“ท่านผู้นำตระกูลอยู่ที่เรือนตลอด นอกจากกินและนอนเงียบ ๆ ก็ไม่ได้ทำสิ่งใดเลย ?”
“มู่เฉียนซี นางต้องการทำสิ่งใดกันแน่ ? เวลาแค่เพียงสามวัน นางก็ปล่อยผ่านเวลาเสียไปวันหนึ่งแล้ว”
ท่านผู้เฒ่าใหญ่พยายามขบคิด ทว่าคิดอย่างไรก็ไม่ออก ไม่ทราบได้ว่ามู่เฉียนซีจะทำสิ่งใด
อย่าว่าแต่ท่านผู้เฒ่าใหญ่ไม่รู้ แม้แต่อาถิงที่ผูกพันธสัญญากับมู่เฉียนซียังไม่ล่วงรู้เลย
“นี่! สตรีน่าตาย อย่าหลงลืมว่าสามวันนี้เจ้าต้องหาสามล้านเหรียญทองคำ เจ้าวางแผนจะหามาอย่างไร ?”
มู่เฉียนซีกลอกตา นางเอ่ย “เจ้าคงจะนอนหลับมากเกินไปกระมัง สมองของเจ้าจึงโง่งม เรื่องง่าย ๆ แค่นี้เจ้าก็เดาไม่ได้ ข้ากลัวเสียจริงว่าถ้าทำพันธสัญญากับเจ้าต่อไปคงจะถูกเจ้านำพาให้สติปัญญาข้าด้อยลง”
อาถิงกัดฟันพูด “มู่เฉียนซี เจ้ากล้าว่าข้าโง่เรอะ! ข้าจะฉีกร่างเจ้าเสียเดี๋ยวนี้”
“เหวย ๆ ๆ! เจ้าไม่มีร่าง หากอยากจะฉีกข้า ก็ฝันกลางวันไปก่อน”
“รอข้ามีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะสร้างร่างมนุษย์ได้ก่อนเถอะ เจ้าคอยดูข้าให้ดี”
“ข้าเกรงว่าเจ้าจะไม่มีความสามารถนั้น”
ทั้งสองยังคงทะเลาะกัน อาถิงถามย้ำ “ตกลงเจ้าจะทำอย่างไร ?”
“นายของเจ้ามีความสามารถอะไร ? เจ้าไม่รู้เว้นแต่เจ้าจะตาบอดเท่านั้น”
“เจ้าปรุงเพียงยาพิษพวกนั้น กว่าจะสามารถขายได้จนถึงสามล้านเหรียญ เจ้าก็คงถูกตัดเงินไปแล้ว หลังจากนั้นเจ้าคงได้อดตาย สมองของเจ้ามีปัญหาหรืออย่างไร ?!”
“นอกจากข้าจะมีความสามารถด้านปรุงยาพิษ ข้ายังมีความสามารถทางด้านอื่นอีก เบิกตาของเจ้ารอดูแล้วกัน”
หลังจากพูดจบ มู่เฉียนซีก็หันหลังออกเดินไปทางห้องปรุงยา
หลิงซือหลินถึงกับชะงักเมื่อเห็นมู่เฉียนซี “ท่านผู้นำตระกูล เหตุใดท่านถึงมาที่นี่ได้ ?”
มู่เฉียนซียิ้ม “ข้าคันไม้คันมือใคร่จะหลอมยา เจ้าไปเตรียมของให้ข้าด้วย…”
“ขอรับ! เรายังมีเตาหลอมโอสถอยู่”
หลิงซือหลินทำงานเป็นผู้ช่วยอยู่ห้องยามาสองสามปี ย่อมมีความคุ้นเคยกับห้องยา ใช้เวลาเพียงไม่นานก็เตรียมของเสร็จ
“ท่านผู้นำตระกูล ทุกอย่างเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้ว”
“จุดไฟ”
“ขอรับ”
หลังจากนั้น หลิงซือหลินก็พบเห็นฉากมหัศจรรย์ ท่านผู้นำตระกูลกำลังหลอมยา!
อย่างไรก็ตาม วิธีการหลอมยาของท่านผู้นำตระกูลไม่เหมือนกับการหลอมยาของหมอยาท่านอื่น ช่างเหนือล้ำกว่าไม่ผิดไปจากการแสดงที่อลังการ
ขณะที่มู่เฉียนซีเตรียมใส่หยดน้ำค้างเพิ่ม อาถิงก็พูดขึ้นมาว่า… “เจ้าสามารถใช้น้ำอมฤตได้ เหตุใดจึงยังใช้น้ำที่คนธรรมดาใช้มาหลอมยาอีก เดิมทีระดับสิ่งที่เจ้าหลอมก็ต่ำพอแล้ว หากเจ้ายังเลือกใช้น้ำธรรมดา ก็ยิ่งเป็นการลดคุณภาพยาลง”
แม้อาถิงจะปากเป็นพิษ คำเตือนเขาก็มีประโยชน์ทุกครั้ง
มู่เฉียนซีเรียกใช้แหวนมังกรเทพวารีดึงพลังธาตุวารี สายน้ำเปลี่ยนร่างเป็นมังกรพุ่งเข้าไปในเตาหลอม
“งดงามมาก!” หลิงซือหลินจ้องมองมังกรวารีสีฟ้าอย่างตะลึงลาน แท้จริงแล้วท่านผู้นำตระกูลยังเป็นนักปรุงยาธาตุวารี
โดยทั่วไปผู้ปรุงยาส่วนใหญ่จะใช้ธาตุอัคคี ธาตุพฤกษา ธาตุวารีถือว่าหาได้ยากและมีโอกาสประสบความสำเร็จสูงกว่าธาตุอื่น ๆ
“สำเร็จแล้ว!”
ขั้นตอนสุดท้ายเสร็จสิ้น มุมปากมู่เฉียนซียกยิ้ม
เมื่อสำรวจยาที่นางหลอมก็พบว่าหลังจากที่ใช้น้ำอมฤตแล้ว ประสิทธิภาพของเม็ดยานั้นเพิ่มมากขึ้น หลังนำมันใส่ลงไปในขวด มู่เฉียนซีก็หลอมยาชนิดอื่นต่อ เวลาผ่านไปเกือบครึ่งคืน นางก็ทำสำเร็จ
มู่เฉียนซีนำขวดสามขวดมาวางลงบนโต๊ะ นางกล่าวออกไปว่า… “สามขวดนี้สำหรับให้เจ้าใช้ เย็นนี้รบกวนเจ้ามามาก”
หลิงซือหลินตกใจที่ได้รับความเมตตา “ท่านผู้นำตระกูล มันเป็นสิ่งที่ข้าควรทำ ยานี้หาใช่ธรรมดา ท่านโปรดรับคืนไปเถอะนะขอรับ”
แม้เขาไม่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเม็ดยา เมื่อเห็นการหลอมเม็ดยานี้ด้วยตาตนเองก็สามารถสัมผัสได้ถึงพลังในเม็ดยาว่ามันไม่ใช่ยาสามัญธรรมดาทั่วไป
มู่เฉียนซียิ้มอ่อน “ไม่ ข้ามีเยอะแล้ว เจ้าจงใช้ครึ่งขวดฝึกฝนทุกวัน จะได้ผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึง …นอกจากนี้ ข้ามอบของให้ใครไปแล้ว จะไม่มีการรับกลับคืนเป็นอันขาด!”
ร่างสีม่วงกะพริบหายไปต่อหน้าต่อตาหลิงซือหลิน นางรวดเร็วราวกับผีสาง
มู่เฉียนซีดูเหมือนจะลืมเรื่องการเดิมพันที่พนันไว้ นางหลับยาวไปจนถึงกลางวัน
ท่านผู้เฒ่าทั้งหลายต่างขบคิดกันว่า ที่มู่เฉียนซีท้าวางเดิมพันเพียงเพื่อหาหนทางประนีประนอม เพียงเพราะนางไม่อยากเสียหน้าจึงลั่นวาจาเช่นนั้น
มู่เฉียนซียืดเส้นยืดสาย ในที่สุดนางก็สามารถบรรลุเป็นผู้บำเพ็ญภูตขั้นที่สี่แล้วหลังจากที่ฝึกฝนมาทั้งคืน แต่อนิจจา นางก็ยังอ่อนแอเกินไป อ่อนแอจริง ๆ!
ช่างห่างจากมาตรฐานที่ท่านอาเล็กพูดไว้ ห่างกันหลายหมื่นลี้
มู่เฉียนซีลุกขึ้นมองไปที่กระจก เตรียมที่จะแต่งหน้าเพิ่มเติมเพื่อปลอมตัว
ยังไม่ทันที่นางจะทันได้เขียนแต่งใบหน้า ก็ได้ยินเสียงอาถิงคำรามขึ้น
“หญิงโง่! หญิงโง่! ถึงแม้เจ้าคิดจะปลอมตัว แต่เมื่อเผชิญหน้ากับผู้มีวรยุทธ์สูงกว่า มันก็ยังแตกต่างกันอยู่วันยังค่ำ ถ้าอยากทำแบบลับ ๆ วิธีการของเจ้าเช่นนี้ใช้ไม่ได้”
แม้เชื่อมั่นในการปลอมตัวของตนเอง นางก็ลืมไปว่าที่นี่มิใช่ยุคปัจจุบัน มันเป็นยุคที่ฝึกกำลังภายใน ฝึกฝนพลังวิญญาณ มันเป็นอีกโลกที่แตกต่างกับโลกที่น่าประหลาดโดยสิ้นเชิง
อาถิงย่อมมีความเข้าใจมากกว่านาง
“อ่า! นายท่านอาถิง ท่านมีข้อเสนอแนะอย่างไรบ้างหรือ ?”
“เหอะ! เจ้าก็มีวันที่มาขอร้องกับข้าเหมือนกันเรอะ!” อาถิงเชิดหน้าภาคภูมิใจ
“นายท่านอาถิง ท่านมีความรู้มากมาย ช่วยให้คำแนะนำกับข้าน้อยหน่อยนะเจ้าคะ! ตอนนี้เวลาเหลือไม่มากแล้ว” มู่เฉียนซีทำทียกยอ
“เจ้าทำพันธสัญญาผูกพันกับข้า ข้าสามารถทำให้เจ้าเปลี่ยนเป็นตัวข้าได้ รับรองคนอื่นมองไม่ออกแน่ เพียงแต่เจ้าอย่าทำสิ่งที่ทำให้ข้าขายหน้า”
“เปลี่ยนเป็นแบบเจ้า” มู่เฉียนซีอึ้งงัน หน้าตาสวยงดงามเยี่ยงนั้น มู่เฉียนซีพึงพอใจมาก
“แต่… มันจะไม่ดูโดดเด่นเกินไปหรือ ?”
“อะไร ? นี่เจ้ารังเกียจรูปลักษณ์ของข้าเรอะ ?” อาถิงโมโห
“ก็มีบ้าง”
“ถ้างั้นเจ้าก็ใช้ใบหน้าเดิมไปเลยไป! การปลอมตัวไม่มีประโยชน์อันใดแล้ว เมื่อถึงตอนนั้นคนทั้งใต้หล้าคงรู้ว่าผู้นำตระกูลมู่มีความสามารถปรุงยาอันแสนวิเศษนี้ เจ้าก็รอตกเป็นเป้าหมายให้คนมากมาย”
ยิ่งอยู่สูงก็ย่อมมีคนอิจฉาอยากทำลาย!
โดยเฉพาะยิ่งในกรณีที่ไม่มีความแข็งแกร่งเพียงพอ การเปิดเผยความสามารถมากเกินไปทำให้มีอันตรายมาถึงตนได้อย่างแน่นอน
มู่เฉียนซีกล่าวไปยิ้มไป “ข้าจะรังเกียจรูปร่างหน้าตาของเจ้าได้อย่างไร ข้าเพียงรู้สึกว่าอาถิง เจ้านั้นงดงามเกินไป กลัวว่าเปลี่ยนเป็นใบหน้าของเจ้า ข้าจะรู้สึกกดดัน”
“เชอะ! เจ้ารู้ตัวก็ดีแล้ว เห็นแก่เจ้าที่มีพันธสัญญากับข้า ข้าจะช่วยเจ้าอีกแรง แม้จะทำให้ข้าเสียหน้า ข้าก็ยอมรับ”
มู่เฉียนซีมุมปากกระตุก หลังจากทำพันธสัญญากับเจ้านี่มาสักพักก็รู้นิสัยของเขาดี หากเขาถูกยกยอเมื่อใด ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ไม่ถือสา
“เชื่อมกับจิตของข้าสิ ข้าจะให้เจ้าเปลี่ยนเป็นข้า”
“ได้”
ลำแสงสีเขียวอ่อนครอบคลุมร่างของมู่เฉียนซีทั้งร่าง รูปร่างนางพลันเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
มองดูตนเองในกระจก มู่เฉียนซีได้แต่คิดในใจ ‘เหมือนปีศาจตัวเป็น ๆ นี่เอง’
ผมยาวสีเขียวเทาพาดยาวลงมาประบ่าดั่งเส้นไหม คิ้วเข้มสีหมึกโค้งงามได้ทรงราวภาพวาด ริมฝีปากแดงระเรื่อดั่งผลอิงเถา ผิวขาวผ่องดั่งหิมะ ขนตายามกระพือกะพริบเสมือนปีกผีเสื้อยามโผบินก็ไม่ปาน
ดวงตาสีเขียวอ่อนสดใสน่าหลงใหล ราวกับสามารถมองผ่านอดีตและปัจจุบันได้
ทั้งร่างกายแผ่กลิ่นอายบริสุทธิ์ไร้เดียงสา ไม่อนุญาตให้ผู้ใดดูหมิ่น
ทว่าเมื่อนึกถึงนิสัยของอาถิง และมองร่างนี้อีกหน มุมปากมู่เฉียนซีพลันกระตุกอย่างแรง รูปร่างภายนอกช่างหลอกลวงเสียจริง
ทันใดนั้น! ใบหน้ามู่เฉียนซีพลันเปลี่ยนสี นางรีบสำรวจร่างกายของตนเอง…
.