เดิมทีนางคิดว่าความเร็วในการเก็บสมุนไพรวิญญาณของนางนั้นก็ถือว่ามากพออยู่แล้ว แต่นึกไม่ถึงเลยว่าเชียนอ้าวเซี่ยจะรวดเร็วกว่า
มู่เฉียนซียิ้ม กล่าวว่า “เก็บเกี่ยวได้ไม่เลวเลย”
“เช่นนั้นก็เยี่ยมไปเลย”
“ข้าหลอกบรรพบุรุษของตระกูลเจ้า แต่เจ้ากลับกล่าวว่าเยี่ยมไปเลย เจ้าไม่กลัวว่าจะถูกบรรพบุรษของเจ้ารังเกียจเอารึ ?”
“ถึงอย่างไรบรรพบุรุษก็รังเกียจข้ามากอยู่แล้ว” เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวอย่างเศร้าสร้อย มู่เฉียนซีถามขึ้นว่า “ร่างกายของเจ้า แม้แต่บรรพบุรุษตระกูลเจ้าก็ไม่มีทางรักษาเลยหรือ ?”
เชียนอ้าวเซี่ย “เส้นลมปราณข้าใช้ไม่ได้มาแต่กำเนิด เพราะเป็นมาแต่กำเนิด หากจะฝืนลิขิตฟ้า ผลของการกระทำและต้นเหตุทั้งหมดก็ตกอยู่บนตัวข้า”
มู่เฉียนซีไม่แสดงสีหน้าใด ๆ เชียนอ้าวเซี่ยมองนางอย่างลึกซึ้งแล้วกล่าวขึ้นว่า “เมื่อก่อนข้านั้นรู้สึกว่าสรรค์ไม่โปรดข้า แต่มาวันนี้กลับไม่เหมือนกัน ที่จริงแล้วท่านนั้นโปรดปรานข้าเป็นอย่างมาก”
“เจ้าปลอบใจตัวได้เก่งมาก แต่ข้านั้นเป็นหมอผู้หนึ่ง ข้าดูออก”
ร่างกายของเชียนอ้าวเซี่ย การต่อชีวิตเขานั้นนางทำได้แล้ว แต่การจะเปลี่ยนชีวิตเขานั้น นางยังต้องการขอคำชี้แนะจากคนผู้หนึ่ง ในช่วงเวลาที่สำคัญนี้ เจ้าหม้อเทพนิรันดร์นั่นกลับทำมันพังเสีย
เชียนอ้าวเซี่ยยิ้ม “อืม เสี่ยวซีซีเก่งกาจเป็นอย่างมาก ชีวิตน้อย ๆ ของข้า ให้ไว้ในมือของเจ้าแล้ว”
— ตูม! —
ในตอนนี้เอง น่าหลานอวี้เดินออกมา
พลังบนร่างของเขาแข็งแกร่งขึ้นมาไม่น้อยเลย ในที่สุดเขาก็ตามมู่เฉียนซีได้ทัน ทะลวงพลังเป็นราชาแห่งภูตขั้นสูงสุดระดับเก้าแล้ว ทว่าสภาพของน่าหลานอวี้กลับน่าสังเวชกว่าพวกเขามาก ทั้งตัวล้วนเต็มไปด้วยบาดแผล
เขียนอ้าวเซี่ยกล่าวขึ้นอย่างเกรี้ยวโกรธว่า “เจ้าเฒ่า เจ้าทำอะไรกับสหายของข้า ?”
“หากต้องการได้รับพลังความแข็งแกร่ง ก็ต้องจ่ายราคาที่ควรจ่ายไป ได้รับบาดเจ็บเล็ก ๆ เพียงเท่านี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว” จักรพรรดิปิงเสว่หลิงตี้กล่าวเสียงขรึมเข้ม
“รักษาอาการบาดเจ็บก่อนเถอะ” มู่เฉียนซีกล่าวขัดขึ้นมา
“อืม”
ประสิทธิภาพในการรักษาอาการบาดเจ็บของมู่เฉียนซีนั้นสูงมาก อาการบาดเจ็บของน่าหลานอวี้ฟื้นฟูได้ไม่เลวเลย จักรพรรดิปิงเสว่หลิงตี้กล่าวขึ้น “พวกเจ้า ข้าจะบอกว่ายังมีอีกสถานที่หนึ่ง พวกเจ้าอยากไปท้าทายสักหน่อยหรือไม่ ?”
“สถานที่ใดรึ ?”
“แดนลับของราชวงศ์แห่งแคว้นเฉียนเซี่ย เดิมทีเป็นสถานที่ลึกลับที่เก่าแก่สถานที่หนึ่ง มันถูกข้าค้นพบและควบคุมมัน พวกเจ้าสามารถเลือกที่จะเข้าไปในแดนลับโบราณนั่นได้ ทว่ามันอันตรายกว่าแดนลับของข้าหลายสิบเท่า” จักรพรรดิปิงเสว่หลิงตี้กล่าวขึ้น
“จะไปหรือไม่ ก็อยู่ที่พวกเจ้าตัดสินใจ”
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าจะไป น่าหลานอวี้ เชียนอ้าวเซี่ย พวกเจ้าไปหรือไม่ ?”
“ข้านั้นจะไม่ไปถ่วงข้างหลังพวกเจ้าแล้ว” เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวอย่างเกียจคร้าน
น่าหลานอวี้ “ข้าไปเป็นเพื่อนเจ้า ตอนนี้พลังความแข็งแกร่งของข้าถึงขั้นราชาแห่งภูตระดับเก้าแล้ว อีกทั้งพลังวิญญาณธาตุแสงของข้า คงช่วยป้องกันอันตรายให้เจ้าได้บ้าง”
“ในเมื่อพวกเจ้าสองคนต้องการจะไป เช่นนั้นข้าก็จะส่งพวกเจ้าไป” จักรพรรดิปิงเสว่หลิงตี้กล่าวกับมู่เฉียนซีและน่าหลานอวี้
แสงสีขาวกะพริบขึ้น ในชั่วพริบตาพวกเขาก็หายไปต่อหน้าต่อตาของเชียนอ้าวเซี่ย
เมื่อพวกเขาจากไป สีหน้าของเชียนอ้าวเซี่ยพลันเปลี่ยนแปร เขาเรียกขึ้นทันที “ท่านบรรพบุรุษ!” “ว่าอย่างไร เจ้าเองก็อยากไปรึ ?”
“ใช่ เสี่ยวซีซีเข้าไปคนเดียว ข้านั้นไม่วางใจจริง ๆ” เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวอย่างจริงจัง
“เฮ้อ…” จักรพรรดิปิงเสว่หลิงตี้ถอนหายใจแล้วจึงกล่าวขึ้น “เจ้าเป็นคนที่มีพรสวรรค์ดีที่สุดในรอบหลายพันปีของตระกูลเชียนเรา เป็นคนรุ่นหลังที่มีสายเลือดดีที่สุด แม้ข้าจะจนปัญญา อย่างไรเสียลิขิตฟ้ายากจะฝืน สรุปแล้วเจ้าเป็น…”
ทันใดนั้นแสงสีขาวสว่างวาบส่งตัวเขาออกไป ……
ถ้าหากกล่าวถึงเมืองน้ำแข็ง มันเป็นเมืองที่สะอาดบริสุทธิ์ สะอาดเสียจนแม้แต่ฝุ่นสักนิดยังไม่มี แต่ทว่าซากปรักหักพังนี้ กลับเต็มไปด้วยกลิ่นที่เน่าเปื่อยไปทั่วทุกหนแห่งที่กว้างใหญ่
— ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! —
เมื่อเถาวัลย์ที่อยู่บนพื้นดินรู้สึกได้ถึงการบุกรุกเข้ามาของศัตรู พวกมันเริ่มโจมตี
แสงสีข้าวพลันปรากฏขึ้น และได้ฟันผ่าเถาวัลย์เหล่านั้นขาดออก เมื่อกระบี่มังกรเพลิงออกจากฝัก แสงสีแดงเข้มก็ได้กวาดออกไป น่าหลานอวี้ถามขึ้น “ซีเอ๋อร์ จักรพรรดิปิงเสว่หลิงตี้ไม่ได้บอกเอาไว้ว่าในที่แห่งนี้มีอะไร ถนนสายนี้ไม่ง่ายเลยที่เราจะผ่านมันไป”
“เขาไม่ได้บอกไว้ เกรงว่านั่นคงเป็นเพราะทุกคนมีลิขิตที่ต่างกัน”
“อืม คงจะอย่างที่เจ้าว่า”
“พวกเราไปกันเถอะ”
— ครืนนนนน! — ในพื้นที่รกร้างแห่งนี้ ไม่มีสัตว์วิญญาณแต่อย่างใด ทว่าในที่แห่งนี้ บรรดาพืชทั้งหมดล้วนเป็นนักฆ่า
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีของพืชหลากชนิด น่าหลานอวี้ก็ต่อสู้อย่างบ้าคลั่งเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่พลังของตนเอง มู่เฉียนซีเองก็เช่นกัน
ถึงแม้ว่าพืชพรรณจะมากมาย ทว่ากลับไม่มีสมุนไพรวิญญาณที่มู่เฉียนซีอยากได้เลย สิ่งที่รอพวกเขาอยู่นั้นมีแต่การทดสอบการต่อสู้
สถานที่แห่งนี้เก่าแก่โบราณกว่าสถานที่ของจักรพรรดิปิงเสว่หลิงตี้ ดังนั้นมันจะต้องไม่ได้มีแค่พืชเหล่านี้อย่างแน่นอน
กลิ่นอายที่คุ้นเคยกลิ่นหนึ่งลอยมา ไม่ทราบว่าลอยมาจากทิศทางใด แต่ความรู้สึกที่คุ้นเคยนั้นทำให้มู่เฉียนซีมุ่งเข้าไปหา ไม่ว่ามู่เฉียนซีจะทำอะไร น่าหลานอวี้ก็ติดตามนางไป
เบื้องหน้าของเขาคือต้นไม้เก่าแก่สีดำสนิทสภาพเน่าเปื่อย ดูราวกับสัตว์ประหลาดที่มีเขี้ยวและอ้าปากค้างเอาไว้เผยให้เห็นว่าข้างในเป็นโพรงกลวง ๆ
น่าหลานอวี้เห็นว่ามู่เฉียนซีคิดที่จะเข้าไปใกล้จึงอดไม่ได้ เข้าไปดึงร่างของนางเอาไว้แล้วกล่าวขึ้นว่า “ซีเอ๋อร์ มีสิ่งแปลกประหลาด อย่าเข้าใกล้!”
กลิ่นอายนั้นแผ่ลงมาจากต้นไม้ต้นนี้
มู่เฉียนซีเหมือนว่าจะเห็นแสงสีเขียวอ่อนที่ยอดของต้นไม้ต้นนี้ นางไม่ได้รีบร้อนจึงกล่าวถามอาถิงก่อน “อาถิง นั่นมันคืออะไรกันแน่ ? เหตุใดข้าถึงได้มีความรู้สึกคุ้นเคยกับมัน ?”
อาถิงกล่าวตอบ “ข้าเองก็ไม่รู้จักสิ่งนั้น ทว่ามันแผ่พลังชีวิตออกมา และเป็นพลังชีวิตแบบเดียวกันกับที่ต้นไม้นั้นต้องการ”
ชิงอิ่ง… ชิงอิ่งหลับใหลไปนานมากแล้ว เพราะว่าเขานั้นมิใช่มนุษย์ นางจึงไม่มีหนทางเลยแม้แต่น้อย
มาตอนนี้ นางพบเข้ากับสิ่งนี้ ไม่รู้ว่าจะมีประโยชน์กับเขาหรือไม่
“ข้ารู้สึกว่าที่นี่มีอันตราย เจ้ารีบออกไปเสียดีกว่า เพื่อหุ่นเชิดรบตัวหนึ่ง หากว่าเจ้าไปติดอยู่ที่นั่น มันจะได้ไม่คุ้มเสีย” อาถิงกล่าวโน้มน้าว มู่เฉียนซีถามกลับไปว่า “เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าชิงอิ่งนั้นเป็นแค่เพียงหุ่นเชิดรบ ?”
อาถิงเงียบงัน ท้ายที่สุดจึงกล่าวออกมาด้วยความหงุดหงิดใจ “เช่นนั้นก็แล้วแต่เจ้าเลย ใครใช้ให้เจ้าเป็นผู้ทำพันธสัญญากับข้าเล่า ?! ถึงต่อให้พบเรื่องวุ่นวายใหญ่หลวง ข้าก็จะไม่ยอมให้เจ้าตาย จัดการเสีย! รีบรบรีบจบ เพื่อป้องกันมิให้มีเหตุการณ์เปลี่ยนแปร”
มู่เฉียนซีกล่าว “น่าหลานอวี้ เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ ข้าจะไปที่ด้านบนนั้น ไปเอาของสิ่งหนึ่ง”
“ข้าจะไปด้วย” น่าหลานอวี้รีบกล่าวขึ้น
“วางใจเถอะ ข้าไม่เป็นไรหรอก เจ้ารอรับจากด้านล่างก็พอแล้ว” นางต้องการที่จะไปเอาบางสิ่งที่จะช่วยสหายของตน แน่นอนว่านางไม่ยอมให้น่าหลานอวี้ไปเสี่ยง
“เช่นนั้นก็ระวังตัวด้วย” น่าหลานอวี้กล่าวอย่างจนปัญญา
“อืม”
เงาร่างสีม่วงพุ่งออกไป มู่เฉียนซีปีนขึ้นไปบนต้นไม้ดำทะมึนที่เก่าแก่นี้ มันไม่มีปฏิกริยาตอบสนองแต่อย่างใด ราวกับว่ามันตายไปแล้วก็มิปาน
แต่เมื่อคิดถึงความแปลกประหลาดของพืชในแดนลับนี้ มู่เฉียนซีก็ไม่เชื่ออย่างแน่นอนว่ามันเป็นไม้ที่ตายไปแล้ว ทันทีที่ได้สัมผัสมัน มู่เฉียนซีรู้สึกขนลุกไปทั่วทั้งร่าง
ใกล้แล้ว ใกล้เข้าไปเรื่อย ๆ…
ในที่สุดมู่เฉียนซีก็ปีนขึ้นไปยังจุดที่พลังชีวิตถูกส่งออกมา นั่นเป็นผลไม้สีเขียวผลหนึ่ง
ไม่ถูกต้อง ภายนอกของมันแม้ว่าจะดูเหมือนเป็นผล ทว่านางกลับรู้สึกว่าแท้จริงแล้วมันเหมือนกับเมล็ด
ที่แห่งนี้ล้วนมีแต่พืชแห่งความตายที่สามารถโจมตีได้ในแดนลับที่โกลาหล แต่กลับมีเมล็ดพันธุ์ที่มีพลังชีวิตแข็งแกร่งเป็นอย่างมากเมล็ดหนึ่ง
กิ่งไม้สีดำขลับนั้น ค้ำเมล็ดนั้นเอาไว้ที่ด้านบน มู่เฉียนซีอยากได้เมล็ดนั้น นางจำต้องฟันกิ่งนั้นเสียก่อน
— ตูม! —
ปลายกระบี่มังกรเพลิงที่แหลมคมระเบิดพลังรุนแรงที่สุดออกมา นางตัดอุปสรรคที่อยู่ตรงหน้าให้สิ้นไป
.