“เสี่ยวซีเอ๋อร์ เจ้ารู้มาตลอดไม่ใช่เหรอว่าฝีมือการแสดงของข้านั้นดีมาก? ” เชียนอ้าวเซี่ยยิ้มพลางกล่าว
“เช่นนั้น ข้าควรจะเรียกเจ้าว่าองค์รัชทายาทเซี่ย หรือว่าจักรพรรดิเซี่ยดีล่ะ? ” มู่เฉียนซีเหลือบมองเขาด้วยสีหน้าที่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม
“ว่าไงนะ? จักรพรรดิเซี่ย! ” ตอนนี้ แม้กระทั่งสหายคนสนิทอย่างน่าหลานอวี้ก็อุทานขึ้นด้วยความตกใจ
เชียนอ้าวเซี่ย “เออะ เอ่อ! โดนเสี่ยวซีซีจับได้ซะแล้ว” มาถึงขั้นนี้แล้ว จะเสแสร้งแกล้งทำต่อไปก็คงจะไร้ความหมาย เขาจึงยอมรับแต่โดยดี
น่าหลานอวี้กล่าว “เซี่ย เจ้าปิดบังได้อย่างแนบเนียนจริง ๆ! ”
“ไม่แสร้งทำเป็นขรึม ไม่แสร้งทำตัวเป็นคนเดินขอทานข้างถนน แล้วก็ไม่แสร้งทำตัวเป็นสวะไร้ประโยชน์แล้วใช่หรือไม่? ”
“อยากแสร้งต่อแต่ตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วอ่ะ” สีหน้าของเชียนอ้าวเซี่ยดูจนปัญญา
“แล้วเจ้าอยากตายหรือไม่? ” เข็มยาเข็มหนึ่งปรากฏขึ้นแล้วพรวดไปจ่อที่คอของเชียนอ้าวเซี่ย พร้อมกับจิตสังหารที่แผ่ซ่านออกมา โดนหลอกจนหัวปั่นเช่นนี้ ทำไมจะไม่อยากฆ่าเจ้าหมอนี่ล่ะ
น่าหลานอวี้ห้ามเอาไว้ “ซีเอ๋อร์ ใจเย็นลงก่อน บางทีเซี่ยอาจจะมีเรื่องลำบากใจก็ได้นะ”
เชียนอ้าวเซี่ยยิ้มพลางกล่าว “ได้ตายด้วยน้ำมือของเสี่ยวซีเอ๋อร์ เป็นสิ่งที่ข้าปรารถนาอยู่แล้ว”
จักรพรรดิปิงเสว่หลิงตี้ก็ร้อนใจขึ้นมาทันที “สาวน้อย เจ้าไว้หน้าข้าสักหน่อยสิ! ถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นอาณาเขตของข้า เจ้ามาฆ่าลูกหลานของข้า ช่างไม่มีความเมตตาเอาซะเลย! ”
มู่เฉียนซีเก็บเข็มยากลับมา ก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “คนร่อแร่เช่นนี้ คิดว่าข้าจะช่วยงั้นเหรอ? ”
คนที่เส้นปราณพิการโดยกำเนิด เป็นถึงองค์รัชทายาทอยู่ในตำแหน่งสูงศักดิ์ มีชีวิตที่สุขสบาย เหตุใดถึงได้อายุสั้นอยู่ได้ไม่ถึงยี่สิบปีล่ะ สาเหตุทั้งหมดนี้มู่เฉียนซีกระจ่างแล้ว
รนหาที่ตายเอง ต่อไปนางก็ขี้เกียจจะสนใจแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าว “น่าหลาน เราออกไปจากที่นี่กันเถอะ! ”
“อืม! ”
น่าหลานอวี้ก็โกรธเคืองเช่นกัน รู้จักกันมาเกือบจะยี่สิบปี แต่กลับมาโดนหลอกเช่นนี้
“ฮือ ฮือ ฮือ! เสี่ยวซีซี รอข้าก่อน! ” เชียนอ้าวเซี่ยรีบวิ่งตามไป
นอกจากพวกเขาสามคนแล้ว ต่อให้มีใครมีโอกาสเข้าใกล้ตำหนัก แต่ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะย่างกรายเข้ามาได้ เพราะประตูได้ปิดสนิทแล้ว
ในขณะที่พวกเขาเห็นร่างชุดม่วงและร่างในชุดสีขาวเดินออกมา ดวงตาเปล่งประกายฉายแววอิจฉาริษยาอย่างชัดเจน!
น่าหลานอวี้กับมู่เฉียนซีโชคดีมาก! ได้เข้าไปในตำหนักปิงเซี่ยหลิง และได้ของล้ำค่ามามากมาย
ทว่า พวกเขารู้ดีว่ามู่เฉียนซีนั้นเก่งกาจเพียงใด แม้แต่คุณหนูอวิ๋นหวงก็พ่ายแพ้ในน้ำมือนาง สามารถต่อสู้ข้ามขั้นถึงขั้นจักรพรรดิได้เช่นนี้ พวกเขาไม่อยากจะล่วงเกิน
ทว่า หลังจากที่มู่เฉียนซีกับน่าหลานอวี้เดินจากไปไกลแล้ว พวกเขาก็เห็นเชียนอ้าวเซี่ยวิ่งตามออกมาอย่างเร่งรีบ
เมื่อเห็นองค์รัชทายาทผู้มีใบหน้าราวกับปีศาจหิมะ แววตาอันแปลกประหลาดก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของพวกเขา องค์รัชทายาทอยู่เพียงลำพังแล้ว
หัวหน้าน่าหลานกับมู่เฉียนซีก็ช่างใจร้ายเสียจริง ใช้ประโยชน์เสร็จก็ทอดทิ้งเขาเสียดื้อ ๆ เช่นนั้นพวกเขาก็มีโอกาสใช้ประโยชน์ต่อจากองค์รัชทายาทแล้วหน่ะสิ ได้ยินมาว่าเลือดขององค์รัชทายาทเซี่ยนั้นเป็นกุญแจสำคัญที่จะเปิดตำหนักปิงเซี่ยหลิงได้
“องค์รัชทายาทเซี่ย ในเมื่อพวกนั้นทิ้งท่านแล้ว เช่นนั้นท่านก็ช่วยพวกเราสักหน่อยสิ”
“ไสหัวไปให้พ้น! ” สีหน้าของเชียนอ้าวเซี่ยเย็นชา
โดนหญิงผู้เป็นที่รักกับสหายคนสนิทเย็นชาใส่เช่นนี้เขาก็โกรธเกรี้ยวขึ้น นึกไม่ถึงเลยว่าพวกบ้าเหล่านี้จะกล้าเข้ามาหาเรื่องก่อกวน
“องค์รัชทายาทเซี่ย อย่าคิดว่าตัวเองเป็นแค่สวะที่ไร้ประโยชน์เลยนะ คิดจริง ๆ เหรอข้าจะไม่กล้าลงมือกับเจ้า? ”
“จับตัวเอาไว้! ไม่ต้องเกรงใจอะไรทั้งนั้น! พวกเราเป็นคนของสำนักอวิ๋นเยียน ต่อให้ฮ่องเต้ฟื้นขึ้นมา ก็ไม่กล้าคิดบัญชีกับพวกเรา! ”
ในฐานะที่เป็นศิษย์ของสำนักอวิ๋นเยียน พวกเขาถูกสั่งสอนมาให้ดูหมิ่นดูแคลนทุกคนในใต้หล้า สำนักอวิ๋นเยียนต่างหากที่เป็นผู้ปกครองที่แท้จริง และแน่นอนว่าพวกเขาไม่สนใจสถานะองค์รัชทายาทของเชียนอ้าวเซี่ย
“รนหาที่ตาย! ”
ครู่หนึ่ง พวกเขารับรู้ได้ถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่แผ่ซ่านออกมาจากเชียนอ้าวเซี่ย พลังนี้น่าสะพรึงกลัวกว่าเจ้าสำนักมาก
ม่านตาของพวกเขาหดลงทันใด มหาจักรพรรดิ พระเจ้า! พลังวิญญาณขั้นมหาจักรพรรดิ
นึกไม่ถึงเลยว่าองค์รัชทายาทเซี่ยจะได้รับพลังวิญญาณขั้นมหาจักรพรรดิจากตำหนักปิงเซี่ยหลิง!
ฉ่าาาาา!
พลังน้ำแข็งหิมะของมหาจักรพรรดิเช่นนี้ พวกเขาเหล่านั้นจะต้านทานมันได้อย่างไรกันล่ะ พวกเขาไม่มีโอกาสที่จะตอบโต้ ร่างก็ถูกแช่แข็งกลายเป็นน้ำแข็งไปเสียแล้ว
“เสี่ยวซีซี! ”
เชียนอ้าวเซี่ยกำลังจะตามไปอย่างกระตือรือร้น แต่กลับได้ยินเสียงเสียงหนึ่ง
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!
ตุบ ตุบ ตุบ!
ร่างขอคนสองสามคนล้มลงไปกับพื้น เขาเห็นใบหน้าที่เย็นชานั้น “ได้เลื่อนขั้นเป็นถึงมหาจักรพรรดิ แต่ประมาทมากที่ไม่เห็นว่ายังมีคนแอบทำร้ายอยู่! ”
บริเวณรอบ ๆ ดูเหมือนไม่มีใครรอดชีวิตเลย เชียนอ้าวเซี่ยยิ้มพลางกล่าวว่า “ข้ารู้อยู่แล้วว่าเสี่ยวซีซียังเป็นห่วงข้า ไม่อยากให้ข้าโดนจับได้! ”
มู่เฉียนซี “เข้าข้างตัวเอง ข้าก็แค่ไม่อยากโดนคนอย่างเจ้ามาพัวพันก็เท่านั้น! ”
เชียนอ้าวเซี่ยรีบวิ่งตามไป “เสี่ยวซีเอ๋อร์ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะโกหกเจ้านะ และไม่ใช่ว่าข้าจะไม่เชื่อเสี่ยวซีเอ๋อร์ เพียงแต่ราชวงศ์แคว้นเฉียนเซี่ยกับสำนักอวิ๋นเยียนมีความแค้นกันจนไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้ ข้าไม่อยากให้เสี่ยวซีเอ๋อร์เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”
“หากเสี่ยวซีเอ๋อร์ไม่เชื่อคำพูดข้าแล้วล่ะก็ รอให้ข้าทำลายล้างสำนักอวิ๋นเยียนได้เมื่อไหร่ ข้าจะมอบแคว้นเฉียนเซี่ยให้กับเจ้า เมื่อถึงตอนนั้นแคว้นเฉียนเซี่ยก็จะเป็นอำนาจใหญ่สุดเพียงหนึ่งเดียว”
สิ่งที่เขาพูดตอนแรกนั้น เขาไม่ได้โกหกแต่อย่างใด
ไม่ว่าจะเป็นองค์รัชทายาทเซี่ยผู้เป็นสวะไร้ประโยชน์ หรือจะเป็นจักรพรรดิเซี่ยผู้น่ากลัวในเซี่ยโจว แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยขอร้องอ้อนวอนใครด้วยเสียงต่ำเช่นนี้มาก่อน แต่มู่เฉียนซีเป็นข้อยกเว้น
ไม่ว่าเชียนอ้าวเซี่ยจะพูดยังไง มู่เฉียนซีก็ยังไม่สนใจเขาอยู่ดี
เชียนอ้าวเซี่ยแทบจะหมดหวังแล้ว เสี่ยวซีเอ๋อร์จะไม่มีวันอภัยให้เขาเลยเหรอ
มู่เฉียนซีกล่าว “เชียนอ้าวเซี่ย หากเจ้ายังคิดไม่ได้ว่าทำไมข้าถึงโกรธเจ้า ทางที่ดีเจ้าก็หุบปากไปซะ ไม่งั้นข้าจะไม่เกรงใจ ทำให้เจ้าพูดไม่ได้ไปตลอดชีวิต! อย่าคิดว่าเจ้ามีพลังวิญญาณขั้นมหาจักรพรรดิแล้วข้าจะฆ่าเจ้าไม่ได้นะ”
ถูกหลอก ถูกปิดบัง ถูกไม่ไว้วางใจ สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่ใช่เหตุผลที่นางจะโกรธเขา
นางรู้ดีถึงเหตุผลที่เขาปิดบัง อีกทั้งเรื่องที่เขาเปิดเผยพลังความแข็งแกร่งของตัวเองเพื่อไปช่วยนางในมิติไม้โบราณหมื่นปีนั่น เรื่องเหล่านั้นนางหายโกรธแล้ว
แต่ในฐานะที่เคยเป็นหมอรักษาเขา ทุกการกระทำของเขาทำให้นางอดไม่ได้ที่จะส่งเขาไปเยือนปรโลก
“อวี้……” เชียนอ้าวเซี่ยมองไปที่น่าหลานอวี้ราวกับขอความช่วยเหลือ สหายคนสนิทของเขาน่าจะเป็นคนที่เข้าใจเสี่ยวซีเอ๋อร์มากที่สุด
ตกลงทำไมซีเอ๋อร์ถึงได้โกรธ แม้แต่น่าหลานอวี้เองก็คิดไม่ออกเหมือนกัน
ถึงแม้ว่าจะรู้จักกันมาช่วงหนึ่ง แต่น่าหลานอวี้ก็ไม่เข้าใจเหตุผลของมู่เฉียนซีหมอผู้ดื้อรั้นผู้นี้อยู่ดี
แม้แต่น่าหลานอวี้ก็ยังไม่รู้ เชียนอ้าวเซี่ยจึงรู้สึกกลัดกลุ้มใจเป็นอย่างมาก
การฝึกประสบการณ์ในดินแดนลึกลับของราชวงศ์แคว้นเฉียนซีครั้งนี้ไม่เลวเลยทีเดียว ครั้นแล้วพวกเขาก็รีบไปที่ทางออก!
ในขณะที่พวกเขากำลังจะไปที่ทางออกนั้น จู่ ๆ ประตูทางเข้าก็มีคนกลุ่มหนึ่งพรวดพราดเข้ามา แม้แต่ผู้อาวุโสของตระกูลเชียนก็ไม่ทันสังเกตเห็น
“ที่นี่แหละ ปีศาจมู่อยู่ที่นี่แน่ ๆ! ”
“ไป! ”
อวิ๋นปู้ป้ายเดิมทีนั้นจะต้อนรับการกลับมาอย่างมีชัยของศิษย์สำนักอวิ๋นเยียน แต่นึกไม่ถึงแม้แต่น้อยว่าจะเห็นมู่เฉียนซีและพวกทั้งสามคนเป็นกลุ่มแรก จากนั้นเงาร่างคนชุดดำก็โผล่มา!
จิตสังหารอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ซ่านออกมาจนถึงขีดสุด เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้เป็นนักฆ่า! อวิ๋นปู้ป้ายตะโกนขึ้น “แม่นางมู่ ระวัง! ”
.