“เหอะ! มีเรื่องดี ๆ เช่นนี้ด้วย แล้วถ้าหากข้าแพ้ล่ะ! ” มู่เฉียนซียิ้มเยาะ
“หากเจ้าแพ้ ก็ต้องทำลายเส้นปราณพลังวิญญาณของตัวเอง ทำลายใบหน้าตัวเองแล้วก็กินยาพิษจนเป็นใบ้พูดไม่ได้ไปเดินร่อนเร่ข้างทาง พี่สาวมู่ว่ายังไง? ” ถึงแม้ว่าคำพูดของอวิ๋นหวงจะโหดร้ายมาก แต่รอยยิ้มอันอ่อนหวานบนใบหน้านางนั้นไม่ลดน้อยลงเลย
มู่เฉียนซีโบกมือพลางกล่าว “ช่างไม่คุ้มค่าเอาซะเลย! ไม่ประลองแล้ว ถึงยังไงแล้วข้าก็ไม่อยากให้น่าหลานไปที่อันตรายบ้านั่นเหมือนกัน”
ครานี้อวิ๋นหวงก็ร้อนรนขึ้นมาทันที “ตกลงเจ้าจะเอายังไงกันแน่? ”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเชื่องช้าว่า “หากเจ้าแพ้ สิทธิ์ของเจ้าข้าเอา ส่วนเงื่อนไขที่เจ้าบอกข้าเมื่อครู่นี้เจ้าต้องทำด้วย เป็นไง? ”
“อ้อ! แล้วถ้าถึงเวลาที่เจ้าแพ้ ก็อย่าส่งเสียงกรีดร้องอย่างอนาถก็แล้วกัน เพราะเจ้าเป็นคนเสนอขึ้นมาเอง”
ดวงตาของอวิ๋นหวงเย็นยะเยือกขึ้น “เจ้าคิดว่าคนอย่างข้าจะแพ้เหรอ? ”
“เจ้าต้องแพ้แน่ ยังต้องคิดอะไรอีก? ” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ดี ต่อให้มันไม่ยุติธรรมกับข้า วันนี้ข้าก็จะยอมรับ แล้วเจ้าจะได้เห็นดีแน่”
การคัดเลือกอัจฉริยะหนึ่งร้อยคนแรกที่จะเข้าไปในดินแดนลึกลับของราชวงศ์แคว้นเฉียนเซี่ยเป็นอันเสร็จสิ้นแล้ว แต่ทุกคนก็ยังไม่ได้ออกไปจากสถานที่ประลองแต่อย่างใด เพราะว่ายังมีการประลองที่น่าตื่นเต้นมากกำลังจะเริ่มขึ้น
อัจฉริยะนักปรุงยาอันดับหนึ่งของเซี่ยโจวพบกับคุณหนูใหญ่อวิ๋นหวงหนึ่งในผู้ที่เป็นความภาคภูมิใจของสำนักอวิ๋นเยียน การประลองครั้งนี้จะไม่น่าตื่นเต้นได้ยังไงกันเล่า?
บนเวทีการประลอง หญิงสาวตัวเล็กหน้าตาน่ารักสูงประมาณห้าฉื่อเหมือนกับน้องสาวข้างบ้าน ใครเห็นเป็นต้องรักและเอ็นดู
ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นหญิงสาวหุ่นเพรียว สวมชุดสีม่วงแสนสวย ดูสง่าสูงส่ง เพียงขยับก็สามารถทำให้คนยอมจำนนต่อนางได้
เมื่อเปรียบเทียบกับความสูง เปรียบเทียบกับพลังที่แผ่ซ่านออกมา สาวน้อยตัวเล็กอย่างอวิ๋นหวงก็ดูอ่อนแอไปโดยสิ้นเชิง
อวิ๋นหวงกัดฟันกรอด นี่คือเวทีประลองยุทธ์ แข่งกันที่พลังความแข็งแกร่ง
รูปร่างหน้าตาดีแล้วยังไง? รออีกเดี๋ยวนางจะต้องทุบตีนังผู้หญิงคนนี้จนฟันร่วงหมดปากได้แน่
ตูมมมมม!
มีดขนาดใหญ่เล่มนั้นของอวิ๋นหวงได้ลงมือแล้ว ลมพัดกระโชกโหมกระหน่ำมากระทบกับผิวหนังอย่างรุนแรง ทุกคนแทบอดที่จะเช็ดเหงื่อเย็นยะเยือกให้กับมู่เฉียนซีไม่ได้
“คุณหนูใหญ่อวิ๋นหวงเก่งกาจยิ่งนัก อาจารย์มู่เป็นเพียงนักปรุงยา เกรงว่าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง! ”
“นักปรุงยามีความเชี่ยวชาญในการปรุงยา พลังการต่อสู้ต้องอ่อนแอกว่าผู้บำเพ็ญภูตหรือผู้ฝึกยุทธ์โดยเฉพาะแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้คู่ต่อสู้ของอาจารย์มู่เป็นคุณหนูอวิ๋นหวง อันตรายเกินไปแล้ว”
ร่างของมู่เฉียนซีกะพริบ นางสามารถหลบหลีกการโจมตีนี้ได้อย่างง่ายดาย ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลยแม้แต่น้อย จากนั้นมู่เฉียนซีก็เอาอาวุธของตัวเองออกมา นั่นก็คือกระบี่มังกรเพลิง
กระบี่ที่เปรอะเปื้อนสนิมนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึงเป็นอย่างมาก
“เป็นไปได้ยังไง? อาจารย์มู่ใช้กระบี่เก่า ๆ เล่มนี้นะเหรอ”
“นักปรุงยามั่งคั่งจะตาย อาจารย์มู่คงไม่ใช้กระบี่เก่า ๆ เช่นนี้หรอกมั้ง! ”
“……”
สภาพภายนอกของกระบี่มังกรเพลิงนั้นน่าเวทนาเกินกว่าจะทนดูได้ แต่หลังจากที่มู่เฉียนซีรวบรวมพลังวิญญาณเข้าไปแล้ว เปลวไฟอันแดงฉานร้อนแรงก็ปรากฏขึ้นที่ปลายกระบี่ ทำให้ทุกคนต่างตกตะลึงพรึงเพริด!
“อาวุธที่อาจารย์มู่ใช้นั้นไม่ธรรมดาจริง ๆ ทรงพลังยิ่งนัก! ”
แสงสีแดงฉานเปล่งประกายวาบ มังกรเพลิงก็คำรามจะพุ่งออกไป!
“มังกรเพลิงพิฆาต! ”
“ราชาแห่งภูตระดับเก้า ระดับสูงสุด! ”
อวิ๋นปู้ป้ายลุกพรวดขึ้นอย่างรวดเร็ว พลังวิญญาณที่ระเบิดออกไปนี้ไม่ใช่เรื่องโกหกหลอกลวงอย่างแน่นอน
ผู้ชมที่ดูอยู่บริเวณรอบ ๆ ก็แทบจะล้มลงไปด้วย การประลองในครั้งนี้กำหนดเอาไว้ว่าผู้ที่มีอายุต่ำกว่าสามสิบปีเท่านั้น
ทั่วทั้งเซี่ยโจว ผู้บำเพ็ญภูตที่มีอายุต่ำกว่าสามสิบ มีระดับพลังวิญญาณเท่ากับอวิ๋นหวงนั้นนับว่าเป็นที่สุดแล้ว แต่ตอนนี้ราชาแห่งภูตระดับเก้าได้ปรากฏขึ้นแล้ว
ดวงตาของอวิ๋นหวงเบิกกว้างขึ้น นางกล่าวว่า “นี่มัน……เป็นไปไม่ได้! ระดับเก้า เจ้าต้องสร้างสถานการณ์ขู่ขวัญตบตาเพื่อให้ข้ากลัวแน่ ๆ อย่าคิดว่าจะหลอกข้าได้! ”
อวิ๋นหวงสูดลมหายใจเข้าลึก นางพยายามอย่างเต็มที่เตรียมพร้อมจะสกัดกั้นการโจมตีของมู่เฉียนซี
“ไม่นะ! ” อวิ๋นปู้ป้ายตะโกน
การโจมตีนี้แม้แต่พลังวิญญาณขั้นจักรพรรดิก็ไม่อาจขวางไว้ได้ บุตรสาวของตัวเองรนหาที่ตายเร็วเช่นนั้นเลยเหรอ?
ตูมมมมม!
แกร๊งงง!
เสียงตูมตามดังลั่นขึ้นสนั่น จากนั้นก็เป็นเสียงมีดของอวิ๋นหวง มีดของนางได้หักสะบั้นลง
ปังงงงง!
ร่างของอวิ๋นหวงกระเด็นลอยออกไป เสื้อผ้าของนางถูกเผาจนขาดลุ่ยรุ่งริ่ง และเผยให้เห็นชุดเกราะชั้นดีที่อยู่ภายใต้เสื้อผ้าของนาง
พรวดดดด!
อวิ๋นหวงกระอักเลือดคำโตออกมา ต้องขอบคุณชุดเกราะอันทรงพลังนั้นจริง ๆ มิเช่นนั้นแล้วนางไม่เพียงแต่จะกระอักเลือดออกมาเท่านั้น อวัยวะภายในของนางคงต้องแหลกเป็นเสี่ยง ๆ แน่
ทุกคนจ้องมองด้วยความตะลึงพรึงเพริด “นึกไม่ถึงว่าคุณหนูอวิ๋นหวงจะแพ้แล้ว! ”
“กระบวนท่าเดียว! แค่กระบวนท่าเดียวก็ทำลายได้ชั่วพริบตา อาจารย์มู่ยอดเยี่ยมไปเลย”
“อาจารย์มู่นี่แหละที่เป็นผู้วิปริตที่แท้จริง ฝีมือการปรุงยาว่ายอดเยี่ยมแล้ว พลังวิญญาณยังแข็งแกร่งจนสามารถโจมตีคู่ต่อสู้ให้บาดเจ็บไปทั้งตัวอีก! ”
อวิ๋นหวงพยายามลุกขึ้นมาด้วยความยากลำบาก ได้ยินผู้คนต่างกล่าววาจายกยอปอปั้นมู่เฉียนซีเช่นนี้ ดวงตาของนางก็แทบลุกเป็นไฟ
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “จะยอมแพ้หรือจะสู้ต่อ? ”
“ยอมแพ้? ข้าอวิ๋นหวงจะยอมแพ้ได้ยังไงกัน! ”
พ่ายแพ้ให้กับอวิ๋นเฟิ้งก็ช่างเถอะ แต่หากมายอมแพ้ให้กับหญิงสาวที่อายุน้อยกว่านาง นางจะยอมรับมันได้ยังไงกันล่ะ
“เสี่ยวหวง ยอมแพ้ซะ! ” อวิ๋นปู้ป้ายรับรู้ได้ว่ามู่เฉียนซีผู้อันตรายมาก จึงรีบหยุดบุตรสาวของตัวเองไว้
อวิ๋นหวงกล่าวว่า “ท่านพ่อ ข้าจะไม่ยอมแพ้ ข้าจะทำให้ท่านพ่อผิดหวังไม่ได้”
อวิ๋นหวงควักยาวิญญาณเม็ดหนึ่งออกมาและกลืนมันเข้าไป เห็น ๆ กันอยู่ว่าอวิ๋นปู้ป้ายนั้นสามารถห้ามเอาไว้ได้ แต่สุดท้ายก็ไม่
ครั้งนี้สำนักอวิ๋นเยียนของพวกเขาต้องการจะควบคุมอำนาจในเซี่ยโจว หากเสี่ยวหวงพ่ายแพ้ โอกาสที่จะควบคุมอำนาจนั้นก็มีน้อยลง
ถึงแม้ว่าการกินยาวิญญาณเพิ่มพลังความแข็งแกร่งจะมีผลกระทบต่อพลังพื้นฐาน แต่ผลข้างเคียงของยาเม็ดนี้มีไม่มากนัก ใช้ครั้งสองครั้งก็ไม่เป็นอะไร
แต่สาวน้อยผู้นี้ไม่สามารถเก็บไว้ได้ ได้ยินมาว่านางเพิ่งจะอายุสิบหกปีเอง อัจฉริยะเช่นนี้น่ากลัวกว่าอวิ๋นเฟิ้งมาก
ตูมมมมมม!
พลังวิญญาณของอวิ๋นหวงพุ่งสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
จักรพรรดิแห่งภูตระดับหนึ่ง พลังวิญญาณขั้นจักรพรรดิย่อมแข็งแกร่งกว่าขั้นราชาไม่น้อยเลย
“ใช้ยาวิญญาณบีบบังคับเพิ่มพลังวิญญาณเช่นนี้นับว่าแหกกฎหรือเปล่า! ”
“นั่นนะสิ! การประลองอย่างสง่าผ่าเผยเช่นนี้ ทำแบบนี้ได้ยังไง? ”
อวิ๋นเฟิ้งกล่าว “นี่ไม่ใช่การประลองคัดเลือกอย่างเป็นทางการ แต่เป็นการประลองที่เราสองคนตกลงปลงใจกันเองต่างหาก การต่อสู้ขององค์รัชทายาทเซี่ยเมื่อครู่ก็ใช้ยาพิษไม่ใช่หรอกเหรอ และทำไมข้าถึงจะใช้ยาวิญญาณไม่ได้”
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้ามีเหตุผลที่จะใช้ยาวิญญาณเพิ่มพลังความแข็งแกร่ง ดังนั้นข้าก็ไม่มีความเห็นอะไร อยากจะสู้ต่อก็รีบเข้ามาสิ! ”
คิดว่าเลื่อนขั้นเป็นขั้นจักรพรรดิแล้วคิดว่าจะเอาชนะนางได้งั้นเหรอ?
ช่างไร้เดียงสายิ่งนัก!
“ยอมรับความตายซะเถอะ! ”
ถึงแม้ว่าจะไม่มีมีดใหญ่เล่มนั้น อวิ๋นหวงผู้ครอบครองพลังขั้นจักรพรรดิก็มีความกล้าหาญมาก พุ่งเข้าหามู่เฉียนซีอย่างไม่รอรี
มู่เฉียนซียกฝ่ามือขึ้น “ทักษะตี้ซวน! ”
ตูมมมม!
พลังของทั้งสองปะทะเข้าหากัน คิดไม่ถึงเลยว่ากำลังจะพอ ๆ กัน!
อวิ๋นหวงที่บีบบังคับพลังวิญญาณถึงขั้นจักรพรรดิ เผชิญหน้ากับมู่เฉียนซีที่ได้ฝึกทักษะตี้ซวนมาอย่างสมบูรณ์แล้ว แต่ก็ยังคงมิอาจสู้ได้อยู่ดี
อวิ๋นปู้ป้ายมองไปที่หญิงสาวชุดม่วง กระบวนท่าที่นางโจมตีเมื่อครู่นั้นแข็งแกร่งมาก! แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าในเซี่ยโจวจะมีพลังอำนาจกระบวนท่าที่ทรงพลังถึงเพียงนี้
.