มู่อวู่ซวง “อาไม่เป็นไร! ”
“หลานไม่น่าย้ายองครักษ์เงาส่วนใหญ่ไปที่แคว้นเฉียนเซี่ยเลย นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าอวิ๋นเฟิ้งยังไม่ยอมตัดใจ! ” ดวงตาของมู่เฉียนซีเย็นยะเยือก
มู่อวู่ซวงกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “มันไม่ใช่ความผิดพลาดของซีเอ๋อร์เลย แค่สำนักอวิ๋นเยียนควรจะหายสาบสูญไปได้แล้วก็เท่านั้น! ”
“อืม! ควรจะสะสางได้แล้ว”
มู่เฉียนซีมองไปที่มู่อวู่ซวงอย่างละเอียดถี่ถ้วนและกล่าวว่า “นึกไม่ถึงเลยว่าท่านอาสวมชุดสีแดงแล้วจะดูดีถึงเพียงนี้”
“งั้นต่อไปอาจจะเปลี่ยนเป็นใส่ชุดสีแดงเป็นไง? ”
“โฉมผจญสามแผ่นแพ้ งามเลิศงามแล้ไม่เป็นสองรองใคร ถึงแม้จะดูดี แต่หลานว่าชุดสีขาวเหมาะกับท่านอามากกว่า”
สองอาหลานแสดงความรักความอบอุ่นต่อกัน ลืมสนใจจักรพรรดิเซี่ยผู้ที่แผ่ซ่านความเย็นยะเยือกสะท้านฟ้าไว้ข้าง ๆ
“ค่อก ค่อก ค่อก! เสี่ยวซีเอ๋อร์ อยากจะแนะนำข้าให้รู้จักใช่ไหม! ”
ในเมื่อตัวตนของเขาถูกเปิดเผยแล้ว อยู่ต่อหน้ามู่เฉียนซีเช่นนี้ เชียนอ้าวเซี่ยก็ไม่ต้องแสดงท่าทีเย็นชาแล้ว หน้าด้านหน้าทนพัวพันนางต่อไป
‘เสี่ยวซีเอ๋อร์’ เมื่อมู่อวู่ซวงได้ยินคำเรียกนี้ของเขา ใบหน้าที่อ่อนโยนดุจดั่งหยกนั้นพลันแปรเปลี่ยนเป็นน้ำค้างที่เย็นยะเยือกทันที
เชียนอ้าวเซี่ยเหมือนจะรู้สึกว่าพลังความเย็นยะเยือกของคนตรงหน้าที่แผ่ซ่านออกมานั้นโหดร้ายว่าคนที่มีพลังน้ำน้ำแข็งหิมะมาก แต่ถึงอย่างไรใบหน้าของเชียนอ้าวเซี่ยยั้ยหนายิ่งกว่ากำแพงหลายชั้น ในเมื่อมู่เฉียนซีไม่แนะนำเขา เช่นนั้นเขาก็เสนอตัวแนะนำตัวเองก็ได้!
“ท่านอา ข้าชื่อเชียนอ้าวเซี่ย ข้ากับเสี่ยวซีเอ๋อร์เป็น……”
ตูมมมม!
มู่อวู่ซวงลงมือแล้ว
กับมู่เฉียนซีนั้นเขายอมปล่อยให้กระทำความผิดโดยไม่ขัดขวางห้ามปราม แต่กับชายทุกคนที่ใคร่คิดอยากจะได้หลานสาวของเขานั้น มาหนึ่ง เขาฆ่าหนึ่ง มาสอง เขาก็จะฆ่าทั้งคู่!
และสำหรับเชียนอ้าวเซี่ยนั้น มู่อวู่ซวงก็ไม่มีความเมตตาปรานีเลย!
นับว่าโชคดีที่เชียนอ้าวเซี่ยมีพลังวิญญาณขั้นมหาจักรพรรดิ เขาจึงหลบหลีกการโจมตีระยะประชิดนี้ได้
ใบหน้าของเชียนอ้าวเซี่ยแสดงออกถึงสีหน้าที่ทำอะไรไม่ถูก สมกับที่เป็นท่านอาของเสี่ยวซีเอ๋อร์จริง ๆ ดุร้ายเหมือนกับเสี่ยวซีเอ๋อร์ไม่มีผิด
“นับจากนี้ต่อไป เจ้าอยู่ให้ห่าง ๆ ซีเอ๋อร์หน่อย มิเช่นนั้น ข้า มู่อวู่ซวงจะทำให้เจ้าเสียใจที่ได้มาในโลกใบนี้”
ชายผู้อ่อนโยนและงดงามผู้นั้น ตอนนี้จ้องมองเชียนอ้าวเซี่ยวเขม็งราวกับจ้องคนตายก็มิปาน
เชียนอ้าวเซี่ยไม่ใช่คนกลัวตายแน่นอน เขากล่าวขึ้นว่า “ท่านอา นกยวนยางรักมั่นใจเดียว ท่านอาจะมาจับแยกคู่ไม่ได้นะขอรับ ถึงแม้ท่านจะเป็นผู้อาวุโส ท่านก็ไม่อาจมาขัดขวางความรักที่แท้จริงของเสี่ยวซีเอ๋อร์ได้! ”
มู่อวู่ซวงกล่าวอย่างเย็นชา “เจ้านะเหรอ? ”
“ซีเอ๋อร์นะเหรอจะชอบเจ้า? ”
จะชอบหรือไม่นั้นก็อย่าพูดออกมาตรง ๆ ได้ไหม! เชียนอ้าวเซี่ยรู้สึกเหมือนหัวใจที่เย็นชาของเขาจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ อยู่แล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงที่โกรธเคือง “เจ้าสวะเซี่ย หากเจ้ายังพูดจาซี้ซั้วต่อหน้าท่านอาของข้าอีก ข้าจะทำให้หน้าเจ้าเสียโฉม! ”
“งั้นทำให้ข้าเป็นใบ้ดีกว่า เสียงชงเสียโฉมอะไรนั่นน่ากลัวจะตาย” เชียนอ้าวเซี่ยกลัวจนตัวสั่น
กล่าวจบความเย็นยะเยือกของจักรพรรดิเซี่ยก็ถูกทำลายจนสิ้น
มู่เฉียนซีเหลือบมองไปที่อวิ๋นหลิ่วที่ทรุดลงอยู่กับพื้น และกล่าวว่า “ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า กลับไปบอกอวิ๋นเฟิ้งนะ ว่างานวันเกิดของนาง ข้า มู่เฉียนซี ผู้นำตระกูลมู่จะไปอวยพรวันเกิดนางถึงที่”
“และก่อนที่ถึงวันงาน หากพวกเจ้าสำนักอวิ๋นเยียนมาก่อกวนข้าอีก ข้าก็จะไม่เกรงใจเช่นกัน! ”
กล่าวจบก็ทิ้งให้อวิ๋นหลิ่วนอนเจ็บปวดและหมดสติไปบนพื้น ส่วนมู่เฉียนซีและพวกก็รีบเดินทางไปยังเมืองเซี่ยตู แคว้นเฉียนเซี่ย
เมืองเซี่ยตูนั้นมีหอหมอปีศาจ ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของเชียนอ้าวเซี่ย และยังเป็นฐานที่มั่นของบ้านประมูลอันดับหนึ่ง สำนักอวิ๋นเยียนกล้ามาก่อเรื่องก็ต้องคิดไตร่ตรองพิจารณาให้ดี
ถึงแม้ว่าสำนักอวิ๋นเยียนจะเป็นสำนักนิกายระดับหนึ่ง ทว่า กองกำลังที่แข็งแกร่งทั้งสามมาร่วมมือกันเช่นนี้แล้ว ก็เพียงพอที่จะทำให้สำนักอวิ๋นเยียนหวาดกลัว
ทั่วทั้งเมืองเซี่ยตู ไม่ใช่สถานที่ที่สำนักอวิ๋นเยียนจะทำอะไรอย่างมุทะลุได้ ดังนั้นมู่เฉียนซีกับมู่อวู่ซวงจึงอยู่ที่เซี่ยตูได้อย่างสงบ!
เชียนอ้าวเซี่ยกับน่าหลานอวี้แวะมาเยี่ยมเยือนก็โดนมู่อวู่ซวงขวางทุกครั้ง พูดง่าย ๆ คำเดียวก็คือ คิดจะแย่งหลานสาวของเขาไปนั้น ไม่มีทาง!
เมื่อเห็นว่างานเลี้ยงวันเกิดอวิ๋นเฟิ้ง คุณหนูใหญ่แห่งสำนักอวิ๋นเยียนจะมาถึง หอหมอปีศาจ บ้านประมูลอันดับหนึ่ง และราชสำนักต่างก็ได้รับจดหมายเชิญไปร่วมงาน
มุมปากของมู่เฉียนซียกขึ้นเล็กน้อย “ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง”
มู่อวู่ซวง “ซีเอ๋อร์ อาจะไปด้วย”
ถูกหญิงคนหนึ่งทำร้ายดวงตาทั้งสองข้างจนบอดลงเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่โกรธแค้น เพียงแต่ว่าเขามีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องทำ ไม่อาจทำอะไรผลีผลามได้
ตอนนี้ซีเอ๋อร์ผู้เป็นหลานสาวสุดที่รักดุจดั่งดวงใจของเขาได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว จะลงแก้แค้นให้เขาด้วยตัวเอง แน่นอนว่ามู่อวู่ซวงก็จะไปดูให้เห็นกับตาตัวเองเช่นกัน
มู่เฉียนซีพยักหน้าก่อนจะกล่าวว่า “อืม! เอาตามที่ท่านอาว่า”
สำนักอวิ๋นเยียน ตั้งอยู่ในภูเขาเซียนที่คนร่ำลือกัน อยู่บนภูเขาอวิ๋นเยียน
ภูเขาทั้งลูกปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกขาวโพลน หากไม่มีคนนำทางโดยเฉพาะ ก็ไม่สามารถหาที่ตั้งของสำนักอวิ๋นเยียนเจอ
ในวันนี้ เหล่าบรรดาศิษย์ของสำนักอวิ๋นเยียนต่างก็ยุ่งกันจนตัวเป็นเกลียว เพราะวันนี้เป็นวันเกิดของคุณหนูใหญ่แห่งสำนักอวิ๋นเยียนของพวกเขา อวิ๋นเฟิ้ง
อายุสามสิบปีก็ทะลวงพลังวิญญาณขั้นจักรพรรดิได้แล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนในสำนักอวิ๋นเยียน
ในตอนนี้เอง ศิษย์ของสำนักอวิ๋นเยียนได้ต้อนรับแขกคนพิเศษสี่คน
คนแรกนั้นคือชายชุดขาวผู้มีใบหน้าที่ซ่อนเร้น แต่มีนิสัยที่อ่อนโยน
คนที่สองเป็นชายชุดขาวราวหิมะ หน้าตามีเสน่ห์น่าหลงใหลดุจดั่งปีศาจหิมะ
คนที่สามเป็นหญิงสาวดูหรูหราและสง่าในชุดสีม่วง
และคนที่พิเศษที่สุดก็คือชายผู้นั่งบนรถเข็นผู้นั้น เขาดูอ่อนโยนราวหยกซึ่งดูไม่เหมือนมนุษย์ทั่วไป
“ผู้นำตระกูลมู่ มู่อวู่ซวง องค์รัชทายาทเซี่ย หัวหน้าน่าหลาน! ”
มู่เฉียนซีและพวกเขาไม่ต้องยื่นจดหมายคำเชิญ ศิษย์ของสำนักอวิ๋นเยียนก็เดาออกถึงสถานะของพวกเขาว่าพวกเขาเป็นใคร นึกไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะกล้ามาจริง ๆ
มู่เฉียนซี “ใช่ พวกข้าเอง นำทางไปเถอะ! ”
ครั้นแล้วพวกเขาก็เดินตามศิษย์ของสำนักอวิ๋นเยียนขึ้นเขาไปอย่างไม่รีบร้อน หลังจากที่เดินไปได้ไกลระยะหนึ่งก็เห็นเทือกเขาที่สูงตระหง่านที่ซ่อนอยู่ในเมฆหมอก
ในฐานะที่สำนักอวิ๋นเยียนเป็นสำนักนิกายระดับหนึ่ง อยู่ในเซี่ยโจวมาเป็นเวลานับพันปีแล้ว พื้นหลังในพันปีที่ผ่านมานั้นไม่อาจดูแคลนได้
ยิ่งเข้าใกล้สำนักอวิ๋นเยียน ก็ได้เห็นสำนักอวิ๋นเยียนเปรียบเสมือนดินแดนสวรรค์ที่ถูกย้อมเป็นสีสันละลานตาแห่งการเฉลิมฉลอง
เพื่อเป็นการฉลองให้กับอวิ๋นเฟิ้ง สำนักอวิ๋นเยียนก็เปลี่ยนไปจากปกติ ไม่เพียงแต่จัดงานเฉลิมฉลองวันเกิดอย่างฟุ่มเฟือย แต่ยังตกแต่งสำนักอวิ๋นเยียนได้อย่างงดงามมากอีกด้วย
ตอนนี้แขกเหรื่อก็ได้มาถึงหลายคนแล้ว มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นว่า “ผู้นำตระกูลมู่ มู่เฉียนซี มอบของขวัญชิ้นนี้ให้ หวังว่าคุณหนูใหญ่อวิ๋นจะชอบ”
ทุกคนต่างพากันมองเพื่ออยากจะเห็นว่าผู้นำตระกูลสาวผู้นี้มอบสิ่งใดให้ แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่ามู่เฉียนซีจะหยิบนาฬิกาทรายออกมา
“ตระกูลมู่ ตระกูลอะไรกัน! นี่ตระหนี่ถี่เหนียวมากเกินไปอ่ะ! นึกไม่ถึงเลยว่าจะเอานาฬิกาทรายมาเป็นของขวัญได้! ”
เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวขึ้นด้วยความไม่พอใจว่า “พวกคนโง่ เจ้ารู้ไหมว่านาฬิกาทรายนี่ทำมาจากหินเคลือบแสงจันทราที่มีค่าที่สุด ส่วนทรายนั่นก็เป็นทรายดาราสวรรค์เชียวนะ! ”
คนเหล่านั้นที่กล่าววาจาดูถูกมู่เฉียนซีต่างก็หุบปากนิ่งเงียบไป
สายตาของพวกเขาจ้องมองไปที่มู่เฉียนซี นี่……นี่ช่างมั่งคั่งเกินไปแล้วจริง ๆ!
เม็ดทรายนั่นเพียงแค่เม็ดเดียว ก็เทียบเท่ากับรายได้หนึ่งเดือนของสำนักพวกเขาแล้ว
ทว่า เอาของล้ำค่าเช่นนั้นมาทำเป็นนาฬิกาทราย แล้วมันจะมีประโยชน์อันใดล่ะ? สู้เอายาวิญญาณมาเป็นของขวัญไม่มีประโยชน์กว่าเหรอ!
เจ้าสำนักอวิ๋นเยียนเดินออกมาพลางกล่าวว่า “ผู้นำตระกูลมู่ช่างมีน้ำใจมากที่มอบของขวัญล้ำค่าเช่นนี้ให้”
ทว่า ในขณะที่เจ้าสำนักอวิ๋นเยียนเห็นหน้ามู่เฉียนซีเข้า เขาก็ตกใจผงะไปทันที “เจ้า? ”
.