“เรื่องอะไร ?” มู่เฉียนซีถามอย่างนิ่งสงบ แม้ว่าเจ้าสวะเซี่ยจะก่อเรื่องขึ้นเล็กน้อยโดยการมาขัดจังหวะนางเช่นนี้ ก็ไม่ได้ทำให้นางสะทกสะท้านแต่อย่างใด
“ที่ภาคตะวันตกของทวีปเซี่ยโจว…” เชียนอ้าวเซี่ยเริ่ม ทว่าเขากล่าวยังไม่ทันจบคำ มู่เฉียนซีก็พูดอย่างเย็นชา
“หออสูรทมิฬ อย่าได้ปล่อยให้เหลือรอดแม้แต่คนเดียว!”
เชียนอ้าวเซี่ยเข้าใจดีว่าควรจัดการเรื่องตรงหน้าให้เสร็จเสียก่อนแล้วค่อยว่ากัน เขาจึงพยักหน้าและตะเบ็งเสียงว่า “ฆ่ามัน!”
การรวมกันที่แข็งแกร่งของหมอปีศาจกับจักรพรรดิเซี่ย แน่นอนว่าความแข็งแกร่งของหออสูรทมิฬนั้นคงไม่เพียงพอ
“พรวด!”
สุดท้ายผู้ที่สังหารผู้นำหออสูรทมิฬคือเสี่ยวชี
ผู้นำหออสูรทมิฬเบิกตากว้าง กล่าวว่า “เจ้า… เจ้าฆ่าข้า… ข้า…”
— ปัง! —
ผู้นำรองหออสูรทมิฬตายไปนานแล้ว เวลานี้เมื่อผู้นำตาย เหล่ามังกรที่ไร้ซึ่งจ่าฝูงก็ย่อมจัดการได้ง่ายขึ้น
มู่เฉียนซีรีบจัดการให้เสร็จอย่างเร็วที่สุดและถามขึ้นว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นรึ ?!”
“อวิ๋นเฟิ้ง คุณหนูใหญ่แห่งสํานักอวิ๋นเยียนได้เลื่อนขั้นเป็นถึงระดับจักรพรรดิแล้ว งานเลี้ยงวันเกิดอายุสามสิบปีของนางก็จะมาถึงแล้ว นางเตรียมตัวที่จะแต่งงานในวันนั้น …และคู่หมั้นของนางคือมู่อวู่ซวง นายท่านสามแห่งตระกูลมู่!”
— ตูม! —
เมื่อเชียนอ้าวเซี่ยกล่าวชื่อนั้นออกมา มู่เฉียนซีก็ไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้อีกต่อไป ดวงตาสีดำขลับคู่นั้นดูโกรธเกรี้ยวราวกับจะทําลายทุกอย่างรอบตัวได้
มู่เฉียนซีโกรธจริง ๆ ในใจของนาง มู่อวู่ซวงผู้นั้นสําคัญมาก ทําให้ผู้คนทั้งอิจฉาและจนปัญญา
“พูดต่อ!”
“อวิ๋นหลิ่ว สาวใช้ส่วนตัวของอวิ๋นเฟิ้งมาถึงตระกูลมู่แล้วและได้รับมู่อวู่ซวงไป ไม่นานก็มาถึงเมืองชางเฟิง”
“ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อรีบไปยังเมืองชางเฟิง ข้าจะขัดขวางคนของสํานักอวิ๋นเยียน หึ! คิดจะบังคับผูกมัดท่านอาของข้าให้แต่งงานด้วย ฝันไปเถอะ!” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างโกรธจัด
…
ในตอนนี้ มู่เฉียนซีอยู่บนสัตว์วิญญาณ เร่งบินไปยังเมืองชางเฟิง
“เสี่ยวซีซี ให้ข้าช่วยเจ้าเถอะนะ” เชียนอ้าวเซี่ยไล่ตามนางไป เขาหวังดีกับนางจริง ๆ
เรื่องที่เกี่ยวข้องกับท่านอาเล็ก มู่เฉียนซีไม่ปฏิเสธหากเชียนอ้าวเซี่ยจะลงมือ นางจะไม่ยอมให้เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นกับท่านอาอย่างแน่นอน เมื่อก่อนเมืองชางเฟิงมีสํานักย่อยของสำหนักอวิ๋นเยียนที่ลงมือบัญชาการด้วยตนเอง หากนางคิดที่จะขัดขวางพวกเขาเหล่านั้นมันก็ไม่ง่ายเลย ทว่าตอนนี้สำนักย่อยของเมืองชางเฟิงถูกทําลาย การขัดขวางของมู่เฉียนซีจึงราบรื่นขึ้นมาก
…
องครักษ์เงาตระกูลมู่ซุ่มโจมตีอยู่ในเงามืด คุณหนูใหญ่แห่งสํานักอวิ๋นเยียนช่างน่ารังเกียจนัก นางทำไม่สําเร็จก็ทําให้ดวงตาของนายท่านสามพิการ
เคราะห์ดีที่ดวงตาของนายท่านสามถูกผู้นำตระกูลมู่มู่เฉียนซีรักษาไว้ได้ด้วยความยากลำบาก แต่อวิ๋นเฟิ้ง นางกลับลงมืออีกครั้ง
“ยังอีกนานหรือไม่กว่าพวกเขาจะมาถึงเมืองชางเฟิง” มู่เฉียนซีกล่าวถาม นางแทบอยากจะพุ่งเข้าเทือกเขาชีชงไปในทันที
เชียนอ้าวเซี่ย “ใกล้แล้ว วันนี้แหละ”
มู่เฉียนซีรอได้ไม่นาน ก็เห็นรถม้าสีแดงคันใหญ่ที่เข้ามาในเมืองชางเฟิง ผู้ที่เดินนําหน้าคือสตรีชุดดําหน้าตาธรรมดา ใบหน้าเย็นชาและแข็งทื่อ นางนั้นเป็นบุคคลที่เป็นที่โปรดปรานอันดับหนึ่งในสายตาของคุณหนูใหญ่แห่งสำนักอวิ๋นเยียนนั่นก็คือ—อวิ๋นหลิ่ว
มู่เฉียนซีแค่นเสียงสั่งทันที “ลงมือ!”
องครักษ์เงาตระกูลมู่เปิดใช้งานอาวุธลับ นอกจากรถม้าคันนั้นแล้ว คนอื่น ๆ ล้วนเป็นเป้าหมายของพวกเขา
— ปัง! ปัง! ปัง! —
สีหน้าของอวิ๋นหลิ่วเย็นชา นางกล่าวว่า “พวกเจ้าพามู่อวู่ซวงไปก่อน”
บุรุษผู้หนึ่งบนรถเข็นถูกนําตัวออกมาจากรถม้า ชุดสีแดงของเขานั้นดูราวกับไฟร้อน ทําให้ผู้คนประหลาดใจยิ่งนัก
ชายหนุ่มผู้นี้ ดูแล้วอายุราว ๆ ยี่สิบหกยี่สิบเจ็ดปี สวมชุดสีแดงทําให้ใบหน้าที่อ่อนโยนงดงามราวกับหยกดูดีมีเสน่ห์มากขึ้น แม้ว่าเขาจะอยู่ในสถานการณ์ยากลําบาก แต่เขาก็ยังคงสงบ
เมื่อเห็นมู่อวู่ซวง มู่เฉียนซีก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป “เสี่ยวหง อู๋ตี้ ลงมือ!”
“เพลิงเผาสวรรค์!”
“พวกเจ้าทุกคนไปตายซะ!”
เสี่ยวหงและอู๋ตี้ได้ทําพันธสัญญากับมู่เฉียนซี พวกมันจึงรู้ว่ามู่เฉียนซีในเวลานี้โกรธมากจริง ๆ
เจ้าพวกนี้กล้าทําให้นายท่านโกรธ รนหาที่ตายแท้ ๆ!
— ตูม! ตูม! —
“สํานักอวิ๋นเยียนของพวกเจ้าเชิญท่านอาไปเป็นแขกแต่ไม่แจ้งข้า สํานักอวิ๋นเยียนของพวกเจ้าไม่รู้จักมารยาทกันเลยรึ ?” ร่างสีม่วงปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขา
จิตสังหารในดวงตาคู่นั้น ตอนนี้แทบอยากจะให้พวกเขาถูกพิษนับหมื่นทรมานจนตาย!
อวิ๋นหลิ่วมองหญิงสาวที่ดูโอหังตรงหน้าแล้วกล่าวว่า “ข้าคิดว่าเจ้าคงเป็นผู้นำตระกูลมู่กระมัง ไม่ใช่ว่าพวกข้าเชิญมู่อวู่ซวงมาเป็นแขก แต่ต้องการให้มู่อวู่ซวงไปแต่งงานกับคุณหนูใหญ่ของพวกข้า”
“ฮ่า ๆ ๆ แต่งงาน เจ้าคิดว่าอวิ๋นเฟิ้งคู่ควรกับท่านอาของข้ารึ ? เรื่องนี้ข้าจะไม่ตอบตกลงอย่างแน่นอน” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเผ็ดร้อน
“ไม่ตกลงงั้นรึ ? คุณหนูใหญ่ของพวกเรามองนายน้อยจากตระกูลเล็ก ๆ อย่างเขาได้ถือเป็นวาสนาของเขาแล้ว เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงไม่ตกลง ?” อวิ๋นหลิ่วเองก็โกรธแล้วเช่นกัน
ในสายตาของนาง คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลของนางคือหงส์บนสวรรค์เก้าชั้น ต้องการอะไรย่อมได้สิ่งนั้น
“เหตุใดจะไม่กล้า ? แม้ว่าคนทั่วทั้งทวีปเซี่ยโจวจะกลัวสํานักอวิ๋นเยียน แต่มู่เฉียนซีกลับไม่กลัว
“สาวน้อย เจ้ารนหาที่ตายแล้ว!” อวิ๋นหลิ่วลงมือ
ความแข็งแกร่งของจักรพรรดิยอดยุทธ์ระดับสาม คิดจะสังหารมู่เฉียนซีในการโจมตีเดียว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนผู้นี้กําลังฝันไป
มู่เฉียนซีหลบการโจมตีของอวิ๋นหลิ่วได้ในพริบตา กระบี่มังกรเพลิงฟันออกไปอย่างไม่เกรงใจ “มังกรเพลิงสังหาร!”
— ตูม! —
อวิ๋นหลิ่วไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย นางตีสีหน้าเย็นชา กล่าวว่า “มู่เฉียนซี ความแข็งแกร่งของเจ้ามีเพียงเท่านี้ ข้าขอย้ำว่าเจ้ามันรนหาที่ตาย”
— ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! —
เข็มยาของมู่เฉียนซีโจมตีทุกรูปแบบ
“พลังซวนตี้!”
— ตูม! —
ในตอนนั้นเอง มู่อวู่ซวงที่ถูกพวกเขากักขังไว้ก็ได้ลงมือด้วย น่าแปลกที่ความแข็งแกร่งของมู่อวู่ซวงพุ่งทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุดของจักรพรรดิยอดยุทธ์ระดับเก้า
เขาทำผิดหรือไม่ ?!
“ท่านอา!” สีหน้าของมู่เฉียนซีพลันเปลี่ยนไป
เมื่อสิ้นเปลืองพลังมากเกินไป แล้วทำให้พิษนั่นระเบิดออกมาจะทำอย่างไร ?
มู่อวู่ซวงรีบกล่าว “ไม่เป็นไร…”
คํากล่าวนี้ทําให้มู่เฉียนซีแทบจะต้องกินยาสงบใจและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อรับมือกับอวิ๋นหลิ่ว
“มังกรวารีพิฆาต!”
เสียงเย็นเยือกเสียงหนึ่งดังขึ้น “สํานักอวิ๋นเยียน!”
คํากล่าวนี้ทําให้ทุกคนในที่นี้รู้สึกเย็นยะเยือกกันทันที… ชุดสีขาวราวหิมะ หน้ากากสีเงินบดบังใบหน้าของเขา สายตาของเขาเย็นยะเยือกราวกับดอกไม้บนเทือกเขาสูง ทําให้ผู้คนไม่กล้าดูหมิ่น
พลังแห่งความเยือกเย็นอันน่าสะพรึงกลัวทําให้อุณหภูมิของเมืองทั้งเมืองลดลงอย่างกะทันหัน
ไม่จําเป็นต้องให้เขาแสดงตัวตนของเขา พลังอันน่าสะพรึงกลัวของความเยือกเย็นเช่นนี้ทําให้พวกเขารู้ว่านี่คือใคร
“จักรพรรดิเซี่ย!”
เวลานี้เชียนอ้าวเซี่ยยังไม่อยากเปิดเผยความแข็งแกร่ง ดังจึงควบคุมพลังให้อยู่ในจุดสูงสุดระดับเก้าของจักรพรรดิแห่งภูต แต่นั่นก็ทําให้ผู้คนตกใจอย่างมาก
“ไปกันเถอะ!”
จู่ ๆ จักรพรรดิเซี่ยก็ก้าวเท้าเข้ามา ทําให้อวิ๋นหลิ่วมีลางสังหรณ์ไม่ดี นางคิดจะพาคนออกไปอย่างรวดเร็ว
“จับท่านอาของข้าไว้ แล้วคิดจะไปอย่างง่ายดายเช่นนั้น ฝันไปเถอะ! …..ทักษะเทียนซวน!”
อวิ๋นหลิ่วมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างรวดเร็ว แต่ถึงอย่างนั้น ร่างกายครึ่งหนึ่งของนางก็ถูกพลังจากทักษะของมู่เฉียนซีบดขยี้จนแตกเป็นเสี่ยง ๆ
“อ๊า!” อวิ๋นหลิ่วร้องโหยหวนก่อนจะทรุดลงกับพื้น
— ตุบ! —
“อวิ๋นหลิ่ว!” องครักษ์เหล่านั้นก็ตื่นตระหนก พวกเขาอยากเข้าใกล้อวิ๋นหลิ่ว แต่องครักษ์เงาของตระกูลมู่และเสี่ยวหงกับอู๋ตี้ไม่ใช่พวกมังสวิรัติที่จะยอมปล่อยเหยื่อออกจากปาก
— ปัง! ปัง! ปัง! —
ท้ายที่สุดนอกจากอวิ๋นหลิ่วแล้ว ไม่มีใครเหลือรอดแม้แต่ชีวิตเดียว มู่เฉียนซีรีบเดินไปหามู่อวู่ซวง
“ท่านอาเล็ก!”