ในไม่ช้า ผู้บำเพ็ญภูตขั้นเก้าของบ้านประมูลอันดับหนึ่งก็ถูกเชิญให้เดินเข้ามา
“กินสิ่งนี้เข้าไป!” หมออวิ๋นกล่าว เขามีตำแหน่งสถานะสูงในโรงประมูลแห่งนี้ องครักษ์ไม่พูดอะไร กลืนเม็ดยาลงคอไปทันที
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าจงใช้พลังวิญญาณในการบ่มเพาะ”
ทันทีที่องครักษ์เริ่มใช้พลังวิญญาณในการบ่มเพาะ ตัวเขาพลันตกใจ “เป็นไปได้อย่างไร ? ข้ารู้สึกว่าข้าสามารถดูดซับพลังวิญญาณได้เร็วกว่าเดิมสามสี่เท่า หรือข้าฝึกจนธาตุไฟแตกซ่านไปแล้ว”
“สวรรค์! คอขวดที่ติดมาห้าปีตอนนี้กำลังจะพุ่งทะลวง ข้าจะเลื่อนขั้นเป็นจอมภูตแล้ว อ้า… ไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะมีโอกาสได้เลื่อนขั้นเป็นจอมภูต” องครักษ์แทบร้องไห้ด้วยความตื่นเต้น
หมออวิ๋นและหมอไป๋มองมู่เฉียนซีด้วยสายตาตกตะลึง หมออวิ๋นสะบัดมือ “เจ้าออกไปได้แล้ว ค่อย ๆ เพิ่มระดับและขยันฝึกฝน”
หมอไป๋ “เด็กน้อย… ยาขวดนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ทำธุรกิจกัน ข้าให้ราคาเจ้าสามแสนเหรียญทองคำ”
มู่เฉียนซีโบกมือ “ยานี้ถือเป็นยาทดสอบของข้าที่ได้ทำการค้ากับพวกท่านครั้งแรก สละแค่ยาขวดเดียวจะเป็นไรไป ? ข้ายังมียาเร่งความเร็วนี้อีกสิบขวด เอาไว้ให้บ้านประมูลอันดับหนึ่งนำออกประมูลอย่างไรล่ะ”
หมอไป๋สูดลมหายใจ ยังมีอีกสิบขวด!
มู่เฉียนซีเอ่ยน้ำเสียงภาคภูมิใจ “ข้ายังมียาวิญญาณโลหิตอีกนะ ไม่ว่าจะบาดเจ็บมาแบบไหนมันก็สามารถช่วยห้ามเลือดได้ทันที และจะกลับมาเป็นปกติภายในครึ่งชั่วโมง”
“แล้วยังมียาทลายวิญญาณ ช่วยให้สามารถบรรลุขั้นจอมภูตได้”
เมื่อมองดูยาทั้งสามชนิดที่วางตรงหน้าพวกเขาทั้งหมดสามสิบขวด หมอไป๋และหมออวิ๋นชาไปทั้งตัว นี่มัน…
หมอไป๋กล่าวด้วยเสียงสั่น ๆ “เจ้าเด็กน้อย แน่ใจนะว่าจะนำยาสำคัญเหล่านี้ทั้งหมดมาให้พวกข้าประมูลขายออกไป ?”
“ใช่” มู่เฉียนซีพยักหน้า
“ไม่ทราบว่าเจ้าต้องการอะไรอีกหรือไม่ ?” หมอไป๋กล่าวถาม เขารู้ว่าเมื่อยานี้ขายออกไป จะต้องทำให้โลกปรุงยาเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และคุณชายผู้นี้จะกลายเป็นบุคคลสำคัญ
“ข้าต้องการให้ออกประมูลพรุ่งนี้ หากหมอปรุงยาของพวกท่านมียาอายุวัฒนะพวกนี้ ช่วยข้าหาที ขายตามราคาท้องตลาดให้ข้าก็แล้วกัน” มู่เฉียนซีนำใบที่จดรายชื่อยาออกมา
หมอไป๋กวาดตามองดูรายการยา ยาอายุวัฒนะบางตัวราคาสูงลิ่ว มีตัวยาบางตัวที่ดูแล้วแม้แต่ชื่อยังไม่เคยได้ยิน
“นอกจากนี้ จำนวนของตัวยาในแคว้นจื่อเยี่ยมีไม่มาก จะต้องมีคนสงสัยแน่ ท่านผู้เฒ่า ท่านต้องเตรียมคนไว้”
หมอไป๋พยักหน้า “ได้ ข้ารับทราบ”
หมอไป๋นำป้ายหยกสีม่วงขึ้นมา “เด็กน้อย สิ่งนี้คือป้ายสัญลักษณ์แขกพิเศษของบ้านประมูลของพวกเรา พรุ่งนี้เชิญเจ้ามาร่วมงานประมูลได้ เพียงใช้ป้ายนี้ก็จะได้รับการบริการห้องพิเศษจากพวกเรา”
“เช่นนั้นข้าจะรับไว้”
เมื่อมู่เฉียนซีกล่าวด้วยสีหน้าพึงพอใจแล้ว นางก็ออกจากสนามประมูล ทิ้งไว้แต่เพียงสองผู้เฒ่าที่ตกตะลึงไม่สร่างซา
นางเพิ่งออกจากประตูก็สัมผัสได้ถึงอันตราย มีร่างของคนผู้หนึ่งเข้ามาอยู่ในสายตานาง
บุรุษเย็นชาราวเทพอสูร แม้เป็นตอนกลางวัน กลิ่นอายมืดมนของเขาก็สามารถปกปิดแสงสว่างทั้งหมดได้
มู่เฉียนซีเม้มริมฝีปากแน่น บ่นในใจ ‘เจ้าคนผู้นี้ยังจะสวมหน้ากากในยามกลางวันอีก คิดว่าไม่มีใครจำเขาได้หรืออย่างไร ?’
ในเวลานั้น สายตาเยือกเย็นภายใต้หน้ากากจ้องมองมาราวกับจะมองทะลุตัวนางได้
พ่อบ้านไป๋ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กล่าวถาม “นายท่าน มีอะไรหรือ ?”
“อ๊ะ!”
ฉับพลันทันใดพ่อบ้านไป๋ตกตะลึง ด้วยความสามารถของเขา เขามองเห็นใบหน้าของมู่เฉียนซีที่อยู่ใต้ผ้าแพรได้อย่างชัดเจน แต่เดิมคิดว่านายของเขางดงามแล้ว ไม่คิดว่าบนโลกใบนี้จะมีคุณชายที่รูปงามไม่แพ้กับนายท่านอยู่ อีกทั้งคุณชายน้อยผู้นี้ยังมีดวงตาเป็นประกายคล้ายผู้เป็นนายของเขาที่มีดวงตาสีฟ้าใสทว่าเยือกเย็นราวก้อนน้ำแข็ง
มู่เฉียนซีเดินผ่านไปราวกับพบเจอคนแปลกหน้า นางรู้สึกได้ว่าสายตาจ้องมองมาที่แผ่นหลังของนางยังไม่เลือนหาย
เขา… ไม่น่าจะจำนางได้ ใช่ไหม ?…
สภาพของนางในตอนนี้ แม้แต่ท่านอาเล็กยังจำนางไม่ได้เลย และเขาจะจำนางได้หรือ ?
พ่อบ้านไป๋รู้สึกได้ถึงลมหายใจที่ส่อเค้าอันตรายของนายท่าน เขาไม่กล้าเอื้อนเอ่ยสิ่งใดอีก ดูเหมือนนายท่านจะโกรธชายหนุ่มผู้นั้นมาก
ชายผู้นั้นรูปงาม น่าแปลกเหลือเกินที่เขาเห็นนายท่านแล้วไม่มีอาการหวาดกลัวเหมือนคนทั่วไป แต่แค่นี้ก็ไม่น่าทำให้นายท่านโกรธ อีกทั้งถ้ามีคนทำให้นายท่านโกรธ คนผู้นั้นคงไม่มีชีวิตอยู่บนโลกนี้แล้ว
“ไป” ซวนหยวนจิ่วเยี่ยกล่าวเพียงหนึ่งคำ เดินนำขึ้นชั้นบนไป
…
ในเวลานี้หมออวิ๋นเพิ่งรู้สึกตัว เขามองไปที่เม็ดยา หยิกตัวเองจนรู้สึกเจ็บ …เขาไม่ได้ฝันไป
“ท่านหมอไป๋ การประมูลไม่ได้เริ่มในอีกเจ็ดวันอย่างนั้นหรือ จะเริ่มพรุ่งนี้จริง ๆ ใช่ไหม ?” หมออวิ๋นถาม
“ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้” หมอไป๋ตอบขรึม ๆ
“ยังมีของที่อยู่ระหว่างขนส่ง ของยังไม่ครบจะประมูลกันอย่างไร ?”
หมอไป๋หันไปมองเม็ดยา “มียาพวกนี้อยู่ ถึงจะมีสมบัติอยู่ระหว่างเดินทางมา แต่แค่นี้ก็สามารถเปิดการประมูลได้แล้ว! …อย่างไรข้าขอไปปรึกษานายน้อยก่อน”
แม้จะแจ้งไปเช่นนั้น แต่ได้ยินมาว่านายน้อยพบแขกคนสำคัญ หมอไป๋ก็ได้แต่อดทนรอ
เมื่อรอจนแขกออกไปแล้ว นายน้อยก็เรียกตัวหมอไป๋ เขาเอ่ยขึ้น “ครั้งนี้การประมูลจะเริ่มก่อน และจะจัดในคืนนี้”
“หา! นายน้อย เกิดอะไรขึ้น ?” หมอไป๋ถาม
“มีคนนำของมีค่ามาให้ที่นี่นำไปประมูล และร้องขอให้ข้าเลื่อนจัดการประมูลให้เร็วขึ้น”
หมอไป๋กล่าว ใบหน้าตกตะลึง “นายน้อย เหตุใดจึงบังเอิญเช่นนี้! ข้าก็…”
เขาเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับยาระดับต่ำให้นายน้อยของพวกเขาฟัง
“ไม่คิดว่าจะมีเรื่องแปลกประหลาดแบบนี้ มาพร้อมกันเชียว”
ทันทีที่บ้านประมูลอันดับหนึ่งเปลี่ยนแปลงเวลาประมูลให้เลื่อนมาเร็วขึ้น อีกทั้งเป็นคืนนี้ ทำให้เชื้อพระวงศ์และตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงต่างประหลาดใจทำอะไรแทบไม่ถูก
จากข่าวที่แพร่ออกมา การประมูลครั้งนี้จะมีสิ่งของสำคัญอันน่าประหลาดใจออกมาให้ได้ร่วมประมูล
ท่านผู้เฒ่าทั้งหลายจากตระกูลมู่ก็เตรียมตัวจะไปงานประมูลครั้งนี้ด้วย พวกเขากลัวมู่เฉียนซีจะไปวุ่นวายที่งานประมูลจึงวางแผนไม่บอกข่าวนี้กับนาง เพราะทุกครั้งที่ท่านผู้นำตระกูลไปร่วมงาน ไม่ว่าใครจะเอาอะไรออกมา มีหรือไม่มีประโยชน์ นางก็ให้ราคา
อีกทั้งคุณหนูตระกูลโอวหยางยังจงใจแข่งราคากับท่านผู้นำตระกูลของพวกเขา ทำให้ราคาเพิ่มสูงมากขึ้นเรื่อย ๆ ท้ายสุดตระกูลมู่ก็สูญเสียมากเกินไป
มู่เฉียนซีได้รู้ข่าวนี้ก็อึ้งงัน “คืนนี้รึ! เริ่มเร็วขึ้นกว่าเดิม หรือว่าบ้านประมูลอันดับหนึ่งรอเงินไม่ไหว ?”
ยิ่งนางสามารถได้รับเงินเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี ถึงเวลาที่การประมูลจะเริ่มขึ้น มู่เฉียนซีปลอมตัวเป็นอาถิงอีกครั้ง นางออกจากจวนตระกูลมู่ไปอย่างเงียบเชียบ
ทันทีที่มู่เฉียนซีเข้าไปในห้องประมูล ก็ได้ยินใครบางคนพูด
“คุณหนูใหญ่ มู่เฉียนซีสตรีผู้นั้นท้ายที่สุดก็ไม่ได้มางานประมูล นางยังคงเป็นผู้นำตระกูลอยู่ คนโง่งมไร้ประโยชน์อย่างนางคงไม่มีคุณสมบัติที่จะมาร่วมการประมูลในครั้งนี้กระมัง”
“โชคดีสำหรับสตรีโง่งมนั่น ถ้านางกล้ามาครานี้ ข้าจะทำให้นางเลือดออกจนหมดตัวแน่” น้ำเสียงดื้อรั้นลอยมา
ขณะนั้น พนักงานได้พบมู่เฉียนซีที่หน้าประตู ก็ให้การต้อนรับด้วยความเคารพ
“คุณชาย ท่านมาแล้ว อา… เชิญข้างใน เชิญข้างใน”
มู่เฉียนซีหรี่ตามองโอวหยางเหว่ย ‘เลือดออกจนหมดตัวรึ ? หึ! ดูซิครั้งนี้ใครจะเลือดออกเยอะกว่ากัน’
.