระดูก! คนกลุ่มนี้ตายอย่างคาดไม่ถึงว่าจอมภูตระดับสองจะผูกพันธสัญญากับสัตว์พันธสัญญาทั้งสองตัวที่แกร่งกล้าถึงเพียงนี้
มู่เฉียนซีรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่ใกล้เข้ามาอีกครั้ง นางกล่าวว่า “อู๋ตี้ เสี่ยวหง พวกเราไปกันเถอะ”
แม้จะมีอาวุธสังหารอย่างอู๋ตี้และเสี่ยวหงอยู่ แต่ครั้งนี้ฝ่ายตรงข้ามส่งคนมาไม่น้อย มู่เฉียนซีนําสัตว์เลี้ยงทั้งสองตัวเข้าไปในป่าเหิงเทียน
เมื่ออิ๋นเจี้ยนมาถึง เห็นผู้ติดตามของตนบาดเจ็บล้มลงกับพื้น บางคนถูกข่วน บางคนถูกเผา เขาหรี่ตา ถามอย่างเย็นชา “พวกมันล่ะ ? พวกเจ้ามันพวกขยะไร้ประโยชน์ แม้แต่ผู้หญิงก็ยังจับไม่ได้”
“นายน้อย ท่านจะมาโทษพวกข้าไม่ได้นะ! สตรีผู้นั้นมีสัตว์วิญญาณระดับเจ็ด พวกเราไม่ทันระวังประมาทศัตรู จึงถูกมันลอบโจมตี” พวกเขาเล่าอย่างขมขื่น ใบหน้าแสนเจ็บปวด
อิ๋นเจี้ยน “ไล่ล่านาง นางจะต้องอยู่ในป่าเหิงเทียนนี้เป็นแน่ นางอาจจะกลับไปแคว้นจื่อเยี่ยหรือไปที่แคว้นชิง ปิดกั้นถนนทั้งสองด้าน พวกเจ้าเห็นนางวิ่งไปทางไหน ? ในคนนับล้านยากที่จะมีจอมภูตธาตุวารีสักคน ตราบใดที่ข้าจับนางไว้ได้ การทำลายปรมาจารย์ภูตก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม”
“นายน้อยวางใจเถอะ ข้าน้อยจะจับสตรีผู้นั้นได้อย่างแน่นอน”
นางไม่สามารถสลัดความรู้สึกของการถูกไล่ล่าออกไปได้ มู่เฉียนซีหยิบแผนที่ออกมา มุ่งหน้าไปทางแคว้นชิง นางยิ้มเยาะสะใจ พวกเขาเดาผิดไปเล็กน้อย นางไปแคว้นชิงในครั้งนี้เพราะจำเป็นต้องไป ไม่ใช่เพียงแค่เพราะการแข่งขันประลองฝีมือระหว่างสำนักศึกษาเท่านั้น ยังเป็นเพราะหอหมอปีศาจของนางด้วย
หากค้นหาหม้อเทพนิรันดร์และรวบรวมสมุนไพรวิญญาณที่นางต้องการได้ทั้งหมด เช่นนั้นหอหมอปีศาจจะต้องเปิดทั่วทั้งแคว้นเซี่ยโจวแน่นอน
แหล่งรวมรวมการรักษาโรค การซื้อขายยาวิเศษกับสมุนไพรวิญญาณ และหน่วยข่าวกรองที่ถูกลอบสังหารในหอหมอปีศาจแห่งนี้ นางจะทำให้มันกลายเป็นกองกำลังที่มั่นคงที่สุดในแคว้นเซี่ยโจว
เมื่อถึงเวลานั้น ไม่ว่าจะเป็นสํานักจินติ่งของสํานักป้านซิง หรือว่าสํานักอวิ๋นเยียนของสํานักอีชิง ล้วนต้องถามถึงชื่อหอหมอปีศาจ และหอหมอปีศาจของแคว้นจื่อเยี่ยกับแคว้นชิงคือจุดเริ่มต้น นางต้องคุมทางให้ดี
กลิ่นอายของการไล่ล่ายังคงคงที่ เวลานี้มู่เฉียนซีก็เข้าใจกฎเกณฑ์ของพวกเขาแล้ว นางปรบมือ กล่าวขึ้น “อู๋ตี้ เสี่ยวหง เตรียมตัวลงมือได้ ข้าอยากเห็นจริง ๆ ว่าใครจะสามารถเชิญสํานักจินติ่งมาลงมือกับข้าได้”
“ได้”
สายลมพัดช้า ๆ เงาร่างสีม่วงพุ่งผ่านมาอย่างรวดเร็ว ร่างที่ไร้เทียมทานนั้นทําให้อิ๋นเจี้ยนตะลึงงัน
“ล้อมไว้ ระวังหน่อย อย่าทําให้สาวงามของข้ากลัวจนหนีไปได้”
“ขอรับนายน้อย”
— ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! —
พวกเขาปิดล้อมไว้แล้ว อิ๋นเจี้ยนยังคงสวมชุดคลุมผ้าไหมสีชมพู เขามองมู่เฉียนซี ยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะกล่าวว่า… “แม่นางคนงาม เจ้าสามารถหลบหนีภายใต้การไล่ล่าของข้าได้นานนัก เจ้าทําได้ดีมาก ข้าให้เจ้ามาเป็นนางบำเรอก็คงไม่เป็นธรรมต่อเจ้า เพียงแค่เจ้ายอมมากับข้าดี ๆ ข้าจะแต่งตั้งให้เจ้าเป็นภรรยาของข้าดีไหม ?”
คนของสํานักจินติ่งล้มลงไปทั้งหมด บางคนถูกพิษ บางคนถูกโจมตีจนตายโดยกรงเล็บของอู๋ตี้ที่ไร้เทียมทาน และบางคน ถูกเสี่ยวหงเผาจนตายไร้ร่างสิ้นกระดูกไป
รอจนพิษสลายหายไป ผู้ที่ยังมีลมหายใจอยู่ผู้เดียวคือองค์ชายน้อยอิ๋นเจี้ยนผู้นี้
เวลานี้ริมฝีปากของอิ๋นเจี้ยนเริ่มดํา แม้เขาจะกินยาแก้พิษชั้นดี ก็ยังไม่สามารถยับยั้งพิษของมู่เฉียนซีได้ เขาจ้องมองมู่เฉียนซี แววตาเผยความประหลาดใจ กล่าวว่า “เจ้า… เจ้าเป็นใครกันแน่ ?”
ทุกครั้งที่เขาพาผู้ติดตามเหล่านี้มาด้วย ได้ท่องยุทธภพด้วยความองอาจ ไม่มีผู้ใดในแค้วนชิงที่สามารถรับมือกับพวกเขาได้ นับประสาอะไรกับพื้นที่เล็ก ๆ ที่ไว้เล่นสนุกแห่งนี้ แต่นางผู้นี้… กลับใช้เพียงแค่พลังของตนเอง ก็สามารถจัดการกับคนพวกนั้นได้เรียบ
มู่เฉียนจ้องอิ๋นเจี้ยนเขม็ง กล่าวถาม “บอกมา ใครเป็นคนใช้ให้เจ้ามาทำร้ายข้า ?”
อิ๋นเจี้ยนกล่าวตอบ “ไม่มีใครใช้ ข้าบังเอิญมาเจอเจ้าเข้าก็เท่านั้น การฝึกวิชาของข้าเข้าสู่ช่วงคอขวดพอดี เช่นนั้นแล้วจึงจำต้องหาผู้บำเพ็ญภูตวิญญาณสักคนหนึ่ง”
แสงเย็นยะเยือกวาบผ่านมา เข็มยาขนาดมหึมาปักเข้าไปกดจุดที่มุมปากของเขา
“อ๊า!” อิ๋นเจี้ยนร้องโหยหวน ใบหน้าทั้งใบหน้าของเขาเอียงไปมา ล้มลงไปชักดิ้นชักงออยู่บนพื้น
“ไม่มีใครใช้รึ ? มาถึงตอนนี้แล้ว เจ้ายังกล้าพูดโกหกต่อหน้าข้าอีกรึ ?!”
“โอ๊ย! รีบเอามันออกไป รีบเอาออกไป!” เขารีบร้องขอขึ้นมา “ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร มีคนมาส่งข่าวว่าที่ถนนเส้นนี้จะมีขบวนผ่านมา ในขบวนนั้นจะมีหญิงสาวสวยงามอยู่สามคน หนึ่งในนั้นเป็นผู้มีพลังภูตธาตุวารี ข้าอยากจะเจอผู้พำเพ็ญภูตธาตุวารีที่เป็นผู้หญิงมากจริง ๆ ถึงจะไม่เชื่อข่าวอยู่บ้าง แต่ก็อยากมาดูให้เห็นแก่ตาตนเอง จึงได้พาคนมาที่นี่ ได้เจอเข้ากับพวกเจ้า…
ฮือ ๆ ๆ ข้าถูกคนพวกนั้นหลอกเสียแล้ว ข้าไม่กล้าทำอีกแล้ว อย่าฆ่าข้า อย่าฆ่าข้าเลย…”
มู่เฉียนซีก้มหน้าลง ดึงเข็มบนใบหน้าของเขาออกมา จากนั้นเอาเข็มยาเล็ก ๆ ใส่ไปที่ใบหน้าเขา นางกล่าวเสียงเย็นชา “เจ้าไปพบพญายมดี ๆ แล้วกัน ในเมื่อเจ้าไม่รู้อะไรเลย ข้าก็ไม่เสียเวลาเล่นกับเจ้าแล้ว”
ในตอนนี้เอง เสียงเกรี้ยวกราดเสียงหนึ่งระเบิดขึ้นมา
“นางหนู เจ้าช่างกล้าดีนัก!”
.