ดูเหมือนว่าจักรพรรดิเซี่ยจะไม่สบายใจเล็กน้อย เขาจึงกล่าวต่อ “จริง ๆ แล้วพระสนมของแคว้นหนานเถิงนางหนึ่งเคยเป็นหนึ่งในนักบุญของเผ่าเทพหนานอู้ ข้าได้ยินมาว่า ชายใดที่เป็นคนแรกของนักบุญผู้นั้น ก็จะสามารถผ่านข้อทดสอบของเจดีย์เทพไปจนถึงชั้นที่สามได้อย่างไร้เงื่อนไข เพราะฉะนั้น……”
มู่เฉียนซีกล่าวแทรกขึ้น “ดังนั้นหนานอินก้คือบุตรสาวของพระสนมนางนั้น”
“ใช่ ฉลาดยิ่งนัก”
“แต่ตอนนี้เจ้าได้ฆ่าหนานอินไปแล้ว ดังนั้นอวิ๋นฮวาก็เลยไม่มีทางลัดนั้นแล้ว”
มู่เฉียนซีผงะไปครู่หนึ่ง “แต่เหมือนว่าหนานเฉากับหนานอินนั้นมีมารดาคนเดียวกัน”
มุมปากของจักรพรรดิเซี่ยกระตุกเล็กน้อย “นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะมีความคิดเช่นนี้ แต่ถึงอย่างไรก็ต้องเป็นบุตรสาวที่มีเลือดเนื้อเชื้อไขของนักบุญเท่านั้น”
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าคิดเลยเถิดมากไปแล้ว ข้าก็แค่คิดว่าหนานเฉาเองก็น่าจะมีประโยชน์เหมือนกัน”
จักรพรรดิเซี่ยกล่าวว่า “หนานเฉาน่าจะรู้ว่าเจดีย์เทพอยู่ตรงไหน”
มู่เฉียนซีก็ไม่อยากเสียเวลาพูดจาไร้สาระกับจักรพรรดิเซี่ยมากนัก ตอนนี้รีบตามพวกนั้นไปก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที
ใจกลางดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าเทพหนานอู้มีแท่นบูชาทรงกลมอยู่ หนานเฉากล่าวว่า “ใต้เท้าอวิ๋น พวกเราพักกันตรงนี้ก่อนสักคืนเถอะ วันพรุ่งข้าจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเปิดแท่นบูชานี้” สีหน้าของหนานเฉาตอนนี้ไม่ค่อยดีนัก ดูเหมือนว่าการเปิดแท่นบูชานี้ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน
ถึงแม้ว่าอวิ๋นฮวาจะรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง แต่เขาก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรให้หนานเฉาลำบากใจ ครั้นแล้วเขาก็พยักหน้าพลางกล่าว “งั้นพักสักคืนก็แล้วกัน”
ในที่สุดพวกเขาก็หยุดพักคืนหนึ่ง ส่วนมู่เฉียนซีก็จำต้องหลบซ่อนตัวอยู่ในที่มืด รอให้พวกเขามีความเคลื่อนไหวก่อนค่อยลงมือ
ในยามกลางดึก บริเวณรอบ ๆ มีเพียงเสียงร้องของแมลง ที่นี่คืออาณาเขตของเผ่าเทพหนานอู้ ถึงแม้ว่าที่นี่จะถูกทำลายล้างไปแล้ว แต่สัตว์วิญญาณในป่าหนานอู้ก็ไม่กล้าที่จะเข้ามารบกวนในบริเวณนี้
“แกร๊ก แกร๊ก……” มีเสียงกรอกแกรกดังขึ้นบริเวณข้าง ๆ จากนั้นร่างของคนสามสี่คนก็ปรากฏตัวขึ้น
“คุณชายอวิ๋น หากหนานเฉาเปิดแท่นบูชานั้นไม่ได้เราก็แย่หน่ะสิ ต่อให้เขาเป็นสายเลือดเดียวกัน แต่ก็ไม่บริสุทธิ์อยู่ดี”
อวิ๋นฮวากล่าว “แล้วยังจะมีวิธีไหนอีกล่ะ? ใครใช้ให้หนานซวนผู้นั้นไร้ประโยชน์เช่นนั้นล่ะ แม้แต่คนของตัวเองก็ยังเอาไม่อยู่ ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะไปหาสองแม้ลูกนั่นที่ไหน”
“ตอนนี้เรื่องราวก็มาถึงทางตันแล้ว ไม่อาจเลือกทางที่ดีกว่านี้ได้”
“วันพรุ่ง ต่อให้ต้องใช้เลือดทั้งตัวของหนานเฉา ก็ต้องทำให้เปิดเจดีย์เทพหนานอู้นั้นให้ได้”
“ขอรับ! ”
ฟึ่บ!
ครู่หนึ่งก็มีเสียงเคลื่อนไหวดังขึ้น สีหน้าของอวิ๋นฮวาพลันเปลี่ยนไปทันที เขากล่าวอย่างดุดันว่า “ใคร? ”
ร่างของมู่เฉียนซีกะพริบ และนางก็กระโดดออกไป อวิ๋นฮวาหรี่ตาอย่างอันตรายกล่าว “จับตัวนางไว้! ”
“อ๊า! ” อีกทางด้านหนึ่ง หนานเฉากรีดร้องขึ้น สีหน้าเขาตอนนี้ซีดเผือด
สีหน้าของมู่เฉียนซีตอนนี้ก็ไม่ค่อยสู้ดีนัก เสียงที่ดังขึ้นเมื่อครู่นั้นเป็นเสียงของหนานเฉา แต่ตอนนี้มันกลับทำให้นางต้องลำบาก
มู่เฉียนซีถูกคนของอวิ๋นฮวาล้อมเอาไว้แล้ว ส่วนหนานเฉาตอนนี้ก็ถูกจับตัวเอาไว้ได้เช่นกัน
อวิ๋นฮวาเหลือบไปมองมู่เฉียนซีและกล่าวว่า “สาวน้อยซี ข้าคิดว่าเจ้าจะหนีไปแล้วซะอีก นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะแอบตามข้ามา ก็ดีเหมือนกัน ข้าจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปตามหาเจ้า”
มียอดฝีมีขั้นจักรพรรดิล้อมรอบมู่เฉียนซีไว้เช่นนี้ อวิ๋นฮวาไม่กลัวเลยแม้แต่น้อยว่านางจะหนีไปได้
จากนั้นอวิ๋นฮวาก็หันมองไปที่หนานเฉา เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า “ดูเหมือนว่าสิ่งที่ข้าพูดไป เจ้าจะได้ยินมันหมดแล้ว”
หนานเฉากล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ใต้เท้าอวิ๋น หากข้าไม่มีวิธีเปิดแท่นบูชานั่น เจ้า……เจ้าก็คงจะฆ่าข้าไปแล้วใช่หรือไม่”
อวิ๋นฮวากล่าวอย่างไร้ความปรานี “หากเจ้าเปิดแท่นบูชาไม่ได้ สวะอย่างเจ้าจะมีประโยชน์อะไรอีกล่ะ ห๊ะ? ”
“ขะ ข้า ข้าเป็นถึงโอรสของฮ่องเต้แห่งแคว้นหนานเถิงนะ เจ้าเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับเสด็จพ่อของข้า เหตุใดเจ้า……”
หนานเฉายังพูดไม่ทันจบ อวิ๋นฮวาก็กล่าวแทรกด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “ต่อให้หนานซวนอยู่ตรงนี้ ตอนนี้ เขาก็จะสนับสนุนวิธีการของข้า”
ภายในก้นบึ้งของหัวใจหนานเฉาเย็นชามากขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้เขาได้แต่ภาวนาให้เลือดของเขานั้นมีประโยชน์มากที่สุด ขอให้สามารถเปิดแท่นบูชาได้ มิเช่นนั้นแล้วเขาคงจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
อวิ๋นฮวาหันไปมองมู่เฉียนซีและกล่าวว่า “สาวน้อยซี เจ้าทำให้หนานอินต้องตาย เพราะฉะนั้นเจ้าต้องชดใช้ให้กับข้า”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ข้าทำหนานอินตาย แล้วจะต้องชดใช้ให้เจ้าด้วยอะไร”
“อีกไม่นานเกินรอเจ้าก็จะรู้เอง ปิดผนึกพลังวิญญาณนางให้ข้าเดี๋ยวนี้” อวิ๋นฮวาสั่ง
ในขณะที่พวกเขากำลังจะจับมู่เฉียนซี ทันใดนั้นร่างสีขาวก็พรวดออกมา และได้ใช้กรงเล็บอันแหลมคมข่วนพวกเขาทันที
“อ๊าก! ” คราบเลือดปรากฏขึ้นที่มือของผู้อาวุโสผู้นั้น
“พวกเจ้ากล้าแตะต้องนายท่านของข้าก็ลองดู” อู๋ตี้กล่าวอย่างเย็นชา
อวิ๋นฮวาเหลือบมองแมวน้อยตัวสีขาวราวหิมะตัวนั้น เขากล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม นี่คือไพ่เด็ดของเจ้าใช่ไหม? คิดจะหนีเหรอ ฝันไปเถอะ”
ตูม!
อู๋ตี้แปลงร่างเป็นแมวร่างใหญ่ราวภูเขา จากนั้นมันกล่าวอย่างหยิ่งผยองว่า “เจ้าสวะ หากเจ้าคิดหนีตอนนี้ก็ยังทันนะ”
“ข้านะเหรอหนี แม้เจ้าจะเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม แต่ข้าก็สามารถจัดการกับเจ้าได้อย่างง่ายดายเลยหล่ะ ลงมือ”
พรวด!
เปลวไฟสีแดงเข้มพุ่งออกมา ทำให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เผ่าเทพหนานอู้สว่างจ้าขึ้น
“เพลิงเผาสวรรค์! ”
“บังอาจกล้ามาจับนายท่านข้าเหรอ มาดูกัยเลยดีกว่าว่ข้าจะเผาพวกเจ้ายังไง”
“ยังมีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสามอีกตัวเหรอเนี่ย! ” การปรากฏตัวของเสี่ยวหงทำให้อวิ๋นฮวาถึงกับตกใจขึ้น
“นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะมีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ถึงสองตัวเป็นสัตว์พันธสัญญา ข้าคงจะดูถูกเจ้าเกินไปล้วหล่ะ”
“ขวางสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ แล้วจับตัวนังนั่นให้ได้! ” ขอเพียงแค่ควบคุมเจ้านายของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์นั้นเอาไว้ได้ สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ก็ไร้ประโยชน์แล้ว
ขวั่บ ขวั่บ ขวั่บ!
ยอดฝีมือขั้นจักรพรรดิล้อมรอบมู่เฉียนซีเอาไว้ และมู่เฉียนซีก็โต้กลับทันที!
กระบี่มังกรเพลิงกวัดแกว่งไป “มังกรเพลิงพิฆาต! ”
“ไม่มีประโยชน์หรอก” อวิ๋นฮวาหลบหลีกการโจมตีนี้ของมู่เฉียนซีได้อย่างง่ายดาย
“เจ้าเป็นแค่ราชาแห่งภูต อย่าต่อสู้ให้เปล่าประโยชน์เลย”
“มังกรวารีพิฆาต! ”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับยอดฝีมือขั้นจักรพรรดิเช่นนี้ มู่เฉียนซีก็ยากที่จะรับมือ
“ทักษะตี้ซวน! ”
อวิ๋นฮวาเหมือนแมวที่กำลังหยอกหนูอยู่ก็มิปาน เขากล่าวล้อว่า “สาวน้อยซี เจ้าหมดอุบายแล้วก็ยอมซะดีดีเถอะ! ”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชา “เจ้าว่าข้าหมดอุบายแล้วงั้นเหรอ เจ้าคิดว่าเป็นเช่นนั้นจริง ๆ เหรอ? ”
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!
เข็มยาพุ่งออกไป และพิษที่มู่เฉียนซีซุ่มโจมตีอยู่รอบ ๆ ก็ปะทุขึ้น
อวิ๋นฮวากล่าวขึ้นด้วยความตกใจว่า “มีพิษ? ”
“นี่เจ้ามาฝังพิษพวกนี้เมื่อไหร่แล้ว หรือว่าเจ้าจะมาถึงที่นี่ก่อนข้า? ไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาด”
พวกเขาได้เดินทางมาเร็วที่สุดแล้ว สาวน้อยผู้นี้เดินทางเพียงลำพังตัวคนเดียว จะมาถึงก่อนได้ยังไง
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “สิ่งที่เจ้าคาดเดา ถูกต้องแล้วหล่ะ แต่เจ้ารู้ตอนนี้มันก็สายไปซะแล้ว”
อู๋ตี้กล่าว “โชคดีที่นายท่านของข้าเป็นผู้ที่มองการณ์ไกล! ได้ฝังพิษซุ่มโจมตีที่นี่ไปทั่ว แล้วก็นั่งรอคอยโชควาสนามาหาเอง”
ถึงแม้ว่าจะมีอู๋ตี้กับเสี่ยวหงอยู่ แต่การรับมือกับอวิ๋นฮวานั้นนางไม่ค่อยมีความมั่นใจสักเท่าไหร่ ถึงอย่างไรนางก็มาถึงก่อน มีเวลาพักอยู่ตั้งนาน ก็เลยได้เตรียมจัดหนักให้พวกเขาสักหน่อย คิดไม่ถึงว่าจะได้ใช้มันจริง ๆ สีหน้าของอวิ๋นฮวาตอนนี้ดำคล้ำเขียวด้วยความโกรธแค้น เดิมทีเขาคิดว่านางต้องเป็นเหยื่อของเขา คิดไม่ถึงเลยแม้แต่น้อยว่าจะมาตกหลุมพรางนางเช่นนี้