“แร่เก้าอัสนีเยือกแข็ง, แร่ดาราสวรรค์, ผลึกราชามังกร”
ไฉ่ซวนอ่านชื่อรายการหินแร่ต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว ทำให้ทุกคนจ้องลูกตาแทบถลนออกมา
มู่เฉียนซีมุมปากกระตุก เหตุใดนางถึงรู้สึกเหมือนได้เข้ามายังตลาดขายส่ง ไม่ใช่ตลาดประมูล
ด้วยแร่ล้ำค่ามากมาย สามารถนำมาหลอมเป็นอาวุธวิญญาณได้หลายอย่าง
บ้านประมูลอันดับหนึ่งทำเช่นนี้เหมือนโละของขายไม่มีผิด นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน ?
ผู้คนที่มาประมูลวันนี้ต่างตกอกตกใจกันไม่เบา ไม่เพียงแต่มียาเหย้าจี้ระดับต่ำที่เทียบเท่ายาระดับสองมาให้ประมูล ยังจะทำการประมูลขายของเป็นชุดอีก
ไฉ่ซวนกล่าว “ราคาต่ำสุดหนึ่งล้าน ทุกท่านสามารถเพิ่มราคาได้”
ไฉ่ซวนเพิ่งพูดจบ มู่เฉียนซีพลันกล่าว “สิบล้าน ข้าต้องการ”
ทุกคนมองหน้ากัน คุณชายชั้นห้าใจใหญ่มาก เพิ่งเสียไปสิบล้านเหรียญ ตอนนี้ยังจะเสนอราคาอีกสิบล้าน นี่มันกำลังเกิดเหตุอันใด ?
ซวนหยวนหลี่ซางกำมือแน่นเพราะไม่มีเงิน ทั้งที่เขาอยากได้ ปากก็จำต้องปิดเงียบไว้
ด้านล่างเงียบกริบ มู่เฉียนซียกยิ้มมุมปาก ของที่นางต้องการ ใครก็แย่งไปไม่ได้!
ในแคว้นจื่อเยี่ย นอกเสียจากฮ่องเต้จะเปิดท้องพระคลังออกมา คนอื่น ๆ ไม่มีทางสู้ได้ หากมาต่อกรเรื่องทรัพย์สินเงินทองกับตระกูลมู่ คงมีแต่สูญเสียแน่นอน
ไฉ่ซวนยิ้ม “หินแร่ทั้งหลายเหล่านี้เป็นของคุณชายชั้นห้าที่ประมูลได้เช่นกัน”
สิบล้านถือว่าเป็นราคาสูงลิบลิ่วแล้ว แต่ถ้าทั้งชุดอย่างที่บ้านประมูลนำออกมานี้ เพียงแค่สิบล้านไม่สามารถซื้อได้เยอะเท่านี้ หรือต่อให้มีร้อยล้านก็ไม่สามารถซื้อเยอะได้ขนาดนี้อยู่ดี
มู่เฉียนซีมีความสุขดีแท้ นางคิดว่าคนที่นำชุดหินแร่นี้มาประมูล หัวสมองคงเป็นตะคริวแน่ ๆ เลย
“รายการประมูลต่อไป…” ไฉ่ซวนนำใบรายการยาวออกมา
มู่เฉียนซีพึมพำ “ในเมื่อสมุนไพรวิญญาณผ่านไป แร่หินผ่านไป เช่นนั้นถัดไปก็คงเป็นเคล็ดวิชาใช่หรือไม่ ?”
มู่เฉียนซีเดาถูก ไฉ่ซวนพูดต่อว่า… “ตำราค่ายกลแสงศักดิ์สิทธิ์, จารึกลับพระราชวังทองคำ, บันทึกเพลิงโอสถ”
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นตำราฝึกวิทยายุทธ์ชั้นสูง ไฉ่ซวนยังไม่ทันอ่านหมดก็ถูกมู่เฉียนซีเอ่ยขัดจังหวะเสียก่อน
“ไฉ่ซวนคนสวย รายชื่อยาวไปไม่ต้องอ่านแล้ว ทุกคนปวดใจหากเห็นเจ้าเหนื่อย สิบล้าน ข้าเอา”
“เอ่อ…” ไฉ่ซวนยิ้มน้อย ๆ
ทว่าคนอื่น ๆ เกิดอารมณ์โกรธขึ้นมา สามสิบล้านติดแล้ว เงินยังไม่หมดอีกหรือ นี่ไม่คิดจะทิ้งโอกาสให้พวกเขาเลยหรืออย่างไร ?!
พวกเขาคิดว่าของพวกนี้ต้องเป็นของเด็กร่ำรวยนี่แน่ ไม่เช่นนั้นใครกันจะโง่ทำการค้าที่ขาดทุน
ไฉ่ซวนเอ่ยถาม “ยังมีใครเพิ่มราคาอีกหรือไม่ ?”
ใครจะเพิ่ม ? หากต้องเพิ่มอีกนับสิบล้านเพื่อสู้ ต่อให้พวกเขาเอาออกมาช่วยกันยังไม่มีเงินจ่ายเพียงพอเลย
ไฉ่ซวนเอ่ยเสียงแผ่วเบาเมื่อเห็นดวงตาที่เบิกกว้างของหลาย ๆ คน “เอาล่ะ ตำราวิชายุทธ์พวกนี้ เป็นของคุณชายน้อย”
ไฉ่ซวนพูดต่อ “ต่อไปเป็นการประมูลครั้งสุดท้าย ประมูลสูตรการปรุงยาระดับสองขั้นขึ้นไป เริ่มต้นหนึ่งล้าน”
ระดับสอง ระดับสาม ที่แคว้นจื่อเยี่ยไม่มีปรากฏมานาน นับเป็นเรื่องน่ายินดีที่ถูกนำมาประมูล
แม้แต่มู่เฉียนซีเองก็ยังถึงกับตกตะลึง เหมือนว่านางต้องการจะหลับแล้วมีคนมาส่งหมอนให้ถึงศีรษะ ดวงตัวนางเองช่างดีเสียจริง ๆ
นางอยากเรียนปรุงยา แต่ยังไม่มีสูตรยาขั้นสูงเลย โอกาสนี้ประจวบเหมาะยิ่งนัก
ตระกูลมู่อยู่ได้เพราะอาศัยความมั่งคั่ง แต่เนื่องจากเป็นเพียงตระกูลเล็กไร้อำนาจ ต่อให้มีทรัพย์สินเงินทองมากมายเพียงใด ใช่ว่าจะสามารถซื้อสิ่งใดก็ได้
ไม่คิดว่าการประมูลรอบที่สี่จะมีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้
“สิบล้าน ข้าเอา” มู่เฉียนซีกล่าวตามเคย
“ซี้ดดดด!”
ภายใต้สายตาของทุกคน ไฉ่ซวนได้ประกาศผู้เป็นเจ้าของสูตรปรุงยา ในที่สุดการประมูลที่อกสั่นขวัญแขวนในครั้งนี้ก็ได้สิ้นสุดลง
เมื่อพวกเขาได้ฟังน้ำเสียงประกาศสิ้นสุดการประมูลที่เหมือนอยู่ในความฝัน เหล่าคนที่มีอำนาจและมีชื่อเสียงในจื่อเยี่ยได้เห็นการประมูลที่แปลกประหลาดแบบนี้เป็นครั้งแรก
น่าเสียดายที่มีเงินทองไม่มากพอ พวกเขาถึงไม่ได้อะไรกลับไปมากนัก
แต่ครั้งนี้คนที่ได้ผลประโยชน์มากที่สุดเป็นผู้ใดไปไม่ได้ …มู่เฉียนซี
— ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! —
เสียงเคาะประตูดังขึ้นมา
“เข้ามา”
ไฉ่ซวนเดินเข้ามา กล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณชาย ในแหวนนี้ได้เก็บสิ่งของที่คุณชายประมูลได้ไว้แล้ว ส่วนเงินที่เหลือจากการประมูลจะเก็บไว้ที่ป้ายม่วงทองนี้”
มู่เฉียนซีผงะไป “โอ้! แม่นางไฉ่ซวน ข้ายังมีเงินเหลืออีกหรือนี่ ?”
ไฉ่ซวนยิ้มก่อนจะกล่าว “พวกเราต้องการที่จะร่วมมือทำการค้ากับคุณชายอีกในครั้งต่อไป ในครั้งนี้บ้านประมูลของเราจะไม่เก็บค่าธรรมเนียมใด ๆ กับคุณชาย ส่วนเงินที่เหลืออีกสามสิบล้านเหรียญ พวกเราเก็บไว้ในป้ายนี้แล้ว”
มู่เฉียนซีตกใจ “เจ้า… ไม่ได้คิดผิดไปใช่หรือเปล่า ข้าจำได้ว่าข้าขายยาเหย้าจี้ไปได้สามสิบกว่าล้านเหรียญทองคำ ข้าเพิ่งประมูลของไปสี่รอบก็คือใช้ไปประมาณสี่สิบกว่าล้าน เหตุใดจึงเหลือเงินมากขนาดนี้ ?”
ไฉ่ซวนกล่าว “คุณชาย ของประมูลที่ท่านให้ราคาไม่ใช่เหรียญทองคำ แต่เป็นเหรียญเงิน ดังนั้นเงินที่จ่ายจึงไม่ได้เยอะเลย”
“อะไรกัน เป็นไปได้อย่างไร ?”
“ตอนเปิดประมูลไฉ่ซวนบอกว่าเริ่มที่หนึ่งล้าน แต่เริ่มที่หนึ่งล้านเหรียญเงิน มิใช่เหรียญทองคำ หรือว่าแขกทุกท่านเข้าใจผิดกันไปแล้ว” ไฉ่ซวนทำหน้าใสซื่อบริสุทธิ์
ถ้าหากแขกที่มาร่วมงานประมูลในครั้งนี้ได้ยินละก็ คงจะกระอักเลือดตายด้วยความเสียดายเป็นแน่
หากรู้แต่แรกว่าเริ่มต้นที่หนึ่งล้านเหรียญเงิน พวกเขาคงแข่งขันกันน่าดู
สิบล้านเหรียญทองคำพวกเขาไม่มี แต่ถ้าเป็นเหรียญเงินคงมี
มู่เฉียนซีรู้สึกเหมือนขนมเปี๊ยะก้อนยักษ์ตกลงมาใส่นางแบบไม่คาดคิด มันตกลงที่ศีรษะของนาง ทุกคนคิดว่าในเมื่อประมูลยาเหย้าจี้ใช้เหรียญทองคำ ดังนั้นของสิ่งอื่นก็คงใช้เหรียญทองคำเหมือนกัน
สวรรค์โปรด! แม้แต่นางเองก็ยังหลงเข้าใจผิด ทั้งที่นางก็ไม่รู้ ทว่าโชคเข้าข้างนางยิ่งนักที่นางเอ่ยวาจาประมูลไปเพียงว่า ‘ลิบล้าน’ มิใช่ ‘สิบล้านเหรียญทองคำ’
ดวงดี! ดวงดีโดยแท้…
แต่สิ่งของล้ำค่าเช่นนี้ขายราคาเพียงแค่สิบล้านเหรียญเงิน เจ้าของสินค้าผู้นำมาเข้าประมูลเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า ?!
มู่เฉียนซีถาม “แม่นางไฉ่ซวน เจ้าแน่ใจไหม ? มันขาดทุนมากเลยนะ”
ไฉ่ซวนยิ้ม “คุณชาย ท่านที่นำของมาประมูลได้สั่งไว้ว่าให้พวกเราแค่ดูแลการประมูลเท่านั้น เมื่อคุณชายจ่ายเงิน ของพวกนี้ก็เป็นของของคุณชาย เป็นการจ่ายเพื่อซื้อของธรรมดา ๆ คุณชายไม่จำเป็นต้องใส่ใจ”
มู่เฉียนซียิ้ม พูดอย่างลำพอง “แม่นางไฉ่ซวนพูดได้ถูก ในเมื่อข้าจ่ายเงิน ของเหล่านี้ก็เป็นของข้า จะคิดมากให้ปวดเศียรเวียนเกล้าไปทำไมกัน ? ของอยู่ในกระเป๋าสามารถนำมาใช้ได้ก็ดีแล้ว”
“ไม่ทราบว่าคุณชายมีอะไรให้รับใช้อีกหรือไม่ ?” ไฉ่ซวนถาม
มู่เฉียนซี “รบกวนบ้านประมูลช่วยนำเงินที่อยู่ในป้ายสามล้าน เปลี่ยนเป็นเหรียญทองคำให้ข้าที”
“เอ่อ…” สีหน้าคาดไม่ถึงฉาบเคลือบใบหน้าไฉ่ซวน ดวงตามองมาที่มู่เฉียนซี
เปลี่ยนเป็นเหรียญทองคำจะพกพาลำบาก ส่วนใหญ่พกเป็นบัตรทองจะสะดวกกว่า
มู่เฉียนซีตอบออกไป “เปลี่ยนมาเถอะ ข้าต้องใช้เหรียญทองโยนใส่คน คงต้องรบกวนแม่นางไฉ่ซวนแล้ว”
การนำเงินสามล้านเหรียญทองคำโยนใส่คน ถึงแม่จะเป็นผู้ฝึกตนระดับสูงก็อาจจะโดนฝังทั้งเป็นได้ การใช้เหรียญทองคำโยนใส่คนคงมีแต่คุณชายท่านนี้ที่ (กล้า) ทำ
ไฉ่ซวนยิ้ม นางกล่าวก่อนจะเดินออกไป “คุณชาย ท่านช่างเยี่ยมจริงเชียว …ข้าจะรีบให้คนนำไปแลกให้ทันที”
เวลานี้เอง หมอไป๋ก็เดินเข้ามาพูดกับมู่เฉียนซี “เด็กน้อย… เอ่อ คุณชาย นายน้อยของเราเชิญไปพบ”
นายน้อยไหนกัน ? คงหมายถึงนายน้อยของบ้านประมูลอันดับหนึ่งกระมัง
มู่เฉียนซีเอ่ยขึ้น “ได้”
ชั้นหกของบ้านประมูลอันดับหนึ่งตกแต่งอย่างมีเอกลักษณ์ วิจิตรประณีตทว่าเรียบง่าย
หมอไป๋เปิดประตูเข้าไป มู่เฉียนซีก็เห็นว่ามีชายผู้หนึ่งนั่งอยู่ข้างใน เขาสวมเสื้อคลุมสีขาวยาว ใบหน้าเนียนขาวราวหยกขาวดูสูงส่งระคนสง่างาม
แววตาที่เหมือนจิ้งจอกคู่นั้นเผยรอยยิ้มอ่อน ๆ ออกมา ทว่าไม่ได้ยิ้มมาจากภายใน
น่าหลานอวี้ไม่ได้ส่งเสียง มู่เฉียนซีเอ่ยขึ้นก่อน
“ครั้งนี้ที่มาบ้านประมูล ข้าได้รับสิ่งของมากมาย ต้องขอบคุณนายน้อยน่าหลาน”
.