รองผู้นำเย่กล่าวอย่างจนใจว่า “รุ่ยเอ๋อร์ ถึงแม้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเจ้าจะเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของแคว้นหนานเถิง แต่ตอนที่เขาใช้พลังจิตโจมตีเจ้า เจ้าก็น่าจะรู้ชัดแล้วว่าเจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ที่ข้าพูดมันถูกต้องหรือไม่? ”
มู่หรงรุ่ยก้มหน้าลง ถึงแม้ว่าพลังจิตจะแข็งแกร่งกว่า ก็ไม่ได้หมายความว่าฝีมือปรุงยาจะเก่งกว่าสักหน่อย ทว่า ความแตกต่างในจุดนี้ก็แสดงให้เห็นว่านางไม่ได้เก่งกาจไปกว่าอวิ๋นฉีเลย
รองผู้นำเย่กล่าวว่า “แม่นางน้อย ข้าใคร่อยากจะขอเชิญเจ้ามาเป็นตัวแทนของกลุ่มพันธมิตรนักปรุงยาแห่งเมืองเฟิงตู เพื่อเข้าร่วมงานประลองใหญ่ของนักปรุงยาร้อยปีในเซี่ยโจว กลุ่มพันธมิตรนักปรุงยาของพวกเรา ไม่ต้องการให้กองกำลังอื่นเข้ามาแทรกแซง ต่อให้เป็น……”
รองผู้นำเย่ไม่อยากกล่าวต่อ เพราะกลัวมู่เฉียนซีจะกล่าวปฏิเสธ แต่สุดท้ายแล้วมู่เฉียนก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ต่อให้เป็นสำนักนิกายระดับหนึ่งอย่างสำนักอวิ๋นเยียน ใช่หรือไม่? ”
รองผู้นำเย่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ ดวงตาจ้องมองไปที่หญิงสาวตรงหน้า ใบหน้าของนางนิ่งและดูสงบมาก ตอนที่นางพูดถึงสำนักอวิ๋นเยียน น้ำเสียง แววตา และสีหน้าท่าทางของนางไร้ซึ่งความเลื่อมใสศรัทธา ไร้ซึ่งความหวาดกลัว อีกทั้งยังเต็มไปด้วยความเหยียดหยามและความเย็นชาอีกด้วย
นึกไม่ถึงเลยสักนิด ว่าในเซี่ยโจวแห่งนี้ยังมีคนกล้ากล่าวถึงสำนักอวิ๋นเยียนด้วยท่าทางที่เย็นชาเช่นนี้อยู่ ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาก็จะไม่ปิดบังอีกต่อไป “เจ้าสำนักอวิ๋นเยียนต้องการควบคุมกลุ่มพันธมิตรนักปรุงยามาโดยตลอด กลุ่มพันธมิตรย่อยในหลายพื้นที่ของเซี่ยโจว ก็ถูกควบคุมโดยสำนักอวิ๋นเยียนแล้ว ครานี้สำนักอวิ๋นเยียนส่งอวิ๋นฉีมาเป็นตัวแทนของกลุ่มพันธมิตรนักปรุงยาเฟิงตู เพื่อที่จะเข้าร่วมงานประลองใหญ่ อวิ๋นฉีผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย เขาเป็นอัจฉริยะคนหนึ่งของสำนัก อีกทั้งยังเป็นศิษย์ใหญ่สายตรงของผู้อาวุโสหกแห่งสำนักอวิ๋นเยียนด้วย”
มู่เฉียนซีกล่าว “แต่ว่าข้ามีเรื่องสำคัญมากที่ต้องทำ คงไม่มีเวลาเข้าร่วมงานนี้ มิเช่นนั้นข้าก็คงจะร่วมสนุกกับงานปรุงยาครั้งนี้แล้ว”
“เรื่องสำคัญมากที่เจ้าบอก ใช่การตามหาสมุนไพรวิญญาณหรือไม่? ”
“ใช่! ”
“ในฐานะที่ข้าเป็นรองผู้นำกลุ่มพันธมิตรนักปรุงยาแห่งเฟิงตู ข้าได้เดินทางท่องไปทั่วแผ่นดินเซี่ยโจว ตามหาสมุนไพรวิญญาณมาก็ไม่น้อย แต่สมุนไพรวิญญาณที่เจ้ากล่าวถึงนั้น ข้าไม่เคยพบเห็นมาก่อนเลย การหาสมุนไพรวิญญาณที่แปลกประหลาดเช่นนี้ ใช่ว่าจะหาเจอเพียงชั่วข้ามคืน ข้าว่าเจ้า……”
“แต่ข้ารีบใช้”
เดิมทีรองผู้นำเย่ต้องการเชิญชวนมู่เฉียนซีอย่างแนบเนียน แต่โดนมู่เฉียนซีกล่าวปฏิเสธเสียก่อน รองผู้นำเย่จึงกล่าวว่า “ครั้งนี้ สาเหตุที่ศิษย์ของสำนักอวิ๋นเยียนมีความกระตือรือร้นเป็นอย่างมากที่จะเข้าร่วมงานประลองใหญ่ นั่นก็เป็นเพราะข่าวประกาศของแคว้นเฉียนเซี่ย ครั้งนี้นักปรุงยาที่ชนะสิบอันดับแรก และสิบอันดับแรกของอัจฉริยะที่ประลองการต่อสู้ชนะ จะได้เข้าไปในดินแดนลึกลับของราชวงศ์แคว้นเฉียนเซี่ย”
“ดินแดนลึกลับของราชวงศ์แคว้นเฉียนเซี่ยกำลังจะเปิด ได้ยินมาว่าในดินแดนลึกลับนั่นมีของล้ำค่าไม่น้อย ไม่แน่แม่นางน้อยอาจจะได้เจอกับสิ่งที่ตามหาอยู่ก็ได้”
มู่เฉียนซีผงะไปครู่หนึ่ง “ดินแดนลึกลับของราชวงศ์แคว้นเฉียนเซี่ย ครั้งหนึ่งเคยเป็นดินแดนลึกลับของจักรพรรดิปิงเสว่หลิงตี้”
รองผู้นำเย่ยิ้มพลางกล่าว “ดูเหมือนแม่นางน้อยจะรู้เยอะเหมือนกันนะ”
นางรู้มากกว่านี้อีก ในตอนนั้นที่นางได้ไปในทุ่งน้ำแข็ง และได้เจอกับจักรพรรดิปิงเสว่หลิงตี้ทำให้นางรู้เรื่องราวต่าง ๆ มากมาย ดินแดนลึกลับแห่งนั้นเป็นดินแดนที่จักรพรรดิปิงเสว่หลิงตี้เป็นคนค้นพบ จากนั้นก็ได้ปิดผนึกเอาไว้ให้เป็นดินแดนลึกลับของราชวงศ์แคว้นเฉียนเซี่ย อีกอย่างพลังของจักรพรรดิปิงเสว่หลิงตี้ก็ได้ถูกผนึกไว้ที่นั่นเหมือนกัน ที่นั่นจึงเป็นสถานที่ที่ล้ำค่ามาก
รองผู้นำเย่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และกล่าวถามว่า “เป็นอะไรไปล่ะ แม่นางน้อยรู้สึกสนใจขึ้นมาบ้างแล้วใช่หรือไม่? ”
มู่เฉียนซีพยักหน้าก่อนจะกล่าวว่า “สนใจ เพียงแต่……”
มู่เฉียนซีหันไปมองมู่หรงรุ่ย เดิมทีตำแหน่งนี้เป็นของนาง รองผู้นำเย่กล่าวว่า “ข้าจะจัดให้นักปรุงยารุ่นเยาว์ของกลุ่มพันมิตรเฟิงตูมาประลองฝีมือการปรุงยากัน ถึงตอนนั้น ผู้ใดชนะจะได้เป็นตัวแทนกลุ่มพันมิตรนักปรุงยาเฟิงตู ไปประลองในงานประลองใหญ่ ขอเพียงแค่เจ้าสามารถเอาชนะอวิ๋นฉีผู้นั้นได้ โอกาสก็เป็นของเจ้าแล้ว”
มู่หรงรุ่ยยิ้มพลางกล่าว “อาจารย์ หากข้าแพ้เจ้าหมอนั่น อาจารย์ต้องแก้แค้นให้ข้านะ”
และแล้วเรื่องนี้ก็ตัดสินใจได้แล้ว ใบหน้าของรองผู้นำเย่ตอนนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง
“เมื่อการประลองเริ่ม ข้าจะส่งคนไปแจ้งเจ้า”
“ตกลง! ”
หลังจากที่ออกจากกลุ่มพันธมิตรนักปรุงยา มู่เฉียนซีก็ไปที่หอเชียนอิน
“นายท่านมู่ ท่านมาแล้ว……”
“นายท่านมู่มาแล้ว! ”
การมาเยือนของมู่เฉียนซี ทำให้ผู้ดูแลหอเชียนอินในแคว้นหนานเถิงสูญเสียความเงียบสงบไป เขามองดูความงดงามอันน่าทึ่งของหญิงสาวชุดม่วงที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “นายท่านมู่มาเยี่ยมเยือน พวกเราปลื้มใจจริง ๆ ขอรับ! ”
“พวกเจ้าปฏิบัติกับข้าเหมือนลูกค้าทั่ว ๆ ไปก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำถึงเพียงนี้”
“ทำเช่นนั้นได้ยังไงกันขอรับ นายท่านของพวกเราได้กำชับนักกำชับหนาว่านายท่านมู่ก็เปรียบเสมือนนายท่านคนที่สองของหอเชียนอิน”
“เจ้าบ้านั่น ช่างทำตัวน่าเบื่อเสียจริง”
“นายท่านมู่ นายท่านของพวกเราไม่ได้น่าเบื่อหรอกนะขอรับ นายท่านของพวกเราคะนึงถึงนายท่านมู่อยู่ทุก ๆ คืนวันจนถึงขั้นกินไม่ได้นอนไม่หลับ……”
ในขณะที่ผู้ดูแลหอเชียนอินกำลังเล่าเรื่องสัพเพเหระต่าง ๆ มากมาย มู่เฉียนซีก็ยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้เขา ก่อนจะกล่าวว่า “ไม่ว่าจะทำด้วยวิธีใด ต้องหาสมุนไพรวิญญาณนี้มาให้ได้ ส่วนค่าตอบแทน แล้วแต่พวกเจ้าจะเรียก”
“ท่านเป็นถึงนายท่านมู่ของหอเชียนอิน ต่อให้พวกเรามีความกล้าหาญเพียงใดก็ไม่กล้าคิดค่าตอบแทนจากนายท่านมู่หรอกขอรับ! ”
“การค้าก็คือการค้า! ”
“ไม่ได้เด็ดขาดขอรับ หากนายท่านรู้เรื่องนี้เข้า มีหวังเอาพวกเราตายแน่ขอรับ”
“ไม่ต้องกลัว เขาสู้พวกเจ้าไม่ได้หรอก”
“นายท่านก็คือนายท่าน ต่อให้สู้ไม่ได้ก็ยังเป็นนายท่านอยู่วันยังค่ำ”
มู่เฉียนซีเอายาระดับแปดออกมาสามขวดวางให้เป็นค่ามัดจำเพื่อให้พวกเขาทุ่มเทแรงกายแรงใจในการตามหาดอกเก้าพิฆาตลึกลับ
ผู้ดูแลหอเชียนอินกล่าวว่า “รีบแจ้งให้นายท่านทราบว่านายท่านมู่อยู่ที่แคว้นหนานเถิง”
“เจ้าคิดว่านายท่านจะไม่รู้เหรอ? ”
“ห๊ะ? นายท่านรู้ แล้วทำไมถึง……”
“เรื่องนี้คงต้องไปถามนายท่านเองแล้วหล่ะ พวกเราก็ไม่รู้เหมือนกัน! ”
วันต่อมา มู่เฉียนซีได้รับข่าวการประลองฝีมือการปรุงยาในกลุ่มพันธมิตรนักปรุงยาของเมืองเฟิงตู มู่หรงรุ่ยมารับมู่เฉียนซีด้วยความตื่นเต้น ระหว่างทางนางได้กล่าวว่า “อาจารย์ ท่านต้องทำให้เจ้านั่นหน้าหายไปเลยนะ”
ทันทีที่ย่างเท้าเข้าไปที่กลุ่มพันธมิตรนักปรุงยา มู่เฉียนซีก็เห็นอวิ๋นฉีทำหน้าตาบูดบึ้ง เขาจ้องมองมู่เฉียนซีด้วยสายตาเคียดแค้นและไม่พอใจ “สาวน้อย เจ้าอย่าเพิ่งดีใจเร็วไป ครั้งก่อนเจ้าลอบเล่นงานข้า การประลองปรุงยาครั้งนี้ เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าอย่างแน่นอน”
เขาเกิดมาในสำนักนิกายระดับหนึ่งอย่างสำนักอวิ๋นเยียน ได้ฝึกฝนการปรุงยามาตั้งแต่เด็ก ๆ จากอาจารย์ที่ฝีมือเก่งกาจที่สุด มียาวิญญาณใช้อย่างไม่หมดสิ้น มีสูตรยามากมายหลายแขนง สาวน้อยผู้นี้จะเอาอะไรไปสู้เขาได้ ไม่มีทางเด็ดขาด
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เจ้าไม่กลัวว่าเจ้าจะต้องพ่ายแพ้อย่างหมาจนตรอกบ้างเหรอ”
“ช่างน่าขำยิ่งนัก ข้าไม่มีทางแพ้เจ้าไปได้หรอกนะ” อวิ๋นฉีกล่าวอยางมั่นอกมั่นใจ
ซือหม่าเจียวกล่าว “สาวน้อย เจ้าคุยโวโอ้อวดมากเกินไปแล้ว! พี่อวิ๋นของข้าจะแพ้ให้คนอย่างเจ้าได้ยังไงกัน อย่าฝันกลางวันไปหน่อยเลย”
มู่หรงรุ่ยกล่าวอย่างดุดันว่า “พวกเจ้าต่างหากที่ฝันกลางวัน ถึงยังไงวันนี้อวิ๋นฉีผู้นี้ต้องพ่ายแพ้อย่างหมาจนตรอกแน่นอน”
“เหอะ! คอยดูให้ดีก็แล้วกัน! ” ซือหม่าเจียวกล่าวอย่างเย็นชา
“เจ้าก็คอยดูก็แล้วกัน! ”
นักปรุงยารุ่นเยาว์ที่ได้รับคำเชิญจากกลุ่มพันธมิตรนักปรุงยาแห่งเมืองเฟิงตูมีประมาณสามสิบกว่าคน และตอนนี้ทุกคนก็มากันพร้อมแล้ว
ผู้ที่เป็นประธานในการประลองครั้งนี้ก็คือผู้นำซือหม่า ผู้นำกลุ่มพันธมิตรนักปรุงยาแห่งเฟิงตู สายตาของผู้นำซือหม่าจ้องมองไปที่มู่เฉียนซี เขาค่อนข้างไม่เห็นด้วย
เดิมทีก็คิดว่าจะเป็นคนที่เก่งกาจมาก! นึกไม่ถึงแม้แต่น้อยว่าจะเป็นเด็กสาวที่เพิ่งจะบรรลุนิติภาวะเช่นนี้
ผู้นำซือหม่าประกาศขึ้นว่า “บัดนี้ ข้าขอประกาศเริ่มการประลองการปรุงยาได้ การประลองครั้งนี้สำคัญยิ่ง ผู้ใดชนะอันดับหนึ่งจะได้เป็นตัวแทนไปประลองการปรุงยาในงานประลองใหญ่นักปรุงยาร้อยปีของเซี่ยโจว เพราะฉะนั้นขอให้ทุกคนทำอย่างเต็มที่ เข้าใจนะ”