— ตูม! —
“ผนึกมังกรวารี!”
มังกรวารีสีฟ้าขนาดใหญ่พุ่งเข้าใส่ร่างโอวหยางเหว่ยจนร่างของนางลอยไปอย่างน่าสังเวช มู่เฉียนซีกะพริบร่าง ใจนางพร้อมที่จะโจมตีร่างสีแดงอีกครั้ง แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจเป็นอย่างมากนั่นก็คือ… โอวหยางเหว่ยตะโกน กล่าวขึ้นกะทันหัน
“พอแล้ว ข้ายอมแพ้!”
หัวหน้าจินอู๋ถางได้ยินคำประกาศยอมแพ้ พลันตะโกนดังขึ้น “คู่ประลองยอมแพ้แล้ว ท่านผู้นำตระกูลมู่โปรดหยุดก่อน ท่านมิอาจจู่โจมได้อีก”
โอวหยางเหว่ยในตอนนี้ล้มลงไปกับพื้น นางยิ้มด้วยรอยยิ้มอาบยาพิษ “หึ ๆ มู่เฉียนซีเจ้าไม่รอดแน่!”
“เจ้ามั่นใจรึ ?” มู่เฉียนซีเลิกคิ้วเล็กน้อย ขยับนิ้วเบา ๆ เข็มยาขนาดเล็กมากพุ่งเข้าปักผิวหนังของโอวหยางเหว่ย นางรู้สึกเสียวซ่านเล็กน้อย ทว่าก็มิได้รู้สึกผิดแปลกอันใด อีกทั้งนางยังกล่าวน้ำเสียงพึงพอใจ
ถูกเข็มยาพิษเล็กมู่เฉียนซีเล่นงาน โอวหยางเหว่ยไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย
“มู่เฉียนซี อีกไม่นานเกินรอเจ้าก็รู้เอง”
“เหอะ! โอวหยางเหว่ย พอดีว่าปกติข้าก็ชอบเล่นยาพิษอยู่แล้ว เจ้าช่างอ่อนหัดจริง ๆ”
โอวหยางเหว่ยได้ยินเช่นนี้ เบิกตากว้างด้วยความตกใจ กล่าวอย่างไม่อยากเชื่อทันที “เจ้า… เหตุใดเจ้าถึงรู้” กระนั้นแล้ว นางก็เหมือนจะคิดอะไรบางอย่างออก นางหัวเราะขึ้น กล่าวต่ออีกว่า “เหอะ ต่อให้เจ้ารู้ เจ้าจะทำอะไรได้ ? ฮ่า ๆ ๆ ไร้ซึ่งหนทางแก้ ฮ่า ๆ ๆ ไร้ซึ่งหนทางแก้แล้ว”
มู่เฉียนซีก้าวลงจากเวทีประลอง กล่าวเสียงเย็น “ข้าถึงบอกเช่นไรเล่าว่าเจ้ามันอ่อนหัดนัก!”
จากนั้นมู่เฉียนซีกลับไปที่ห้องรับรอง เยวี่ยเจ๋อเห็นนาง เขากล่าวถามขึ้นมา “พี่ใหญ่ โอวหยางเหว่ยนางทำอะไรหรือ เหตุใดนางถึงได้หัวเราะเช่นนั้น ?”
“ไม่มีอะไรหรอก นางเพียงแค่…”
เวลานี้ร่างสีดำปรากฏขึ้นภายในห้อง ไม่รู้ว่าปรากฏตั้งแต่เมื่อใด ทว่าดวงตาสีฟ้าเยือกเย็นคู่นั้นจ้องมองมู่เฉียนซี กล่าวถามเสียงเย็นเยียบ “ก็แค่อะไร ?”
มู่เฉียนซี “ก็แค่ยาพิษที่ทำให้คนสูญเสียสติปัญญาไป และมีความต้องการบุรุษก็เท่านั้น ข้าได้ยินมาว่ายาพิษชนิดนี้ไม่มียาแก้พิษ เว้นแต่…”
เยวี๋ยเจ๋อได้ยินนางบอกก็พลันเกิดความโกรธ “คุณหนูโอวหยางนั่นร้ายนัก! คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าจะใช้ยาพิษนี้ในเวทีประลอง พี่ใหญ่จะทำเช่นไรดี ?”
ยาพิษชนิดนี้ไม่มียาแก้พิษเสียด้วยสิ
“ข้าบอกแล้วว่ามันไม่มียาแก้พิษ” กล่าวจบ นางหยิบขวดยามาสามสี่ขวดก่อนจะผสมมันเข้าด้วยกัน จากนั้นดูดเข้าเข็มยา ปักเข็มยาฉีดเข้าเส้นเลือดตนเองทันที ไม่พอ หันไปกล่าวกับเยวี่ยเจ๋อ “แต่มันก็มิใช่เรื่องยากสำหรับพี่ใหญ่ของเจ้าหรอก เยวี่ยเจ๋อ”
เยวี่ยเจ๋อถอนหายใจอย่างโล่งอก “ได้ยินเช่นนี้ ข้าค่อยวางใจ” สมกับที่เป็นพี่ใหญ่จริง ๆ ถึงแม้ว่าจะไม่มียาแก้พิษ แต่พี่ใหญ่ก็สามารถแก้ไขมันได้อย่างง่ายดาย เขาเหลือบไปมองห้องรับรองตรงข้าม กล่าวถามขึ้น “พี่ใหญ่ แล้วโอวหยางเหว่ย พี่ใหญ่จะปล่อยนางไปเช่นนั้นรึ ?”
แสงเย็นวาบผ่านดวงตามู่เฉียนซี “วางใจเถอะ นางต้องน่าสังเวชเป็นแน่! เจ้าคอยดูเรื่องสนุก ๆได้เลย”
โอวหยางเหว่ยกล้าใช้ยาพิษกับหมอปีศาจ เท่ากับนางหาเหาใส่หัว หาเรื่องให้ตัวเองลำบากแท้ ๆ
โอวหยางเหว่ยที่ได้รับการรักษาจากหมอยาเมื่อครู่ จู่ ๆ ฉีกเสื้อผ้าอาภรณ์ของตัวเองออก
— แควก! —
ไม่เพียงแค่นั้น นางยังแสดงท่าทียั่วยวนหมอยา อีกทั้งยังพรวดพราดเข้าหาเขา
“อ่า! คุณหนูโอวหยางจะทำอะไร โปรดให้เกียรติตัวเองด้วยขอรับ!” หมอยาผู้นั้นเห็นท่าทางของนางแล้วก็ตะลึงตาค้าง แทบจะทำอะไรไม่ถูก ได้แต่รีบผลักร่างนางออกวิ่งหนีใบหน้าตระหนกตกตื่น
“ไม่! ออกไปไม่ได้เด็ดขาด กลับมา…” โอวหยางเหว่ยในเวลานี้ มิอาจควบคุมตนเองเอาไว้ได้ นางวิ่งตามออกไปด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์ฉีกขาด
ฟ้าดินเป็นพยาน สิ่งที่พวกเขาเห็นนั้นเกิดขึ้นจริง ๆ คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลโอวหยาง ฉีกเสื้อผ้าอาภรณ์ออกไม่รู้จักอับอาย ซ้ำร้ายยังวิ่งไล่ตามบุรุษหมอยาไป ทุกผู้คนได้เห็นภาพนี้ผงะไปตาม ๆ กัน
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น คุณหนูใหญ่โอวหยางเป็นอะไรไป ?”
โอวหยางเหว่ยรับรู้ได้ถึงลมหายใจของเพศตรงข้าม พลันพุ่งไปหาบุรุษทันที “ให้ข้า! ให้ข้า!”
— ปัง! ปัง! ปัง! —
ภายในชั่วพริบตา ทั่วทั้งจินอู๋ถางอลหม่านวุ่นวายทั่วรอบเวที โอวหยางเหว่ยเห็นบุรุษผู้ใด นางพุ่งร่างไปหา ขอแค่ผู้นั้นเป็นบุรุษ นางก็พร้อมที่จะพลีกาย มีบุรุษหลายคนหลงเคลิบเคลิ้ม เมื่อเห็นเรือนร่างทองอร่ามของโอวหยางเหว่ย ในใจพลันคิดนึกอยากที่จะครอบครองสตรีผู้นี้
— แควก! —
นางฉีกเสื้อผ้าอาภรณ์บนเรือนร่างของตัวเองออกจนหมด เริ่มล่าเหยื่อราวหมาป่าหิวกระหายเหยื่อ
ณ สถานที่แห่งนี้ มีผู้ที่มีชื่อเสียงในแคว้นจื่อเยี่ยอยู่ไม่น้อย โอวหยางเหว่ยกล้าหาญมากที่กระทำเรื่องน่าอับอาย นางไม่เพียงแต่ทำลายความบริสุทธิ์ของตัวเอง ทว่ากำลังทำให้ตระกูลโอวหยางเสื่อมเสียเกียรติไปด้วย
โอวหยางจื่อเกิดโทสะ กล่าวขึ้นอย่างโกรธ ๆ
“โอวหยางเหว่ย เจ้าเป็นบ้าอะไรของเจ้า ?! …เจ้าสงบสติอารมณ์หน่อยได้หรือไม่ ?! นี่มันเกินไป หยุดทำเรื่องอับอายขายหน้าเช่นนี้เร็ว!”
ใครจะคิดว่าแม้แต่โอวหยางจื่อเอง นางยังจะพุ่งพรวดเข้าใส่ โอวหยางจื่อใบหน้าถอดสีเร่งให้ข้ารับใช้รีบจับตัวนางและพากลับจวน
การประลองจัดอันดับผู้อัจฉริยะเป็นไปได้ด้วยดี แต่ใครเล่าจะคิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น โอวหยางเหว่ยวิ่งแก้เสื้อผ้าอาภรณ์เหลือเพียงร่างเปล่าเปลือยเที่ยวไล่บุรุษ ทำให้ผู้คนตะลึงพรึงเพริดกันไปหมด
ถึงอย่างไร การประลองยังคงต้องดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง อัจฉริยะห้าอับดับแรกจะต้องถูกเลือกในวันนี้
โอวหยางจื่อหดหู่อย่างมาก เรื่องที่เกิดขึ้นกับโอวหยางเหว่ยมันเกินไป ใจเขานึกฉงนสงสัย รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง จากนั้นได้เจอกับเยวี่ยเจ๋อ ตระกูลโอวหยางไม่เพียงแต่พ่ายแพ้อย่างอนาถ ทว่ายังโดนขัดขาซ้ำอีก
โอวหยางจื่อกล่าวใบหน้าเขียวคล้ำเพราะความโกรธ “เยวี่ยเจ๋อ เจ้าช่างเล่นสกปรก ใช้วิธีที่โหดร้ายเช่นนี้ได้ลงคอ!”
เยวี่ยเจ๋อกล่าวตอบโต้ “หากเจ้ารู้ว่าน้องสาวของเจ้าทำอะไรลงไป เจ้าจะไม่มีทางมาว่าข้าโหดร้ายเช่นนี้หรอก”
แสงเย็นวาบผ่านดวงตาของเยวี่ยเจ๋อ โอวหยางจื่อกล้าคิดจัดการพี่ใหญ่ หากวันนี้มิใช่การประลอง มิใช่วันที่ปลิดชีพคนไม่ได้ มีหวังเขาต้องปลิดชีพโอวหยางจื่อผู้นี้เป็นแน่!
โอวหยางจื่อถูกนำตัวออกไป การประลองครั้งที่สามก็ดำเนินต่อไป ผู้แข็งแกร่งในห้าอันดับแรกมีมู่เฉียนซี เยวี่ยเจ๋อ มู่หรูเหยียน ซวนหยวนชิงอวิ๋น และอวิ๋นซินหราน
องค์รัชทายาทอย่างซวนหยวนหลี่ซางตกอันดับไป เป็นเพราะเขาได้เจอกับสตรีผู้เป็นที่รัก มู่หรูเหยียน และได้ประลองกับมู่เฉียนซีจนพ่ายแพ้ให้นางไปอย่างอนาถ ในที่สุดไม่ได้เข้ารอบห้าคนสุดท้าย
มู่หรูเหยียนมองซวนหยวนหลี่ซางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก “ท่านพี่หลี่ซาง ข้าไม่ได้ตั้งใจให้เป็นเช่นนี้เลย ข้า…”
ซวนหยวนหลี่ซางกล่าวปลอบโยน “พ่ายแพ้ให้เจ้าข้ายินดี หรูเหยียน เจ้าอย่ารู้สึกผิดไปเลย”
“ฮือ ๆ ๆ” มู่หรูเหยียนร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุด
“ท่านพี่หลี่ซาง เพื่อท่าน การประลองในวันพรุ่งนี้ ข้าจะตั้งใจทำอย่างเต็มที่ จะนำชัยชนะมาให้ท่านภูมิใจให้จงได้” นางกล่าว มือกำหมัดแน่น
“แต่มู่เฉียนซีนางแข็งแกร่งมาก” ซวนหยวนหลี่ซางกล่าวอย่างอ่อนแรง
ในวันนี้ความแข็งแกร่งของมู่เฉียนซีนั้นแข็งแกร่งกว่าตอนที่ได้ประลองกับเขาหลายเท่า ดูเหมือนว่าวันนี้จะไม่มีผู้ใดเอาชนะนางได้
“ข้าก็ไม่อยากเป็นศัตรูกับซีเอ๋อร์ แต่เพื่อท่านพี่หลี่ซางแล้ว ข้าจะทำอย่างสุดความสามารถข้าเลย”
“อืม ข้าเชื่อเจ้าหรูเหยียน ข้าเชื่อว่าเจ้าสามารถเอาชัยชนะมาได้และช่วยล้างความอับอายให้ข้า”
หลังจากที่การประลองของเยวี่ยเจ๋อจบลง การประลองคราต่อไปในวันพรุ่งรุ่งขึ้นจะเป็นมู่เฉียนซี นางต้องการล้างพิษออกก่อน
“เตรียมน้ำเย็นให้ข้าด้วย”
“ขอรับ”
มู่เฉียนซีถอดเสื้อผ้าอาภรณ์ออกหมด ทอดกายลงไปแช่น้ำเย็นในอ่าง ถึงแม้ว่านางจะมีวิธีแก้พิษเบื้องต้น แต่ยาพิษก็ยังคงหลงเหลืออยู่เล็กน้อย พิษนี้จะสามารถกำจัดได้โดยการแช่น้ำเย็นข้ามคืนหนึ่งคืนเท่านั้น
ขณะที่นางเพิ่งจะลงไปแช่น้ำได้ไม่นาน ฉับพลันทันใดบรรยากาศโดยรอบเย็นยะเยือกราวกับอุณหภูมิลดต่ำลง บุรุษที่น่ากลัวราวอสุราปรากฏตัวขึ้นภายในห้องนาง
“ออกมา” เขาพ่นคำพูดเย็นชาสองคำ
มุมปากมู่เฉียนซีกระตุกเล็กน้อย “จิ่วเยี่ย ข้ากำลังแช่กายอยู่ เจ้าจะให้ข้าออกไปอย่างไรล่ะ ?”
เยี่ยอ๋องเป็นคนที่ไม่ชอบให้ผู้ใดขัดคำสั่ง แม้แต่คนพิเศษของเขาที่อยู่ตรงหน้าในเวลานี้ก็ไม่เว้น จากนั้น ร่างเขากะพริบ ยื่นมือไปคว้าร่างของนางออกมาจากอ่าง
— ซ่า! —
น้ำจำนวนนับไม่ถ้วนกระเซ็นออกมา
เนื้อนวลขาวผ่องดั่งหยกขาวกับท่าทีของนางที่อยู่ตรงหน้า ทำให้อารมณ์ที่เก็บกดอยู่ส่วนลึกของเขานั้นเผยออกมาทันใด
มู่เฉียนซีรู้สึกโกรธและอับอาย นางไม่สนใจอีกแล้วว่าบุรุษที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้จะน่ากลัวเพียงใด ง้างมือเตรียมตบใบหน้าเขา ทว่าจิ่วเยี่ยรั้งมือนางเอาไว้ได้
.