ลมหายใจของนักฆ่าผู้นี้คล้ายกับลมหายใจของนักฆ่าผู้มาลอบปลิดชีพนางที่ป่าเทียนหวงครั้งที่แล้วมาก เพียงแต่ความแข็งแกร่งของสามคนนั้นไม่ถึงขั้นจอมยุทธ์ด้วยซ้ำ ทว่านักฆ่าผู้นี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นถึงราชายอดยุทธ์
มู่เฉียนซีกล่าวถามขึ้น “ในเมื่อเจ้าโดนจับได้เช่นนี้แล้ว เจ้าบอกข้ามาตรง ๆ เถอะว่าใครเป็นคนส่งเจ้ามาฆ่าข้า และเจ้าเป็นคนของใคร ?”
เหงื่อเย็นที่แผ่นหลังทะลุเสื้อของนักฆ่าจนเปียกชื้น ทว่าเขายังคงกัดฟันก่อนจะกล่าวว่า “เป็นนักฆ่าก็ต้องมีกฎของนักฆ่า ข้ามิอาจ…”
— ฟุ่บ! —
จู่ ๆ เข็มพิษพุ่งมาทางมู่เฉียนซี
“โล่มังกรวารี!”
มู่เฉียนซีตะโกนพลันหลบอย่างเร็ว
— ฟุ่บ! —
เข็มยาพุ่งออกจากมือมู่เฉียนซีและจมไปในร่างของเขาทันที
“เจ้า! คงต้องให้ความตายมาเยือนก่อนรึถึงจะทำตาม”
เข็มพิษของตนเองไม่เข้าเป้า กลับโดนเข็มพิษของมู่เฉียนซี ทันใดนั้นความเจ็บปวดอันท่วมท้นทำลายจิตใจที่แน่วแน่ของเขาแตกเป็นเสี่ยง ๆ
“อ๊าก!” เขากรีดร้องขึ้น ความเจ็บปวดแสนสาหัสแล่นไปทั่วทั้งร่าง รูม่านตาเบิกกว้าง ดวงตาเริ่มปูดโปนแทบจะถลนออกมานอกเบ้า
มู่เฉียนซีแค่นเสียง กล่าวอย่างเยือกเย็น “บอกมาว่าใครเป็นคนส่งเจ้ามาทำร้ายข้า ?”
“คะ… คุณหนูใหญ่ตระกูลโอวหยาง โอวหยางเหว่ย”
“คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าโอวหยางเหว่ยจะไม่ยอมพ่ายแพ้ น่ารำคาญจริงเชียว!” ดวงตาดำขลับของมู่เฉียนซีฉายแววเย็นชา นางถามต่ออีกว่า “แล้วเจ้าเป็นคนของใคร สำนักไหน ?”
“เหยียนหลัวเหมิง”
“เหยียนหลัวเหมิงคือสำนักมือสังหารในแคว้นจื่อเยี่ยมิใช่รึ ? เหตุใดจึงเป็นสำนักมือสังหารของแคว้นใกล้เคียง…แคว้นชิง ?”
เพื่อที่จะปลิดชีพนาง โอวหยางเว่ยถึงกับจ้างนักฆ่าจากแคว้นชิงเลยรึ ?!
มู่เฉียนซีและจิ่วเยี่ยสบตากันอย่างเข้าใจว่าจะต้องทำลายศพนักฆ่าผู้นี้ให้สิ้นซาก ทันใดนั้นนักฆ่าไม่มีโอกาสแม้จะกรีดร้อง ร่างของเขากลายเป็นกระดูกทันที ก่อนจะหายวับไปภายในชั่วพริบตาเดียว
มู่เฉียนซีก้มศีรษะลงเพื่อที่จะหยิบเข็มยาพิษของนักฆ่าผู้นั้น จิ่วเยี่ยคว้ามือนางเอาไว้หวังจะห้ามปราม ทว่านางก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “จิ่วเยี่ย เข็มยาพิษเล็กน้อยแค่นี้ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก”
รอยยิ้มของสตรีตรงหน้าผู้นี้ช่างเย้ายวนใจบุรุษอย่างจิ่วเยี่ยยิ่งนัก เรื่องยาพิษเรื่องโอสถ นางรู้ดีกว่าผู้ใดและมั่นใจกว่าใครอื่น ดวงตาที่เปล่งประกายและเชื่อมั่นของนางทำให้จิ่วเยี่ยหรี่ตาลงเล็กน้อย จากนั้นเขาค่อย ๆ ปล่อยมือนาง
มู่เฉียนซีค่อย ๆ หยิบเข็มยาพิษขึ้นมา นางมองดูมันอย่างละเอียดถี่ถ้วน
ทันใดนั้น!
.
.
.
.
“เหอะ! เข็มยาพิษของเหยียนหลัวเหมิงมีปัญญาทำได้แค่นี้รึ ? ทางที่ดีพวกเจ้ารีบวางมือเสียเถอะ มิเช่นนั้นแล้วข้าจะส่งยาพิษของข้าไปฝังพวกเจ้าทั้งเป็น”
เมื่อก่อนมีคนเคยซื้อตัวสำนักมือสังหารเนื่องด้วยปรารถนาจะไปปลิดชีพหมอปีศาจ นี่เป็นเหตุที่ทำให้นางต้องคิดค้นยาพิษที่มีพิษร้ายแรงขึ้นมาและกำจัดสำนักนักฆ่าเหล่านั้น นับจากนั้นเป็นต้นมา ก็ไม่มีสำนักมือสังหารสำนักใดกล้าลงมือฆ่าหมอปีศาจอีกเลย
— ฟุ่บ! —
ทันใดนั้นเอง เงาร่างสีดำปรากฏตัว คุกเข่าอยู่บนพื้น
“ท่านผู้นำได้โปรดยกโทษให้พวกเราด้วย พวกเราไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่ามีนักฆ่าลอบเข้ามาจึงทำให้ท่านผู้นำตกใจเช่นนี้”
มู่เฉียนซีโบกมือ กล่าวว่า “ข้าไม่โทษพวกเจ้าหรอก ฝีมือของมันแข็งแกร่งกว่าพวกเจ้ามาก ดูเหมือนว่าพวกเจ้าต้องเร่งฝึกวิชาให้เป็นราชาแห่งภูตกับราชายอดยุทธ์โดยเร็ว”
มู่อีได้ยินวาจานางเช่นนี้ก็ทำอะไรไม่ถูก พวกเขาติดอยู่ที่ปรมาจารย์ภูตระดับเก้ามาสักระยะหนึ่งแล้ว หากราชาแห่งภูตสามารถทะลวงง่ายดายเช่นนั้น ป่านนี้ทั้งแคว้นจื่อเยี่ยก็คงมีราชาแห่งภูตเดินเพ่นพ่านไปมาทั่วทั้งแคว้นแล้ว
“ท่านผู้นำขอรับ ท่านผู้นำ ได้เรื่องแล้วขอรับ!” มู่เอ๋อร์ผู้รับผิดชอบในการสืบข่าวเข้ามาส่งข่าวด้วยความตื่นเต้น
“เหล่าเอ๋อร์ ต่อหน้าท่านผู้นำ เหตุใดถึงได้หยาบคายเช่นนี้เล่า” มู่อีกล่าวเตือนมู่เอ๋อร์
“ท่านผู้นำ ได้ข่าวหยกจันทราชิงหลานกับดอกขี้เหล็กอำพันแล้วขอรับ” มู่เอ๋อร์ยังคงตื่นเต้นไม่หาย
“จริงรึ ?” มู่เฉียนซีก็ตื่นเต้นขึ้นมาเช่นกัน คิ้วงามของนางเลิกขึ้นทันที
สมุนไพรวิญญาณสองชนิดนี้เป็นยาสมุนไพรวิญญาณที่สำคัญอย่างมาก สามารถรักษาดวงตาของท่านอาเล็กให้หายได้ หากมีสมุนไพรวิญญาณสองชนิดนี้ นางก็สามารถปรุงยาแก้พิษได้ และดวงตาทั้งสองข้างของท่านอาก็จะกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง
“แล้วสมุนไพรวิญญาณสองชนิดนี้อยู่ที่ไหนกัน ?”
มู่เอ๋อร์ “ท่านผู้นำ มันอยู่ที่หุบเขาราชาโอสถขอรับ อยู่กับราชาโอสถ”
จิ่วเยี่ยได้ยินเช่นนี้ก็กำลังจะหายตัวไปนำมาให้นาง ทันใดนั้นมู่เฉียนซีตะโกนห้าม “ช้าก่อนจิ่วเยี่ย! ข้ามีแผนของข้าแล้ว เรื่องนี้เจ้าอย่าลำบากช่วยข้าเลย… นะ…”
แม้บุรุษเยือกเย็นในชุดดำจะไม่ปริปากพูดอะไร มู่เฉียนซีก็รู้สึกมีความเป็นไปได้มากว่าเขาจะต้องไปสังหารราชาโอสถ และแย่งชิงสมุนไพรวิญญาณทั้งสองชนิดมาเป็นแน่
ถึงแม้ว่าจิ่วเยี่ยจะเต็มใจช่วยนาง ทว่านางนั้นไม่ต้องการเป็นหนี้บุญคุณเขามากไปกว่านี้อีกแล้ว อย่างไรก็ตาม หมอปีศาจก็ใช้ชีวิตอย่างสง่าผ่าเผย หากต้องการให้ผู้อื่นช่วยเรื่องใด ก็ต้องตอบแทนเขาผู้นั้น ไม่มีการเอาเปรียบใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะหนี้บุญคุณเป็นหนี้ที่ชดใช้ยากยิ่งนัก
นางไม่คิดเลยว่าเมื่อได้มาอยู่ในโลกที่แข็งแกร่งอันแปลกประหลาดเช่นนี้ กลับพบเจอกับบุรุษผู้แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่เช่นเขา และผู้ที่แข็งแกร่งเยี่ยงเขา นางก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ มาจนถึงตอนนี้ หนี้บุญคุณของเขานั้นก็ยิ่งมีมากขึ้นเรื่อย ๆ
ตระกูลมู่กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งในแคว้นจื่อเยี่ย ดังนั้นเรื่องใดที่นางจัดการเองได้นางก็จะทำ ไม่อยากยืมมือเขามาช่วยเลย
ท้ายที่สุดจิ่วเยี่ยก็มิได้หายตัวไปแต่อย่างใด เช่นนี้จึงทำให้มู่อีและมู่เอ๋อร์ต่างก็ผงะกันไปครู่หนึ่ง
ซวนหยวนจิ่วเยี่ยฟังผู้นำตระกูลมู่
เรื่องเยี่ยอ๋องกับท่านผู้นำตระกูลไปมาหาสู่กัน แน่นอนว่าองครักษ์เงาอย่างพวกเขารู้ดีอยู่แล้ว ทว่าผู้ที่เหี้ยมโหดเด็ดเดี่ยว ทั้งยังน่าเกรงขามมาโดยตลอดอย่างเยี่ยอ๋อง คิดไม่ถึงเลยว่าจะฟังคำพูดของท่านผู้นำตระกูลของพวกเขา
นี่มันเรื่องแปลกประหลาดอันใด ?
ช่างเหลือเชื่อเสียจริง ๆ!
“มู่เอ๋อร์ เจ้าไปกระจายข่าวให้ทั่วว่าข้าโดนลอบทำร้าย ถูกยาพิษ ให้หมอยามาดูอาการของข้า!” มู่เฉียนซีกล่าวสั่ง
“ขอรับ”
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าท่านผู้นำตระกูลคิดจะทำการใด ทว่าตนเป็นข้ารับใช้ ถึงอย่างไรแล้วก็ต้องฟังคำสั่งของท่านผู้นำตระกูล แจ้งข่าวท่านผู้นำตระกูลมู่ถูกวางยา ถูกยาพิษเล่นงาน เข้าใจว่าเป็นเรื่องเท็จ ทว่าเขาก็เต็มใจไปกระจายข่าวตามคำสั่งของนาง
หลังจากที่มู่เฉียนซีสั่งการเสร็จ นางหันไปกล่าวกับจิ่วเยี่ย “ข้าจัดการได้แน่ เจ้ากลับไปก่อนเถอะ”
“ไม่… เจ้าโดนยาพิษ ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้า” จิ่วเยี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“แต่ข้าไม่ได้โดนยาพิษจริง ๆ” นางกล่าวด้วยสีหน้างุนงง จิ่วเยี่ยเกิดเป็นอะไรขึ้นมา ?
“เจ้าเป็นคนบอกเองว่าเจ้าถูกพิษ”
“มันเป็นเรื่องเท็จ ข้ากุเรื่องขึ้นมา มันเป็นแผนการ มันไม่…”
“เจ้าบอกเองว่าถูกพิษ”
มู่เฉียนซีลอบถอนหายใจ ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่สามารถโต้เถียงกับบุรุษเอาแต่ใจอย่างจิ่วเยี่ยชนะ นางกล่าวอย่างจำใจ “เจ้าอยากอยู่ก็อยู่เถอะ ถึงอย่างไรข้าก็จะนอนแล้ว”
จิ่วเยี่ยรู้สึกปีติในใจ เขาไม่ถูกบอกให้กลับไป ก็อยู่เฝ้านางจนนางหลับ หลังจากที่นางหลับสนิทเขาถึงจะกลับจวนเยี่ยอ๋อง
……
รุ่งอรุณวันใหม่ ข่าวผู้นำตระกูลมู่โดนลอบทำร้าย ถูกยาพิษ หมอยาประจำตระกูลมู่หมดซึ่งหนทางรักษาก็ได้แพร่สะพัดไปทั่วแคว้น
เมื่อเยวี่ยเจ๋อรู้ข่าวก็รีบไปจวนตระกูลมู่ทันที แม้แต่เสื้อผ้าอาภรณ์ก็ยังสวมใส่ไม่เรียบร้อยเลย
“พี่ใหญ่!” เยวี่ยเจ๋อกำลังจะพรวดพราดเข้าไปด้านใน กลับโดนมู่อีห้ามเอาไว้เสียก่อน
“คุณชายเยวี่ย ท่านผู้นำกำลังนอนพักผ่อนอยู่ หากคุณชายเข้าไปรบกวน ท่านผู้นำอาจจะโกรธเอาได้นะขอรับ”
“กำลังนอนอยู่รึ ?” ใบหน้าของเยวี่ยเจ๋อไม่สู้ดีนัก เขาเกิดความฉงนสงสัย
“คุณชายเยวี่ยอย่าหุนหันพลันแล่นไปเลย คุณชายคิดว่ามียาพิษใดสามารถทำร้ายท่านผู้นำตระกูลของพวกเราได้หรือ ?”
เยวี่ยเจ๋อได้ยินเช่นนี้แล้วก็กระจ่างขึ้นมาเล็กน้อย เขาครุ่นคิดในใจ ‘ไม่มียาพิษของผู้ใดที่จะทำร้ายพี่ใหญ่ได้ นอกเสียจากว่าพี่ใหญ่ปรุงยาแล้วโดนยาพิษเสียเอง อา…’
“ดูเหมือนข้าจะหุนหันพลันแล่นไปจริง ๆ” เยวี่ยเจ๋อกล่าวพลางทอดถอนใจ
มู่อี “คุณชายเยวี่ย ในเมื่อคุณชายรู้ความจริงแล้ว คุณชายก็ต้องแสดงละครตบตาต่อไปนะขอรับ อย่าให้ผู้ใดจับได้เป็นอันขาด ท่านผู้นำตระกูลมีแผนการบางอย่างจึงให้กระจายข่าวออกไปเช่นนั้น”
“ข้าทราบแล้ว ขอบใจเจ้ามากที่บอกข้า”
ส่วนทางด้านท่านอาอย่างมู่อวู่ซวงคงไม่ต้องให้มู่อีไปแจ้ง ถึงอย่างไรผู้แข็งแกร่งอย่างมู่อวู่ซวงก็พอจะเดาออกว่าหลานสาวของตนคิดทำการใดอยู่ สมกับที่เป็นท่านอากับหลานสาวผู้เป็นที่รักจริง ๆ
หลังจากนั้นไม่นาน ข่าวก็แพร่สะพัดออกมาจากจวนตระกูลมู่อีกครั้งว่านายท่านสามแห่งตระกูลมู่ทุ่มเงินทองหลายเหรียญทองคำเพื่อหานักปรุงยามากฝีมือมารักษาแก้พิษให้หลานสาวผู้เป็นท่านผู้นำตระกูล
ขอเพียงแค่สามารถแก้พิษให้ผู้นำตระกูลมู่ได้ ไม่ว่าอยากได้อะไรนายท่านสามจักตอบแทนให้! นายท่านสามแห่งตระกูลมู่เป็นผู้ที่รักหลานสาวมาก เพื่อหลานสาวของเขาแล้ว เขาสามารถทำให้ได้ทุกอย่าง
ถึงแม้ว่านักปรุงยาที่มีชื่อเสียงหลายคนปรารถนาจะได้เงินทองจากตระกูลมู่ แต่เมื่อรู้ผลตรวจพบเจอพิษของนาง ทุกคนต่างพากันส่ายหัวทันที
“ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าท่านผู้นำตระกูลโดนพิษอะไรมา ข้าไร้ซึ่งหนทางรักษาจริง ๆ”
“เฮ้อ… หวังว่าสวรรค์จะช่วยท่านผู้นำให้รอดพ้นจากพิษนี้”
.