“พวกเจ้าคิดจะเอาตัวเขาไป มันไม่ไร้เดียงสาไปหน่อยเหรอ? ” ดวงตาของมู่เฉียนซีเริ่มเย็นยะเยือกลงเรื่อย ๆ
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ” คนเหล่านี้หัวเราะเยาะขึ้นทันที
“เจ้าอย่าคิดว่าเจ้าแข็งแกร่งกว่าคุณหนูอวิ๋นหวงแล้วจะเจ๋งนะ คิดจริง ๆ เหรอว่าพวกข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า? ”
เม่ยเอ๋อร์ยิ้มพลางกล่าว “เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่า ทำไมพวกข้ารู้ว่าเจ้าแข็งแกร่งมาก แล้วพวกข้ายังกล้ามา ก็เพราะว่ามีไพ่เด็ดยังไงล่ะ! ”
เม่ยเอ๋อร์ยังคงยิ้มพลางกล่าว “แมงป่องดำ จงออกมา! ”
แมงป่องตัวสีดำตัวหนึ่ง มีความสูงเท่าเด็กวัยห้าถึงหกขวบ เห็นได้ชัดว่าเป็นแมงป่องที่มีพิษร้ายแรงมาก
เชียนอ้าวเซี่ยยิ้มพลางกล่าวว่า “มีแต่คนบอกว่าสาวงามคู่กับแมงป่องพิษ นึกไมถึงว่าจะมีคนอัปลักษณ์คู่แมงป่องพิษเช่นนี้ด้วย ช่างซวยจริง ๆ สู้เสี่ยวซีของข้าไม่ได้สักนิด” เชียนอ้าวเซี่ยหลบอยู่ด้านหลังมู่เฉียนซี ใบหน้าที่ยิ้มแย้มงดงามอย่างมิอาจบรรยายได้นั้น ทำให้เม่ยเอ๋อร์มีความปรารถนาที่จะพรวดเข้าไปฉีกมันออกจากกัน
องค์รัชทายาทสวะผู้นี้สมควรตายยิ่งนัก อาศัยรูปร่างหน้าตาอันหล่อเหลาของตัวเองมาเย้ยหยันนาง วอนโดนตีนจริงแท้! เผชิญหน้ากับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่น่ากลัวเช่นนี้ ทว่า มู่เฉียนซีกลับไม่มีความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย นางกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ข้าจัดการกับอวิ๋นหวงพลังวิญญาณขั้นจักรพรรดิได้ แล้วคิดว่าข้าจะจัดการกับแมงป่องหน้าตาน่าเกลียดตัวเดียวไม่ได้เหรอ เจ้ามันช่างไร้เดียงสาเกินกว่าที่ข้าจินตนาการเอาไว้มาก มีแค่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งตัวเดียว”
อย่าว่าแต่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งเลย ต่อให้เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสองก็ไม่อาจช่วยนางได้
“หากตัวเดียวไม่ได้ เช่นนั้นถ้าเพิ่มอีกสักตัวล่ะ! ข้าไม่เชื่อหรอกนะว่าสาวน้อยอย่างเจ้าจะมีความสามารถเลิศล้ำ มีฤทธิ์เดชมากมาย! ”
หลังจากที่เม่ยเอ๋อร์เอ่ยกล่าว ทันใดนั้นชายคนหนึ่งที่ยืนข้างนางก็เรียกหมาป่าดินตัวหนึ่งออกมา ถึงแม้ว่าจะดูแห้งไปหน่อย แต่มันก็เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสอง
เม่ยเอ๋อร์ยิ้มอย่างลำพองใจ “ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้เจ้าจะมีความมั่นใจอยู่แค่ไหน องค์รัชทายาท รีบมากับพวกเราเถอะนะ ข้าไม่อยากทำร้ายท่านโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ”
มู่เฉียนซีพูดจาทำลายความลำพองใจของนางว่า “มีแค่สองตัวก็ทำมาขู่ข้าซะแล้ว ข้าบอกว่าเจ้ามันไร้เดียงสาเกินไปเจ้าก็ไม่ยอมรับสักที เห้อ”
“เสี่ยวหง อู๋ตี้ มาสั่งสอนเจ้าสองตัวนี้สักหน่อยสิ”
ในขณะที่มู่เฉียนซีเรียกสัตว์พันธสัญญาทั้งสองออกมานั้น คนของสำนักอวิ๋นเยียนก็หัวเราะขึ้น
อู๋ตี้เป็นแมวน้อยตัวเล็กขนาดเท่าฝ่ามือซึ่งดูไร้พิษสง มีหางฟูนุ่มและโค้งงออย่างงดงาม นี่เป็นสัตว์เลี้ยงตัวเล็ก ๆ ที่น่ารักและน่าทะนุถนอมมาก ไม่ใช่สัตว์วิญญาณที่จะเอามาต่อสู้
ส่วนหมูน้อยเสี่ยวหงก็ดูเกียจคร้านนัก ตอนนี้กำลังงีบหลับโดยที่ไม่ลืมหูลืมตาเลย สัตว์ตัวเล็ก ๆ สองตัวนี้จะมาสู้กับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งนี้ได้ยังไง
“เจ้าเป็นนักปรุงยา มีพลังจิตไม่เลว สามารถทำพันธสัญญากับสัตว์วิญญาณได้ถึงสองตัวก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ก็อดที่จะพูดไม่ได้จริง ๆ นะว่าสัตว์พันธสัญญาสองตัวนี้ของเจ้า มันอ่อนแอเกินไป! ” เม่ยเอ๋อร์กล่าวอย่างถากถาง
สัตว์พันธสัญญาของนางก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างมาก มันกล่าวอย่างดุดันว่า “ใช่! นายท่าน เจ้าตัวเล็กสองตัวนี้ไม่เพียงพอที่จะยัดร่องฟันของข้าเลย! ”
อู๋ตี้กับเสี่ยวหงเป็นสัตว์ที่แปลกไม่เหมือนใคร ตราบใดที่พวกมันไม่ระเบิดพลังออกมาก็ไม่มีสัตว์ตนไหนรู้ว่ามันเป็นสัตว์ระดับใด
เมื่อโดนสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งหน้าตาอัปลักษณ์เยาะเย้ยเช่นนี้ อู๋ตี้ก็โกรธเกรี้ยวขึ้น “นายท่าน ให้ข้าฉีกเนื้อไอ้ตัวน่าขยะแขยงนี้เถอะนะ”
“คน ข้าไม่มอบให้พวกเจ้านะ ลงมือได้! ” มู่เฉียนซีชักกระบี่มังกรเพลิงออกมา
“ไปฉีกเนื้อนางเดี๋ยวนี้! ” เม่ยเอ๋อร์ก็สั่งสัตว์พันธสัญญาของนางเช่นกัน
มู่เฉียนซี อู๋ตี้และเสี่ยวหงพรวดออกไป นางตะโกนกล่าวว่า “น่าหลาน หน้าที่ของเจ้าคือปกป้องเจ้าสวะเซี่ยให้ดี”
น่าหลานที่เดิมทีคิดจะเข้าไปร่วมจัดการศัตรูกับมู่เฉียนซี ตอนนี้ก็ต้องอยู่ปกป้องเชียนอ้าวเซี่ย จากนั้นก็เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น
ปังงงงงงง!
แมงป่องพิษที่พุ่งเข้ามานั้นโดนแมวน้อยสีขาวขวางเอาไว้ได้
“โฮ่กกกกกก! ” ยังมีอีกตัวที่น่าสังเวชยิ่งกว่า หมาป่าดินตัวนั้นถูกห่อหุ้มไปด้วยเปลวไฟอันแดงฉาน ขนของมันถูกแผดเผาไหม้จนสิ้น ร่างของมันสุกครึ่งดิบครึ่ง!
“สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม เจอผีเข้าแล้ว! เจ้าสองตัวนี้! ”
คมในฝักอย่างเจ้าสองตัวนี้ก็ได้เปิดเผยพลังของตัวเองออกมา ทำเอาหัวใจของพวกเขาสั่นสะท้านขึ้น!
“พี่เม่ยเอ๋อร์ ต่อให้พวกเรามีกำลังคนมากกว่านี้อีกสิบเท่า ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนังผู้หญิงคนนี้ รีบถอยเถอะ! ”
“ถอยตอนนี้ เจ้าจะบ้ารึไง! จัดการนังผู้หญิงคนนี้ได้ สัตว์พันธสัญญานั่นก็ไร้ความหมาย! ”
“แต่นังผู้หญิงนั่นมันมีหนึ่งปราบสิบ วิปริตต่อสู้ข้ามระดับได้ ความแข็งแกร่งของพวกเราน้อยเช่นนี้ไม่พอสู้หรอก ทุกคนรวมกันยังสู้นางไม่ได้สักนิด! ”
“ลืมยาวิญญาณที่รองเจ้าสำนักให้พวกเรามาแล้วเหรอ? ”
“แต่ยาวิญญาณนั่นไม่ได้ดีเหมือนของคุณหนูอวิ๋นหวงนะ แถมยังมีผลข้างเคียงมากอีกด้วย! ”
“ตอนนี้พวกเราไปสนใจมากขนาดนั้นไม่ได้แล้ว”
เดิมทีพวกเขาคิดว่าสัตว์พันธสัญญาของพวกเขาสามารถจัดการกับมู่เฉียนซีได้ และพวกเขาไม่จำเป็นต้องเสียสละตัวเองเพื่อกินยาวิญญาณเสริมพลังวิญญาณ นึกไม่ถึงเลยสักนิดว่าจะถูกบีบบังคับให้มาจนถึจุดนี้ได้
ตูมมมมม!
คนเหล่านี้ก็โหดร้ายกับตัวเองเช่นกัน พวกเขาทุกคนต่างก็กินยาเสริมพลังวิญญาณเข้าไปและพวกเขาก็กลายเป็นยอดฝีมือขั้นจักรพรรดิในเวลาต่อมา และได้ล้อมรอบมู่เฉียนซีเอาไว้
ตอนนี้ท่าไม่ดีเอาซะแล้ว น่าหลานอวี้กล่าวด้วยความกังวลว่า “ซีเอ๋อร์! ”
หากเป็นคนหนึ่งคนก็สามารถจัดการได้ แต่ตอนนี้กลับมีเจ็ดถึงแปดคน!
เชียนอ้าวเซี่ยมองไปที่น่าหลานอวี้และกล่าวว่า “อวี้ เจ้าว่าข้าไร้ประโยชน์มากเลยใช่ไหม! คนรักของตัวเองถูกล้อมโจมตีเช่นนี้ แต่ข้ากลับช่วยอะไรไม่ได้เลย”
ดวงตาของน่าหลานอวี้เปล่งประกายความเศร้าออกมา “เซี่ย เจ้าไม่อาจฝึกฝนพลังวิญญาณได้ตั้งแต่กำเนิด แต่ข้ามีพลังวิญญาณแต่กลับไม่เพียงพอที่จะช่วยนาง! ”
ความรู้สึกที่ไร้พลังความแข็งแกร่งเช่นนี้สามารถทำให้คนบ้าคลั่งขึ้นมาได้จริง ๆ
มู่เฉียนซีกล่าวเย้ยหยันว่า “เหอะ! บีบบังคับพลังวิญญาณ ช่างเป็นทางเลือกตายได้ดีจริง ๆ! ”
“มังกรเพลิงพิฆาต! ”
กระบี่มังกรเพลิงกวัดแกว่งไปมา เผชิญหน้ากับการล้อมโจมตีเช่นนี้ มู่เฉียนซีก็ต้องลงมืออย่างไร้ความปรานีแล้ว!
“หลบ! ”
“ปัง ปัง ปังงงงง! ” พวกเขามีพลังวิญญาณขั้นจักรพรรดิ แน่นอนว่าวิ่งหลบได้อย่างรวดเร็ว!
แต่ทันใดนั้นความเย็นยะเยือกก็เข้ามาเยือนซ้ำ!
“มังกรวารีพิฆาต! ”
ตอนนี้นางมีพลังวิญญาณแค่ขั้นราชา แน่นอนว่านางไม่อาจสังหารผู้ที่มีพลังวิญญาณขั้นจักรพรรดิได้ภายในชั่วพริบตา แต่นางมีความรวดเร็วเป็นอย่างมาก ไม่สามารถจัดการได้ทีเดียว แล้วคิดว่าจะจัดการทีละคนไม่ได้หรือไง?
เม่ยเอ๋อร์นับว่าเป็นคนที่ฉลาดคนหนึ่ง นางสามารถมองกลยุทธ์ของมู่เฉียนซีออก!
นางยิ้มพลางกล่าวว่า “เจ้ามีแค่คนเดียว แต่พวกข้ามีกันถึงแปดคน คิดจะจัดการพวกข้าไปทีละคน ข้าก็อยากจะรู้นักว่าเจ้าจะมีพลังวิญญาณมากมายสักแค่ไหน”
“พยายามให้เต็มที่ ฆ่านังผู้หญิงคนนี้ให้ตายให้ได้! ”
เร็วมาก การโจมตีของพวกเขาไม่โดนร่างของนางแล้วจะอย่างไร?
รอให้พลังวิญญาณและเรี่ยวแรงของนางหมดสิ้น ดูสิว่าจะรวดเร็วได้เช่นนี้อีกหรือไม่?
“ทักษะตี้ซวน! ”
“ทักษะเทียนซวน! ”
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บบบบบบ!
เข็มยาขนาดเล็กนับไม่ถ้วนพุ่งออกไปอย่างไม่มีใครรู้ หากโดนเข้าแล้วผลที่ตามมานั้นร้ายแรงมาก
ตูมมม!
ตูมมม!
ผลที่ตามมาหลังจากการต่อสู้กับมู่เฉียนซี คู่หูของนางต่างก็ล้มลงไปกับพื้นทีละคน
“เป็นไปได้ยังไง? พลังของนางใช้ไม่หมดสิ้นเหรอ เป็นไปได้ยังไง? ”
มู่เฉียนซีเห็นใบหน้าที่ประหลาดใจของนาง ก็กล่าวขึ้นมาอย่างเกียจคร้านว่า “อ้อ! พลังวิญญาณข้าหมดแล้ว” จากนั้นนางจึงหยิบยาวิญญาณออกมาสามสี่ขวด และกลืนมันลงไปทั้งหมด “แต่พวกเจ้าไม่คิดเหรอว่าการที่จะทำให้นักปรุงยาหมดพลัง มันเป็นความคิดที่โง่เง่ามาก? ”
.