“พวกหออสูรทมิฬ เป็นนักฆ่าที่ถูกอวิ๋นปู้ป้ายกับอวิ๋นหวงส่งมา ข้ายังไม่ได้บอกกับเซี่ยเลย” น่าหลานอวี้กล่าวตอบ
มู่เฉียนซี “สำหรับเจ้าหมอนั่น คอยรักษาบาดแผลดี ๆ อยู่กับที่เสียจะดีกว่า ประเดี๋ยวข้าจะจัดการกับหออสูรทมิฬเอง”
ความสัมพันธ์ระหว่างสำนักอวิ๋นเยียนและหออสูรทมิฬนั้นแนบแน่นนัก ก่อนที่จะไปถล่มสำนักอวิ๋นเยียน ต้องจัดการกับหออสูรทมิฬก่อน เพื่อที่จะได้ไม่ถูกหออสูรทมิฬลอบยิงธนูเย็น (ลอบกัด)
“ต้องการให้ข้าช่วยหรือไม่ ?” น่าหลานอวี้กล่าวถามขึ้น
“ไม่ต้อง เวลานี้สำนักอวิ๋นเยียนนั้นคอยจ้องหอการค้าอันดับหนึ่งของเจ้าอยู่ ข้าปฏิบัติการได้ค่อนข้างสะดวกกว่า”
“อืม เช่นนั้นเจ้าระวังตัวด้วย”
“ได้”
มู่เฉียนซีนั้นกำลังคิดที่จะไปสร้างความลำบากให้แก่หออสูรทมิฬ ทว่าหอเชียนอินส่งข่าวมาเสียก่อน เวลานี้เสี่ยวชีถูกหออสูรทมิฬล้อมไว้
ด้วยเพราะเสี่ยวชีนั้นลอบฆ่าพวกไม่ได้เรื่องของสำนักอวิ๋นเยียนไปหลายคน ชื่อของนักฆ่าเทพมรณะนับวันจึงยิ่งโด่งดังขึ้นไปเรื่อย ๆ กอปรกับวิธีในการลอบสังหารของเขานั้น มาจากหออสูรทมิฬ แน่นอนว่าจะต้องถูกสงสัย
เมื่อถูกหออสูรทมิฬตามล่า เสี่ยวชีก็มิได้ยินยอมให้พวกเขาทำสำเร็จ นอกจากนี้เขายังมีสัตว์พันธสัญญาอยู่ เมื่อมู่เฉียนซีได้รับข่าวของเสี่ยวชี นางก็นำกลุ่มคนตามไปทันที เวลานี้เขานั้นซ่อนตัวอยู่ที่อำเภอเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในแคว้นเฉียนเซี่ย
ยามนี้เสี่ยวชีถูกโจมตีจากทั่วทุกสารทิศ ถึงแม้เขาจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่มีการลอบสังหารอย่างไม่หยุดหย่อนเช่นนี้ ทว่ามันก็เป็นหลังจากที่ความสามารถของเขาเพิ่มขึ้นจนถึงขั้นราชาแห่งภูตระดับเก้าแล้ว แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับจักรพรรดิแห่งภูตระดับสูง พลังที่เขามีเพียงน้อยนิดนั้น ไม่เพียงพอที่จะต่อกรอย่างสิ้นเชิง
แม้แต่กลางอากาศ เขาก็ยังถูกปิดล้อมเอาไว้ และถึงแม้เขาจะมีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่บินได้ เขาก็หนีไปไม่ได้
ดวงตาของเสี่ยวชีฉายแววโหดเหี้ยม เขาชอบวันคืนที่อยู่อย่างอิสระเป็นอย่างมาก แม้จะต้องพลีชีพตายไปพร้อมกับคนเหล่านั้น เขาก็ไม่อยากที่จะถูกพวกนั้นพากลับเข้าไปอยู่ในกรงขังอีกต่อไปแล้ว
“เจ้าหนู เจ้าหนีไม่รอดแล้ว ท่านผู้นำหอนั้นฝึกฝนเลี้ยงดูเจ้ามาอย่างยากลำบาก ใช้ทรัพยากรที่ดีที่สุดของหออสูรทมิฬไปกับเจ้า แต่เจ้ากลับทำตัวใจสุนัขทรยศหออสูรทมิฬเรา เจ้ามันเป็นหมาป่าตาขาวตัวหนึ่งจริง ๆ หากมิใช่ว่าท่านผู้นำหอบอกให้จับเป็นละก็ พวกเราฆ่าเจ้าไปตั้งนานแล้ว!”
— ฟึ่บ! —
ตอนที่พวกเขาก่นด่าเสี่ยวชีอย่างโกรธเกรี้ยวนั้น เสี่ยวชีก็ลงมือ และเมื่อตอนที่เสี่ยวชีได้เริ่มลงมือไปพลันมีลมหนาวพัดกระโชกเข้ามา
— ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! —
เข็มยาจำนวนนับไม่ถ้วนร่วงลงมาดั่งสายฝนโปรย เมื่อเสี่ยวชีได้เห็นการโจมตีที่คุ้นตาเช่นนี้ นัยน์ตาเขาก็ส่องประกายสว่างขึ้นมาทันที มู่เฉียนซีนางมาแล้ว!
เงาร่างสีม่วงปรากฏขึ้นข้างกายของเสี่ยวชี
“มู่เฉียนซี!”
มู่เฉียนซีนั้นเป็นเป้าหมายอันดับต้นของหออสูรทมิฬ แน่นอนว่าพวกเขาจดจำนางได้ดี
“นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้ากับเจ้าหนูบ้าคลั่งนี่มีความเกี่ยวข้องกัน พาตัวทั้งสองไปด้วยกัน!” มู่เฉียนซียิ้มเยาะก่อนจะกล่าวว่า “คิดที่จะพาตัวข้าไป พวกเจ้านั้นคิดน้อยไปแล้วกระมัง ? …เสี่ยวหง อู๋ตี้ องครักษ์เงา จัดการ!”
วันนี้ มู่เฉียนซีเตรียมตัวมาอย่างดี นางไม่ได้มาต่อสู้เพียงผู้เดียว
— ตูม! — เสี่ยวหงและอู๋ตี้ที่เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสามนั้นโจมตีกวาดไปตลอดทาง
“พลังซวนตี้!”
“พลังเทียนซวน!”
ถึงแม้ว่ามู่เฉียนซีจะเป็นเพียงราชาแห่งภูต ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับระดับจักรพรรดิที่มิได้แข็งแกร่งมากนัก สำหรับนางแล้วไม่ได้ยากเย็นเลย
— ตูม! —
ด้วยความแข็งแกร่งขององครักษ์เงาตระกูลมู่ กอปรกับอาวุธลับและยาพิษในมือของพวกเขา สีหน้าของพวกหออสูรทมิฬแต่ละคนนั้นแย่อย่างที่สุด
— ตุบ! ตุบ! ตุบ! —
เหล่านักฆ่าของหออสูรทมิฬล้มลงไปทีละคน ๆ ทว่ามู่เฉียนซีนั้นก็ยังไว้ชีวิตพวกเขาอยู่บ้าง พวกนั้นจ้องมองนางด้วยด้วยสายตาประหนึ่งหมาป่าดุร้าย ปากก็ตะโกนออกมา “เจ้าเด็กสารเลว!” มู่เฉียนซีมองไปยังเสี่ยวชีก่อนจะกล่าว “เสี่ยวชี ตำแหน่งที่ตั้งของหออสูรทมิฬ เจ้ารู้หรือไม่ ?”
“อืม”
“แล้วการวางตำแหน่งที่ด้านใน เจ้ารู้ไหม ?”
“ข้ารู้…”
ผู้นำหออสูรทมิฬคิดว่าเสี่ยวชีจะไม่ทรยศ ดังนั้นทุกอย่างในหออสูรทมิฬ เขาจึงได้บอกมันแก่เสี่ยวชีไปอย่างจริงจัง มู่เฉียนซีกล่าว “เดิมทีคิดที่จะไว้ชีวิตพวกนั้นบางส่วนเพื่อให้นำทางไป ตอนนี้ดูเหมือนว่ามีเสี่ยวชีเพียงคนเดียวก็พอแล้ว เช่นนั้นก็ส่งพวกนั้นลงนรกไปซะ!”
“เจ้า… เจ้า…”
“เจ้าจะทำอะไร ?”
สายตาของพวกเขามองอย่างไม่อยากจะเชื่อ ท้ายที่สุดพวกเขาก็ไปปรโลกอย่างไม่เต็มใจ
มู่เฉียนซีถามขึ้น “เสี่ยวชี ข้าต้องการโค่นหออสูรทมิฬ เจ้ามีอะไรอยากจะพูดหรือไม่ ?” เสี่ยวชีพยักหน้า “อืม สิ่งที่ข้าจะพูกก็คือ ข้าจะช่วยเจ้าเอง”
“ดี!”
หออสูรทมิฬนั้นเป็นกลุ่มนักฆ่ากลุ่มหนึ่ง หากนางคิดที่จะโค่นล้มพวกเขาให้สิ้นซาก แน่นอนว่าย่อมมิใช่เรื่องง่าย ดังนั้นแล้วนางจะต้องจัดเตรียมของขวัญให้ดี
ลมแรงฟ้ามืดครึ้ม ช่างเหมาะสมที่จะเป็นคืนแห่งการฆ่าล้างดีจริง ๆ
ภายใต้การนำทางของเสี่ยวชี มู่เฉียนซีพาองครักษ์เงาตระกูลมู่บุกหออสูรทมิฬ นางใช้วิธีการที่หยาบกระด้างนั่นก็คือการฝังคู่ต่อสู้ด้วยยาพิษ ศัตรูมามากเท่าไรก็ฝังไปให้มากเท่านั้น
— ตูม! ตูม! ตูม! —
เสี่ยวหงและอู๋ตี้สู้อยู่ที่แนวหน้าของกระบวน หออสูรทมิฬนั้นไม่มียอดฝีมือระดับมหาจักรพรรดิ พวกเขาจะไปทำอะไรได้
— ตูม! ตูม! ตูม! —
เมื่อบุกทะลวงฝ่าเข้าไปตลอดทาง ก็ได้ทำลายค่ายใหญ่ของหออสูรทมิฬไปกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว ทันใดนั้น ผู้นำหออสูรทมิฬกระโจนออกมาแล้วร้องตะโกนขึ้นด้วยความโกรธเคืองว่า “เป็นใครกันที่บังอาจกล้าเยื้องย่างเข้ามายังหออสูรทมิฬของข้า ?!”
มู่เฉียนซีแค่นเสียง “เป็นข้าเอง คาดว่าเจ้าผู้ซึ่งเป็นผู้นำหออสูรทมิฬคงรู้ว่าข้าเป็นใคร”
“เจ้าคือ อัจฉริยะด้านการปรุงยาจากแคว้นเฉียนเซี่ย มู่เฉียนซี”
ถึงอย่างไรเขาก็เคยส่งยอดฝีมือไปลอบสังหารมู่เฉียนซีมาก่อน แต่วันนี้นั้นไม่มีใครกลับมารายงานข่าวความคืบหน้าเลยสักคน เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่านางยังมีชีวิตอยู่
ผู้นำหออสูรทมิฬหัวเราะ “ฮ่า ๆ ๆ เดิมทีข้านั้นคิดที่จะไปจับเจ้าด้วยตัวเองแม่สาวน้อย แต่ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมาหาเองถึงที่ ในเมื่อหมอปีศาจกล้าสังหารพี่น้องของข้า วันนี้ข้าจะสังหารผู้หญิงของมันเสีย”
การเปลี่ยนแปลงของหอการค้าอันดับหนึ่งทำให้เหล่าพี่น้องของเขานั้นต้องตายด้วยน้ำมือหมอปีศาจมู่ซี พวกเขาจึงได้เกลียดหมอปีศาจมู่ซีเข้ากระดูกดำ ทว่าเมื่อคิดถึงความแปลกประหลาดของคนผู้นั้น และยังมีวิธีการใช้พิษเช่นนั้นอีก เขาจึงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม ทำได้เพียงใช้วิธีการอื่นไปรับมือกับหมอปีศาจ ซึ่งวิธีการอื่นที่ว่านั่นก็คือจัดการกับหญิงเพียงผู้เดียวของหมอปีศาจเสีย แต่ทว่าเขาเองก็นึกไม่ถึงเลยว่าหมอปีศาจผู้นั้น แท้ที่จริงแล้วก็คือมู่เฉียนซี
และมู่เฉียนซีก็คือหมอปีศาจมู่ซี!
มู่เฉียนซีเลิกคิ้ว “ฆ่าข้ารึ ? เจ้าควรคำนึงถึงชีวิตของตนเองก่อนจะดีกว่า”
“เจ้า… เป็นเจ้าจริง ๆ” ผู้นำหออสูรทมิฬเห็นเสี่ยวชีเข้าแล้ว “มาฝั่งพ่อบุญธรรมนี้ พ่อบุญธรรมตามหาเจ้ามานานแล้ว นึกไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าในที่สุดเจ้าก็กลับมา”
เสี่ยวชีมองเขาอย่างเย็นชา “อืม ข้ากลับมาแล้ว กลับมาฆ่าท่านอย่างไรเล่า!”
ใบหน้าของผู้นำหออสูรทมิฬหม่นลง “แม่สาวน้อย เจ้าช่างมีความสามารถที่ดีโดยแท้ มิเพียงสามารถทำให้เป็นที่โปรดปรานของหมอปีศาจมู่ซีได้ ยังกลับทำให้กระบี่ที่คมกริบในมือข้ากลับคมได้”
มู่เฉียนซี “ดูเหมือนว่าผู้นำหออสูรทมิฬจะอิจฉาและเกลียดชังมาก เช่นนั้นก็… บัญชีทั้งเก่าและใหม่ มาคิดรวมกันตอนนี้ไปเลยเถอะ”
ผู้นำหออสูรทมิฬแค่นเสียงเย็นชา “วันนี้หมอปีศาจยังไม่มา ข้าไม่เชื่อว่าสาวน้อยตัวเล็ก ๆ อย่างเจ้า จะมีปัญญาทำอะไรข้าได้!” — ตูม! —
ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรต่อ ทั้งสองฝั่งเปิดศึกขึ้น พิษที่มู่เฉียนซีนำมาด้วยทำให้พวกเขานั้นแตกกระบวน ส่วนเสี่ยวชี เป็นเพราะเขาคุ้นเคยกับหออสูรทมิฬ เช่นนั้นแล้วเขาจึงสังหารคนอื่น ๆ อีกหลายคนได้อย่างง่ายดาย
ในตอนนี้เอง พวกเขาเหล่าคนจากหออสูรทมิฬรู้สึกอย่างลึก ๆ ว่านักปรุงพิษนั้นน่ากลัวกว่านักฆ่าหลายเท่านัก
ผู้นำหออสูรทมิฬกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว “อ๊ากกก! แม่สาวน้อย เจ้าตายเสียเถอะ!”
ในตอนที่เขากำลังเข้ามาใกล้มู่เฉียนซีนี้เอง กระบี่ยาวสีขาวราวหิมะเล่มหนึ่งพลันแทงทะลุหัวใจของเขาไป
มู่เฉียนซีมองเชียนอ้าวเซี่ยที่เวลานี้ใส่หน้ากากแล้วกล่าวขึ้นอย่างเย็นชาว่า “เจ้าบ้าเซี่ย! ข้าบอกไปแล้วไม่ใช่รึว่าเจ้าอย่าเข้ามาสอด”
ผู้นำหออสูรทมิฬเบิกตากว้าง “จักร…. จักรพรรดิเซี่ย!”
เชียนอ้าวเซี่ย “เสี่ยวซีซี ข้านั้นไม่ได้อยากจะเข้ามายุ่งเรื่องของเจ้าเช่นนี้เลย ที่ข้ามา ข้าแค่เพียงอยากจะบอกเจ้าว่าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว…”
.