“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ข้าทำสำเร็จแล้ว ข้าหลอมยาระดับเก้าได้สำเร็จแล้ว” จู่ ๆ เสียงหัวเราะดีอกดีใจอย่างบ้าคลั่งก็ดังขึ้น
ผู้นี้ตื่นเต้นจนไม่อาจควบคุมอารมณ์และความรู้สึกของตนเองได้นี้ แน่นอนว่าไม่ใช่มู่เฉียนซี ทว่า เป็นนักปรุงยาอีกคนหนึ่งนั่นเอง
หัวหน้าพันธมิตรกล่าวขึ้นด้วยความตื่นเต้นว่า “นำยาวิญญาณของเจ้ามาให้ข้าดูหน่อย! ”
ทันทีที่ยาวิญญาณถูกนำมาส่ง ผู้อาวุโสสี่เหลือบมองมาเห็นก็กล่าวอย่างเย็นชาทันทีว่า “ก็แค่เม็ดยาที่บกพร่องเม็ดนึง สามารถทำให้เจ้าตื่นเต้นถึงเพียงนี้เลยเหรอ สวะไร้ประโยชน์จริง ๆ”
เสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งนั้นหยุดลง จากนั้นประเดี๋ยวเดียวเขาก็ถูกโยนลงไปในนรกทันที
เมื่อถูกคนดูถูกเช่นนี้ เขาก็ทนต่อความเหย่อหยิ่งนั้นไม่ไหว โกรธจนตัวสั่นไปทั้งตัว!
ปังงงง!
ร่างของเขาที่โดนทุบตีจนได้รับบาดเจ็บไปทั้งตัวพุ่งไปติดกับกำแพง
หัวหน้าพันธมิตรตกใจเป็นอย่างมาก “รีบเข้าไปช่วยเขา เร็วเข้า! ”
เหล่าบรรดาศิษย์ของหุบเขาหมอเทวดายิ่งทวีความดูถูกเหยียดหยามนักปรุงยาของเซี่ยโจวมากขึ้นเรื่อย ๆ “นักปรุงยาเซี่ยโจวช่างมีจิตใจอ่อนแอยิ่งนัก โดนโจมตีแค่นี้ก็ถึงกับทนไม่ไหวแถมยังรนหาที่ตายอีกต่างหาก ใครรู้เข้าคงต้องหัวเราะจนฟันหลุดแน่ ๆ”
“นั่นนะสิ! ถิ่นทุรกันดารเช่นนี้ ต่อให้โชคดีมีอัจฉริยะโผล่ออกมาก็คงจะงั้น ๆ”
พวกเขาแต่ละคนต่างเหลือบมองมู่เฉียนซีด้วยท่าทีที่ยั่วยุ นักปรุงยาคนอื่น ๆ ได้ยินเช่นนี้ต่างก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟจนใบหน้าแดงก่ำ
ไอ้คนพวกนี้มันทำเกินไปจริง ๆ!
นักปรุงยาคนอื่น ๆ ต่างก็ล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่าไปทีละคน ๆ และก่อนการแข่งขันจะสิ้นสุดลง มู่เฉียนซีก็หลอมยาระดับเก้าออกมาได้สำเร็จ
“สาวน้อยมู่ รีบเอายาวิญญาณของเจ้ามาให้ข้าดูเร็วเข้า” ในตอนนี้หัวหน้าพันธมิตรนักปรุงยาหันไปมองมู่เฉียนซี สายตาที่มองไปนั้นดูสนิทสนมยิ่งกว่าหลานสาวของเขาอีก
สาวน้อยผู้นี้จะแพ้หรือชนะนั้น ย่อมเกี่ยวข้องกับหน้าตาของกลุ่มพันธมิตรนักปรุงยาทั้งหมด!
มู่เฉียนซีพยักหน้าตอบรับ “อืม! ”
หัวหน้าพันธมิตรเห็นยาวิญญาณที่อยู่ในมือก็ตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง เดิมทีอยากจะตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วนดุก่อน ทว่าจู่ ๆ เสียงเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาว่า “เอายานั่นมาให้ข้าดูหน่อย”
หัวหน้าพันธมิตร “อืม! ”
ผู้อาวุโสสี่เห็นยาวิญญาณในมือก็ตกใจผงะไปครู่หนึ่ง “เป็นไปได้ยังไง? ”
“ท่านอาจารย์ ยาวิญญาณเม็ดนี้มีอะไรผิดแปลกไปหรือไม่ขอรับ? ”
“ก็แค่ยาระดับเก้าเม็ดนึงไม่ใช่หรอกรึ? ”
ผู้อาวุโสสี่กล่าวเสียงขรึมว่า “พวกเจ้าทุกคนหุบปาก! ”
โดนผู้อาวุโสสี่ดุเช่นนี้ พวกเขาจึงไม่กล้าปริปากเปล่งเสียงพูดแต่อย่างใด หลังจากที่ผู้อาวุโสสี่ตรวจสอบเม็ดยาวิญญาณเม็ดนี้อย่างละเอียดถี่ถ้วนดีแล้ว จากนั้นก็ค่อย ๆ หันไปมองมู่เฉียนซี
“ฝีมือเจ้านับว่าไม่เลวเลยทีเดียว! ”
โดยปกติแล้วน้อยมากที่ผู้อาวุโสสี่จะเอ่ยปากชมเชยใคร ต่อให้เป็นเหล่าอัจฉริยะของหุบเขาหมอเทวดาก็น้อยมากที่จะได้รับคำชมจากเขา
เวลาของการแข่งขันได้สิ้นสุดลง คนอื่น ๆ ล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า บางคนก็หลอมยาออกมาได้แต่ก็เป็นแค่เม็ดยาที่ไร้คุณภาพ ไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด
ครั้นแล้วหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรก็ประกาศดังก้องขึ้นว่า “การแข่งขันประลองฝีมือปรุงยาในงานนักปรุงยาร้อยปีของเซี่ยโจวในศตวรรษนี้ ผู้ที่ชนะเลิศอันดับหนึ่งได้แก่ มู่เฉียนซี”
หากเป็นเมื่อก่อนก็จะมีอันดับสองและอันดับสามตามลำดับ ทว่า ครั้งนี้คนของหุบเขาหมอเทวดาเข้ามาก่อเรื่องทำให้หัวข้อยุ่งยาก การแข่งขันครั้งนี้จึงไม่มีใครสามารถขึ้นมาจัดอยู่ในอันดับสองหรืออันดับสามได้
หัวหน้าพันธมิตรกล่าวว่า “นับจากนี้ต่อไป มู่เฉียนซีนับว่าเป็นแขกกิตติมศักดิ์ของข้าและกลุ่มพันธมิตรนักปรุงยา หลังจากที่จบการแข่งขัน สามารถรับสมุนไพรวิญญาณที่กลุ่มพันธมิตรนักปรุงยาได้”
แน่นอนว่าตอนนี้หัวหน้ากลุ่มพันธมิตรนักปรุงยารีบชิงลงมือก่อน รีบมอบผลประโยชน์ให้แก่มู่เฉียนซี เพื่อที่จะไม่ให้มู่เฉียนซีถูกรับไปเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสสี่แห่งหุบเขาหมอเทวดา และเพื่อไม่ให้ดูถูกผลประโยชน์ที่เขามอบให้
ผู้อาวุโสสี่กล่าวว่า “สาวน้อย เจ้ายินยอมมาเป็นศิษย์ของข้าหรือไม่ล่ะ? ”
สีหน้าของเหล่าบรรดาลูกศิษย์พลันเปลี่ยนไปมากเมื่อได้ยินคำพูดนี้ เป็นไปอย่างที่คิดเอาไม่มีผิด พวกเขาจ้องเขม็งไปที่ศิษย์น้องในอนาคตด้วยสายตาที่แย่มาก
มู่เฉียนซีตอบด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบว่า “ข้าไม่ยินยอม”
ขวั่บบบ!
ทุกคนได้ยินเช่นนี้ต่างก็ตกตะลึง พวกเขาไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลย
ไม่ยินยอม ผู้อาวุโสแห่งหุบเขาหมอเทวดาที่ได้ชื่อว่าเป็นสำนักนิกายระดับสองจะรับนางเป็นศิษย์ แต่นางกลับตอบว่าไม่ยินยอม นี่มันเป็นไปได้ยังไง?
โอกาสดี ๆ เช่นนี้ใช่ว่าจะมีได้ง่าย ๆ บางคนขอร้องเป็นร้อย ๆ ปียังไม่มีโอกาสเช่นนี้เลย
แม้กระทั่งผู้อาวุโสสี่ก็ยังรู้สึกเหลือเชื่อ เขากล่าวถามว่า “สาวน้อย เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร ข้าเป็นถึงผู้อาวุโสสี่แห่งหุบเขาหมอเทวดา สำนักนิกายระดับสองนะ”
“ข้ารู้! ”
“แล้วเจ้ายังไม่ตอบตกลงอีก? ”
“ข้ามีอาจารย์อยู่แล้ว ไม่คำนับคนอื่นเป็นอาจารย์อีก”
“ในเซี่ยโจวจะไปมีอาจารย์ที่ดีได้ยังไง หากเจ้ายอมติดตามข้า เจ้าจะมีอนาคตที่ดีและยาวไกลแน่นอน”
“ข้าไม่มีวันฝ่าฝืนคำสั่งของอาจารย์ข้า เจ้าเลิกความคิดซะเถอะ! ” มู่เฉียนซีที่มีสีหน้าสงบและน้ำเสียงราบเรียบก่อนหน้านี้ กลับลั่นวาจานี้เสียงดังและหนักแน่น
นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนกล้าหักหน้าเขาเช่นนี้ และคนผู้นั้นดันมาเป็นเด็กสาวตัวเล็ก ๆ ในเซี่ยโจวอีก
เมื่อครู่นี้เขาทำให้นักปรุงยาของเซี่ยโจวต้องอับอายขายหน้า แต่ตอนนี้สถานการณ์กลับพลิกผัน เขาโดนกระทำให้อับอายขายขี้หน้าต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ !
“สาวน้อย เจ้าจะเปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะ? ”
“ข้าไม่เปลี่ยนใจแน่นอน” มู่เฉียนซีขี้เกียจจะพูดจาไร้สาระกับตาเฒ่านี่เต็มทีแล้ว นางหันไปมองหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรนักปรุงยาและกล่าวว่า “หัวหน้า ท่านบอกว่าสมุนไพรวิญญาณในกลุ่มพันธมิตรนักปรุงยาข้าสามารถเลือกได้ตามใจชอบ ท่านจะพาข้าไปเลือกตอนนี้เลยได้หรือไม่? ”
“สาวน้อยมู่ เอ่อ…….” ในตอนนี้แผ่นหลังของหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรเปียกโชกไปด้วยเหงื่อที่เย็นยะเยือก
‘สาวน้อยเจ้าอย่าทำให้ข้าตกใจกลัวเช่นนี้จะได้หรือไม่! เห็นไหมนั่นผู้อาวุโสสี่แห่งหุบเขาหมอเทวดาโกรธจนหน้าดำคล้ำเขียวแล้ว’ หัวหน้ากลุ่มพันธมิตรคิดในใจ
ผู้อาวุโสสี่แห่งสำนักนิกายระดับสองผู้นี้สูงส่งกว่าสำนักอวิ๋นเยียนสำนักนิกายอันดับหนึ่งของเซี่ยโจวมาก ยิ่งระดับความแข็งแกร่งสูงกว่ามากแค่ไหนก็ยิ่งดูสูงส่งมากแค่นั้น พวกเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะล่วงเกินคนเหล่านี้ได้
ปังงงงง!
แน่นอนว่ามู่เฉียนซีไม่เพียงแต่จะปฏิเสธ อีกทั้งยังไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาอีกด้วย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผู้อาวุโสสี่ระเบิดความโกรธขึ้น
“เจ้าสาวน้อย เจ้าช่างบังอาจยิ่งนัก หากเจ้าไม่อยากเป็นศิษย์ข้า งั้นวันนี้ข้าจะทำลายเจ้าซะ”
จิตสังหารของพลังวิญญาณระดับมหาจักรพรรดิแผ่ซ่านออกมาอย่างน่าสะพรึงกลัว ทำให้ทุกคนแทบจะหายใจไม่ออก พวกเขาอดที่จะเช็ดเหงื่อให้อัจฉริยะผู้ที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ได้เลย มันอันตรายยิ่งนัก!
เผชิญหน้ากับความกดดันเช่นนี้ ทว่า สีหน้าของมู่เฉียนซีตอนนี้ยังคงปกติอยู่ นางกล่าวขึ้นว่า “ทำให้คนยอมรับเป็นศิษย์ไม่ได้แล้วยังคิดจะฆ่าปิดปากอีก เป็นถึงสำนักนิกายระดับสองกลับกระทำพฤติกรรมเช่นนี้ ไม่ดูใจแคบไปหน่อยหรือไง”
“อยู่มาอายุก็แก่ถึงปูนนี้แล้ว แต่กลับมาทำร้ายรังแกเด็กผู้หญิงอายุเพียงแค่สิบหกปีต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ ไม่รู้สึกอับอายขายขี้หน้าบ้างเหรอ? ”
“เจ้าไม่รู้สึกอับอายก็ไม่เป็นไรนะ แต่ทุกคนที่นี่รวมไปถึงดอกไม้ใบหญ้าบริเวณนี้ ล้วนแต่อับอายขายขี้หน้าแทนเจ้ามากเลยหล่ะ! ”
เดิมทีก็โกรธมากพออยู่แล้ว แต่เมื่อได้ยินวาจาเช่นนี้ของมู่เฉียนซี ความโกรธของเขาก็ยิ่งทวีเพิ่มมากขึ้นจนหน้าดำหน้าเขียวไปหมด
“ช่างเป็นเด็กที่มีคารมคมคายพูดจาได้ฉะฉานจริง ๆ เจ้าคิดว่าการที่เจ้าพูดจาเช่นนี้แล้วข้าจะไม่กล้าฆ่าเจ้างั้นรึ? ”
มู่เฉียนซีกล่าว “หากเจ้าอยากทำให้ชื่อเสียงของตัวเองและชื่อเสียงของสำนักระดับสองฉาวโฉ่ ก็รีบฆ่าข้าซะสิ! ” มู่เฉียนซีมองเขาอย่างยั่วยุ ไร้ซึ่งความหวาดกลัว
แน่นอนว่านางนั้นรู้ดี ว่าคนของหุบเขาหมอเทวดาสามารถกระทำเรื่องที่น่าไร้ยางอายได้ทุกอย่าง ดังนั้นนางจึงให้อาถิงเตรียมตัวรับมือเอาไว้แล้ว
และต่อให้คนพวกนี้คิดจะลงมือทำร้ายนางขึ้นมาจริง ๆ ภายใต้การปกป้องของศาลานิรันดร์แล้ว พวกเขาไม่มีทางทำได้สำเร็จ สายตาของทุกคนจ้องมองไปที่มู่เฉียนซีผู้ไร้ซึ่งความหวาดกลัว วันนี้ไม่เพียงแต่นางจะกลายเป็นอัจฉริยะนักปรุงยาอันดับหนึ่งของเซี่ยโจว แต่นางยังกลายเป็นผู้กล้าหาญอันดับหนึ่งในเซี่ยโจวอีกด้วย
.