มู่เฉียนซีรีบไปที่สำนักนิกายเพลิงไฟด้วยความเร็วสูงสุด เปลวไฟลุกโชนขึ้นราวกับมีชีวิต บันไดหินเป็นชั้น ๆ นําไปสู่ด้านในของสํานักนิกายเพลิงไฟ เพียงแค่นางยืนอยู่หน้าประตู นางสัมผัสได้ว่าสํานักป้านซิงที่อายุหลายร้อยปีนี้ไม่ใช่สิ่งที่ตระกูลชนชั้นสูงในแคว้นจื่อเยี่ยจะสามารถต่อกรได้
ศิษย์สายนอกของสํานักนิกายเพลิงไฟผู้หนึ่งเดินเข้ามา กล่าวว่า “ท่านผู้นำตระกูลมู่ เชิญข้างในเถอะ หัวหน้าสํานักของเรากําลังรอท่านอยู่ข้างใน”
มู่เฉียนซีเดินตามคนผู้นี้เข้าไปในสํานักนิกายเพลิงไฟ สีหน้านางทาบทาเพียงแต่ความเย็นชา จวินโม่ซีและชิงอิ่งตามไปติด ๆ
ห้องโถงใหญ่ของสํานักนิกายเพลิงไฟกว้างยิ่งกว่าตําหนักอู่จี๋ของวังหลวงเสียอีก ในห้องโถงใหญ่มีหัวหน้าสํานักนิกายเพลิงไฟจี๋ซ่าน และยังมีผู้อาวุโสระดับจักรพรรดิกว่าเจ็ดคนนั่งอยู่ด้วย
จี๋ซ่านกล่าวว่า “ผู้นำตระกูลมู่ เจ้ากล้ามาสํานักนิกายเพลิงไฟของข้าด้วยตนเอง ช่างกล้าหาญเสียจริงนะนี่”
“หยุดพูดจาเพ้อเจ้อไร้สาระได้แล้ว ท่านอาของข้าอยู่ไหน ?!” มู่เฉียนซียิงคำถาม ท่าทางของนางเย็นชาอย่างมาก
“ผู้นำตระกูลมู่ช่างกำเริบเสิบสาน ทั้งยังเหี้ยมโหดอย่างที่คนเขาลือกันไม่มีผิด ในที่สุดวันนี้ก็ได้พบกันแล้ว นี่คือดินแดนของข้า และเจ้า เด็กน้อยเช่นเจ้าไม่สามารถหยิ่งยโสที่นี่ได้”
สิ้นเสียงนั้น อำนาจที่น่าเกรงขามของจักรพรรดิวิญญาณระดับสามกวาดผ่านมา ทว่ามู่เฉียนซีกลับไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย ดวงตาสีดําสนิทราวกับมีพายุซ่อนอยู่ หมายจะทําลายตาเฒ่าตรงหน้านี้
“ข้าจะพูดอีกครั้ง ท่านอาของข้าอยู่ไหน ?! ท่านผู้อาวุโส หากท่านยังไม่ให้ข้าพบท่านอา เชื่อหรือไม่ว่าต่อให้ข้าตาย ข้าแน่ใจว่าจะทําให้พวกท่านไม่สามารถเอาอะไรไปได้เลย”
ผู้อาวุโสใหญ่แห่งสํานักนิกายเพลิงไฟกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ผู้นำตระกูลมู่ยังเยาว์วัย ไม่รู้จักเกรงกลัวฟ้าดิน ท่านหัวหน้าสํานัก ถึงอย่างไรมู่อวู่ซวงก็ไม่มีพลังต่อสู้อะไรหรอก ให้พวกเขาสองอาหลานได้พบกันหน่อยเถอะ”
“เช่นนั้นก็ตามที่ผู้อาวุโสใหญ่ว่าแล้วกัน” หัวหน้าสํานักนิกายเพลิงไฟกล่าว
เวลานี้เงาร่างสีขาวถูกพยุงออกมา มู่อวู่ซวงในตอนนี้นั้นไม่รู้สึกตัวแล้ว ใบหน้าของเขาซีดเผือดไร้เลือดฝาด ลมหายใจอ่อนแอรวยริน มู่เฉียนซีเห็นก็พลันกําหมัดแน่น หลบหลีกร่างของมู่อวู่ซวง
“จวินโม่ซี!” นางตะโกน
จวินโม่ซีสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ กล่าวว่า “พิษโบราณ ผนึกถูกปลดออกแล้ว ท่านอาเจ้าใกล้จะสิ้นชีพแล้ว!”
— ฟึ่บ! —
มู่เฉียนซีฉีดยาหลายเข็มเข้าร่างมู่อวู่ซวง เพียงไม่นานพลังชีวิตของมู่อวู่ซวงอ่อนลงอย่างรวดเร็ว
จี๋ซ่านกล่าว “สาวน้อยนางนี้ช่างเหี้ยมโหดยิ่งนัก เพื่อลดความเจ็บปวดของมู่อวู่ซวง ถึงกับลงมือสังหารเขาก่อน”
จวินโม่ซีตกตะลึง ขณะเดียวกันสีหน้าองครักษ์เงาเปลี่ยนไปอย่างมาก ท่านผู้นำตระกูลมู่กําลังทําสิ่งใดกันแน่ ?
มู่เฉียนซีกล่าว “องครักษ์เงา ดูแลท่านอาเล็กของข้าให้ดีด้วย”
จวินโม่ซีมองมู่เฉียนซีราวกับกําลังมองปีศาจ “โอ้! คาดไม่ถึงว่าเจ้าจะมีวิธีทําให้คนแกล้งตาย”
“ปกติข้าในบางครั้งก็ไม่สามารถหาวิธีรักษาผู้ป่วยที่กําลังจะตายได้ จึงเลือกที่จะปล่อยให้ผู้ป่วยแกล้งเป็นตายก่อนแล้วจึงศึกษาวิธีการช่วยเหลือภายหลัง ทุกครั้งที่ข้าทำเช่นนี้ก็จะสามารถคิดวิธีการรักษาได้ ครั้งนี้แน่นอนว่าต้องทำได้เช่นกัน” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างไม่อาจปฏิเสธได้
จวินโม่ซีนิ่งเงียบ เขาไม่อยากโจมตีนาง …คนไข้อย่างมู่อวู่ซวงนี้ แย่ยิ่งกว่าคนไข้ที่ผ่านมาเหล่านั้นของนางมากนางไม่รู้หรอกหรือ ? มิใช่ว่าอยากช่วยแล้วจะช่วยได้สำเร็จดั่งใจนึก
จี๋ซ่านมองดู ก่อนจะกล่าวออกมาว่า “สาวน้อย คนอยู่ในมือเจ้าแล้ว เช่นนั้นสิ่งที่ข้าต้องการ เจ้าก็ส่งมอบมันมา”
มู่เฉียนซีเลิกคิ้ว กล่าวตอบโต้ “ท่านผู้อาวุโส นี่เพียงแค่เริ่มการต่อสู้ แม้ว่าข้าจะมอบทรัพย์สินของตระกูลมู่ให้ท่าน แต่วันนี้พวกท่านก็คงจะไม่ปล่อยข้าไป หากพวกท่านทําเพื่อทรัพย์สินของตระกูลมู่จริง ๆ เช่นนั้นละก็ พวกท่านคงจะตีแตกไปตั้งแต่สิบปีก่อนและลงมือกับตระกูลมู่ของข้าไปนานแล้ว เหตุใดจึงต้องรอจนถึงตอนนี้ด้วย”
จี๋ซ่านยืนขึ้น ยิ้มอย่างชั่วร้าย “สาวน้อย ต้องบอกเลยว่าเจ้าฉลาดมาก สิ่งที่สํานักนิกายเพลิงไฟของข้าต้องการไม่ใช่ทรัพย์สินตระกูลมู่ แต่เป็นชีวิตของพระชายาเยี่ยอ๋องในอนาคตอย่างเจ้า” กล่าวจบ ตาเฒ่าหลายคนขยับใกล้เข้ามา หมายจะเข้ามาจับมู่เฉียนซี
เงาร่างสองร่างขวางหน้ามู่เฉียนซีไว้ พลังระดับจักรพรรดิขับไล่พวกเขาออกไป ไม่ให้พวกมันทำได้สําเร็จ
จี๋ซ่านตะลึงงัน “แคว้นจื่อเยี่ยมียอดฝีมือระดับจักรพรรดิสองคนเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ?” แต่ถึงแม้ว่ามู่เฉียนซีจะมีสองยอดฝีมือระดับจักรพรรดิอยู่เคียงข้าง พวกเขาก็มีน้อยเกินไป ดังนั้นการเอาชนะมู่เฉียนซี พวกเขาไม่จําเป็นต้องใช้ความพยายามอะไรมากนัก
“อู๋ตี้ เสี่ยวหง!” มู่เฉียนซีรีบปล่อยไพ่ไม้ตายอีกสองตัวออกมา
“อู๋ตี้ผู้ไร้เทียมทานในใต้หล้า มาแล้ว! ไหนผู้ใดกล้าแตะต้องนายท่านของข้า รนหาที่ตายนัก!” อู๋ตี้กล่าวเสียงเย็นชา
— ฟึ่บ! —
เสียงหนึ่งดังขึ้น เงาร่างอู๋ตี้พุ่งออกไป สีหน้าของพวกในสำนักเปลี่ยนไปทันที “นี่มันสัตว์วิญญาณอะไรกัน ?”
ในตอนนั้นเอง เปลวเพลิงสีแดงเข้มพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า เสี่ยวหงลงมือแล้ว สีแดงเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ห่อหุ้มด้วยเปลวไฟพุ่งตรงออกไปแล้ว
หัวหน้าสํานักนิกายเพลิงไฟกัดฟันแน่น กล่าวว่า “เป็นไปไม่ได้ สัตว์ศักดิ์สิทธิ์! เหตุใดแคว้นจื่อเยี่ยถึงมีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ได้”
เสี่ยวหงกระดิกหาง ยิ้มชั่วร้าย “ตาแก่รนหาที่ตาย! กล้าดีอย่างไรมาคิดร้ายกับนายท่านของข้า ?” “องครักษ์เงา ลงมือ!”
— ตูม! ตูม! —
ในตอนนั้นเอง ทั่วทั้งสํานักนิกายเพลิงไฟแตกเป็นเสี่ยง ๆ
ก่อนที่นางจะมาถึงห้องโถงใหญ่นี้ มู่เฉียนซีให้องครักษ์เงามาฝังวัตถุระเบิดทิ้งไว้ในสำนักนิกายเพลิงไฟ นี่ไม่ใช่วัตถุระเบิดธรรมดา ๆ นางเพิ่มยาพิษต่าง ๆ ที่นางผสมเอาไว้แล้วข้างใน วันนี้นางจะต้องระเบิดสํานักนิกายเพลิงไฟให้ถึงที่สุด
“แค่ก ๆ ๆ! หัวหน้าสำนัก ไม่ได้การล่ะ พวกเราถูกวางยาพิษ!” ศิษย์ของสำนักนิกายเพลิงไฟรีบวิ่งเข้ามา
ศิษย์ราชาแห่งภูต ราชายอดยุทธ์แห่งสำนักนิกายเพลิงไฟ ถูกวางยาพิษสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปทั้งหมด พลังการต่อสู้ของราชาแห่งภูต ราชายอดยุทธ์ก็อ่อนลง
จี๋ซ่านโกรธกรุ่น ใบหน้าแดงเถือก “ถูกวางยาพิษรึ ? เจ้าจะไม่ใช้ยาแก้พิษหรือ ?”
“หัวหน้าสํานัก ยาแก้พิษไร้ประโยชน์ ไม่เพียงแต่ไร้ประโยชน์ มันยังสามารถเร่งพิษได้ ทําให้พิษของพวกเราเข้าเล่นงานได้ลึกขึ้นเรื่อย ๆ” ศิษย์ผู้นี้กล่าวอย่างร้อนรน
“เป็นไปได้อย่างไร ?” จี๋ซ่านกล่าวอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ยาแก้พิษไม่ค่อยล้มเหลว นอกเสียจากว่าจะเจอกับปรมาจารย์ด้านยาพิษระดับสูงที่ร้ายกาจมาก หรือตระกูลมู่จะมีปรมาจารย์ด้านยาพิษระดับสูง ?
“จับมู่เฉียนซีให้ได้” จี๋ซ่านออกคำสั่งอย่างกราดเกรี้ยว “จับตัวผู้นำตระกูลมู่ไว้ ยังไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มียาแก้พิษ”
เข็มยานับไม่ถ้วนลอยพุ่งออกจากร่างกายของมู่เฉียนซี ร่างกายของนางเต็มไปด้วยยาพิษก็ว่าได้ เมื่อพวกเขาเข้าใกล้มู่เฉียนซีเพื่อจับนาง พิษทั่วร่างกายก็เปลี่ยนเป็นสีดำขลับ!
“อ๊าก!” เสียงร้องโหยหวนดังออกมา
“พิษ! พิษ…” พวกเขาเบิกตากว้าง อะไรมันจะไม่น่าเชื่อปานนี้
แม้แต่จี๋ซ่านก็เบิกตากว้าง เขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉียนซีจะร้ายกาจได้ถึงเพียงนั้น ทั่วร่างกายเต็มไปด้วยพิษร้ายแรง พวกเขาต้องตายหากสัมผัสมัน
จี๋ซ่านออกคําสั่ง “ฆ่ามัน ไม่ต้องไว้ชีวิตแม้เพียงหนึ่งคน!”
จักพรรดิวิญญาณทั้งหลายจากสํานักนิกายเพลิงไฟถูกจวินโม่ซีและอู๋ตี้ขวางไว้ แต่ราชาแห่งภูตนับไม่ถ้วนกลับพุ่งเข้าใส่มู่เฉียนซี
“ท่านผู้นำ!” เงาร่างหลายร่างร่วงหล่นลงจากการโจมตีของพวกเขา
— ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! —
อาวุธลับของพวกเขาพุ่งไปยังคู่ต่อสู้รัว ๆ
“ท่านผู้นำไปกับนายท่านสามเร็วเข้า!” มู่อีตะโกนก้อง
พวกเขาขวางทางศัตรูที่แข็งแกร่งไว้ได้ พลันเตรียมพร้อมที่จะสังหารมู่เฉียนซีผู้นำตระกูลมู่ แม้ว่าอีกฝ่ายจะถูกพิษไปไม่น้อย กลับคิดอยากจะสังหารแม้มีโอกาสเพียงน้อยนิด
.