มู่เฉียนซีตกตะลึงไปชั่วขนะ พ่อบ้านไป๋ช่างรอบรู้เรื่องทุกอย่างเสียจริง! นางเพิ่งอยากจะปรับเปลี่ยนห้องพัก เขาก็ส่งของมาให้เสียก่อนแล้ว
มู่เชียนซีกล่าว “จงไปนำเข้ามาให้ข้าดู”
“ขอรับ”
หยกสีม่วงชั้นดี, หยกงาม, ผลึกแก้ว, ไม้จันทน์สีแดง, ไม้เลือดวิญญาณ, ม่านกั้นที่ทำจากหยกสีดำ
ทุกอย่างเป็นสิ่งของที่ดูไม่หรูหามากจนเกินไป แต่ทุกสิ่งหาใช่ไร้ค่า ของเหล่านี้แค่หยิบมาสักชิ้นก็มีค่ามากกว่าของที่ประดับอยู่ในห้องนี้ทั้งหมด นี่เรียกว่าเรียบง่ายแต่วิจิตร
“ท่านผู้นำ สิ่งของพวกนี้ ท่านจะให้พวกเรารับไว้ไหมขอรับ ?”
สิ่งของเหล่านี้คงไม่ใช่แค่พ่อบ้านไป๋ดูแลจวนจะส่งมาได้ นอกจากจะได้รับคำสั่งจากผู้เป็นนาย
นิสัยของเจ้าก้อนน้ำแข็งนั่น ถ้าไม่รับไว้คงจะมาปลิดชีพนางเป็นแน่
“รับไว้! ฝากขอบใจพ่อบ้านไป๋ให้ข้าด้วย”
นางไม่สามารถคาดเดาความคิดของชายผู้นั้นได้ ทั้งที่รู้ว่าในร่างกายนางมีสิ่งของอันล้ำค่า ครั้งก่อนก็ยังลงมือแย่งชิงกัน แต่หลังจากนั้นกลับนำสิ่งของล้ำค่าที่มีค่าเทียบเท่ากันมามอบให้นางเสียได้
อีกทั้งยังส่งพ่อบ้านของเขามาเป็นพยานให้นางและยังส่งสิ่งของอันล้ำค่ามากมายมาให้นางตกแต่งห้องใหม่
ไม่ว่าเขาจะมีเป้าหมายใด บุญคุณที่มีต่อนาง มู่เฉียนซีจะจดจำไว้
“จัดการนำสิ่งของมาเปลี่ยนในห้องข้าให้เรียบร้อย ข้าจะไปดูห้องยาก่อน”
ท่านอาถูกยาพิษประหลาด ห้องยาตระกูลมู่คงไม่มีตัวยาที่จะรักษาท่านอาให้หายได้
แต่ว่านางสามารถใช้ยาทั่วไปบางส่วนนี้มาทำเป็นยาบำรุงร่างกายให้ท่านอาได้
เมื่อมาถึงห้องยา ผู้นำตระกูลมู่เฉียนซีก็ถูกคนผู้หนึ่งขวางไว้ที่หน้าประตู ชายผู้นี้อายุประมาณสี่สิบปี สวมใส่ชุดคลุมยาวของผู้ปรุงยา
“เจ้าไม่รู้รึอย่างไรว่าที่นี่เป็นสถานที่ปรุงยาของข้า นอกจากข้าแล้วคนอื่นไม่มีสิทธิ์ย่างกรายเข้ามาห้องยานี้”
“ห้องยาเป็นของตระกูลมู่ของข้า ไม่ยักรู้ว่าได้เปลี่ยนเป็นของเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” มู่เฉียนซีเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เด็กรับใช้ที่นำทางมู่เฉียนซีเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอันเบา
“ท่านหมออวิ๋น สตรีท่านนี้คือท่านผู้นำตระกูลมู่ของพวกเรา”
เมื่อรู้ว่ามู่เฉียนซีเป็นผู้นำตระกูลมู่ อวิ๋นเซิ่งก็ไม่สนใจ
“เจ้าคือผู้นำที่ไร้ความสามารถนั่นรึ ห้องยาของข้าไม่ใช่สถานที่ที่เจ้าจะเข้ามาได้ เจ้าออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ ข้าผู้ปรุงยาจะไม่ถือสาเอาความเจ้า”
ผู้ปรุงยาค่อนข้างมีนิสัยหยิ่งยโส ถึงแม้อวิ๋นเซิ่งจะเป็นผู้ปรุงยาขั้นพื้นฐานที่ปรุงยาออกมาได้แค่ขั้นหนึ่ง หรืออย่างมากปรุงยาสูงสุดก็ได้เพียงแค่ขั้นสองเท่านั้นก็ตาม
เขาคือนักปรุงยาเพียงคนเดียวของตระกูลมู่ เขาที่ถูกผู้คนให้ความเคารพเทิดทูนคิดว่าตัวเองวิเศษกว่าผู้อื่น ประมุขตระกูลล้วนไม่เคยอยู่ในสายตาของเขา
แววตาของมู่เฉียนซีทอแววเยือกเย็นขึ้นมาวูบหนึ่ง
“ดี… ดีมาก ถึงขนาดไม่เห็นผู้นำอยู่ในสายตา! องครักษ์เงา เจ้าจงลากเจ้านี่ออกไปโบยด้วยแส้ร้อยครั้ง”
เป็นถึงประมุขตระกูลมู่ รอบกายของนางย่อมมีองครักษ์เงาคอยคุ้มกันอยู่แล้ว
เพียงแต่ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนั้น มู่หรูอวิ๋นร่วมมือกับคนอื่นขัดขวางองครักษ์เงาไว้จนทำให้เกิดเหตุการณ์ร้ายขึ้น
สององครักษ์เงาปรากฏกายจับกุมอวิ๋นเซิ่งไว้อย่างรวดเร็ว
อวิ๋นเซิ่งร้องตะโกนโวยวายออกมาเสียงดัง
“เจ้ามันคนไร้ค่า ไร้ความสามารถ เจ้ากล้าตีข้า ข้าคือนักปรุงยาเพียงคนเดียวที่ตระกูลมู่เคารพเทิดทูน เจ้ากล้าตีข้า ข้าจะรีบหนีไปจากตระกูลมู่ซะ ถึงพวกเจ้าจะอ้อนวอนขอร้องให้ข้ากลับมาข้าก็ไม่กลับ”
มู่เฉียนซีพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ตีมัน… ตีให้แรง ๆ”
— เพียะ! เพียะ! —
องครักษ์เงาทำตามคำสั่งทันควัน ฟาดแส้ลงไปอย่างเต็มแรง
“อ๊าก!”
อวิ๋นเซิ่งเริ่มกรีดร้องอย่างเจ็บปวดเสียงดังลั่น
แต่เขาไม่ได้ตระหนักถึงความผิดของตนเองเลย
“เจ้าคนไร้ประโยชน์ ข้าจะบอกเจ้า ข้าเป็นคนของสำนักตานจี้ (สำนักยา) เจ้ากล้าแตะต้องข้า สำนักตานจี้จะต้องไม่ปล่อยเจ้าไปแน่”
“เจ้าคิดว่าตระกูลมู่ของเจ้าจะเป็นคู่ต่อสู้กับสำนักตานจี้ได้รึ ?”
มู่เฉียนซีเลิกคิ้วขึ้นก่อนที่จะเอ่ย “องครักษ์เงา ดูแล้วพวกเจ้าจะตีเบาเกินไปแล้ว ตีเพิ่มด้วยแส้อีกร้อยครั้ง”
“ขอรับ”
เมื่อเห็นว่ามู่เฉียนซีไม่มีท่าทีหวาดกลัวเขาซึ่งเป็นนักปรุงยาและไม่กลัวสำนักตานจี้ คิดจะตีเขาให้ตายจริง ๆ อวิ๋นเซิ่งจึงมีท่าทีร้อนรน มู่เฉียนซีคนนี้โง่เง่าเสียจริง ทำสิ่งใดไม่คิดถึงผลลัพธ์ที่จะตามมา
“มู่เฉียนซี เจ้ามันช่างโหดเหี้ยมนัก!”
“มู่เฉียนซี เจ้ามันไม่ได้ตายดี!”
อวิ๋นเซิ่งไม่ยอมแพ้ ด่าว่ามู่เฉียนซีไม่หยุด ด่าด้วยน้ำเสียงอันดังเพื่อทำให้ท่านผู้เฒ่าใหญ่ได้ยิน จะได้ออกมาช่วยเขา
ผู้เฒ่าใหญ่ ผู้เฒ่ารอง ผู้เฒ่าสามต่างออกมา แต่ถูกองครักษ์เงาขัดขวางไว้ที่หน้าประตู
“ท่านผู้นำกำชับไว้ ห้ามผู้ใดเข้ามา!”
“จะทำอย่างไรดีล่ะทีนี้ ถ้าท่านผู้นำตีหมอหวังจนตาย สกุลมู่ของพวกเรารับอารมณ์โกรธของสำนักตานจี้ไม่ไหวแน่”
พวกเขาอยู่ด้านนอกด้วยอารมณ์วิตกกังวลสักพัก ผู้เฒ่าใหญ่ก็กล่าวขึ้น “พวกเรากลับไปกันก่อนเถอะ”
“ทำไมล่ะ ?” ผู้เฒ่ารองและผู้เฒ่าสามได้กล่าวถามออกมาพร้อมกัน
“ประชุมใหญ่ประจำเดือนของตระกูลมู่ใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว ถ้าหากว่ามู่เฉียนซีทำให้สกุลมู่ของเราต้องสูญเสียนักปรุงยาไป พวกเราสามารถใช้เรื่องนี้กดดันนาง สั่งสอนนางได้!”
“พี่ใหญ่พูดได้ดี”
ประชุมใหญ่ของตระกูลในครั้งนี้ พวกเราจะต้องนำความไม่พอใจที่ได้รับหลายวันก่อนคืนให้นาง พร้อมทั้งแก้แค้นให้กับอวิ๋นเอ๋อร์
เมื่อไม่มีผู้ใดเข้ามาช่วย อวิ๋นเซิ่งเริ่มสิ้นหวังแล้ว เขาร่ำไห้ออกมาด้วยเสียงอันดัง
“ท่านผู้นำมู่ ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย! ข้าไร้มารยาทกับท่าน เป็นความผิดของข้า”
“ท่านผู้นำมู่ ท่านปล่อยข้าไปเถอะ ต่อไปข้าจะตั้งอกตั้งใจปรุงยาให้กับตระกูลมู่”
“…”
“หึ! ตอนนี้มาร้องขอข้า ก็ไม่มีประโยชน์อันใด” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มที่เยือกเย็น
“โบยด้วยแส้สามร้อยครั้งแล้วนำไปทิ้งด้านนอกจวน”
มู่เฉียนซีสะบัดมือ หันหลังกลับเดินเข้าไปในห้องยา
โบยร้อยครั้งแล้วเพิ่มอีกสามร้อยครั้ง อวิ๋นเซิ่งตกใจจนเป็นลม ถึงแม้เขาจะอยู่ระดับปรมาจารย์ภูต โบยสามร้อยครั้งอาจไม่ทำให้ถึงแก่ชีวิต แต่ทุกครั้งที่ถูกตีมันช่างทรมาน
มู่เฉียนซีมองสำรวจดูห้องยา ภายในห้องยา ยาแต่ละชนิดของอวิ๋นเซิ่งล้วนเป็นยาด้อยคุณภาพ ส่วนใหญ่เป็นยาที่ปรุงไม่ประสบความสำเร็จ
ในความคิดของนางคาดว่าอวิ๋นเซิ่งนำเงินของตระกูลมู่ใช่จ่ายดั่งเม็ดทราย และใช้สมุนไพรอย่างสิ้นเปลือง
— แอ๊ด! —
ในขณะนั้นเอง ประตูหลังของห้องยาก็ถูกเปิดออกมา
.