เพียงแค่รอยขีดข่วนเล็ก ๆ และมีเลือดผุดออกมาเล็กน้อย ไม่ได้โดนจุดสำคัญ สำหรับเขาแล้วไม่ได้มีผลกระทบแต่อย่างใด
ผู้อาวุโสสามคิดในใจว่า ‘การโจมตีของสาวน้อยผู้นี้ช่างอ่อนหัดยิ่งนัก’
หากทุกคนรู้ว่าตอนนี้ผู้อาวุโสสามกำลังคิดเช่นนี้อยู่ พวกเขาคงต้องกลอกตามองบนและพูดว่า ‘เจ้าช่างไร้เดียงสาเกินไปแล้ว’ อย่างแน่นอน
ยาทุกชนิดบนร่างกายของมู่เฉียนซี เกรงว่าล้วนถูกเตรียมมาโดยหมอปีศาจ พิษของหมอปีศาจ ถึงแม้แค่โดนขีดข่วนผิวหนังเล็กน้อย แต่สุดท้ายแล้วก็ทำให้ตายทั้งเป็นอยู่ดี!
“ทักษะเทียนซวน!” โจมตีด้วยเข็มยาเสร็จ มู่เฉียนซีก็บุกโจมตีด้วยทักษะวิญญาณต่อทันที!
เรียกเสี่ยวหงกับอู๋ตี้มาโจมตีเขาอย่างดุเดือด เพื่อให้ตาเฒ่านี้ได้รับความร้ายแรงจากพิษอย่างได้เต็มที่!
ตูม!
คนที่งมโข่ง งุ่มง่ามไม่ทันเหตุการณ์อย่างผู้อาวุโสสามไม่รู้เลยว่าจุดจบของตัวเองกำลังจะมาถึงแล้ว
ปัง! ปัง! ปัง!
มู่เฉียนซีอายุยังน้อย มียาวิญญาณเพียงพอ ดูเหมือนว่ามีพลังวิญญาณมากมายใช้อย่างไรก็ไม่มีวันหมดสิ้น และยังมีกำลังในการต่อสู้อย่างไม่รู้จักเหนื่อยล้า!
ตอนนี้ผู้อาวุโสสามรู้สึกว่ากระดูกของตัวเองเจ็บปวดทรมานมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นเขาจึงวางเดิมพันสุดตัว งัดอาวุธสังหารของตัวเองออกมาใช้!
“เมฆาสะท้านฟ้า!” เสียงคำรามดังก้องขึ้น พลังวิญญาณของผู้อาวุโสสามหลั่งไหลออกมาอย่างบ้าคลั่ง เมฆขาวโพลนบนท้องฟ้าพลันเปลี่ยนเป็นสีเทาขุ่นมัว อากาศบริเวณรอบ ๆ มู่เฉียนซีก็ดูเหมือนจะแข็งตัวลง!
ฟึ่บ!
เงาร่างอันทรงพลังของเขาดูเหมือนกับสายฟ้าก็มิปาน!
ปัง! ปัง! ปัง!
เขาฝ่าแนวป้องกันของอู๋ตี้กับเสี่ยวหงไปและเข้าหามู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีเป็นเจ้านายของสัตว์สองตัวนั้น หากฆ่านางได้ สัตว์สองตัวนั่นก็เป็นอันจบสิ้น ผู้อาวุโสสามจึงมุ่งเป้าไปที่มู่เฉียนซีโดยตรง
ในขณะที่กลิ่นอายแห่งการทำลายล้างนั้นกำลังจะกลืนกินมู่เฉียนซี จู่ ๆ ผู้อาวุโสสามก็รู้สึกว่าพลังวิญญาณในร่างกายของตัวเองนั้นเริ่มพลุ่งพล่านและยุ่งเหยิงอย่างไม่เป็นระเบียบ
นี่มันเกิดอะไรขึ้น ? ดวงตาเขาเบิกโพลงขึ้นทันที
มุมปากมู่เฉียนซีค่อย ๆ ยกยิ้มขึ้น ร่างกายของมหาจักรพรรดิแห่งภูตนั้นแข็งแกร่งกว่าผู้อื่นมากจริง ๆ พิษของนางจึงออกฤทธิ์ช้ากว่าที่นางคิดไว้ แต่หากไม่ใช่เป็นเพราะตาเฒ่านี่ทุ่มสุดตัว เอาพลังวิญญาณทั้งหมดที่มีอยู่ออกมาใช้แล้วล่ะก็ พิษของนางก็คงไม่ออกฤทธิ์เร็วถึงเพียงนี้
พลังวิญญาณทั้งหมดถูกเอาออกมาใช้ในกระบวนท่าเมฆาสะท้านฟ้า พลังวิญญาณในร่างกายเขาตอนนี้จึงไม่สามารถปกป้องตัวเองและไม่สามารถยับยั้งการลุกลามของพิษได้ ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าผู้อาวุโสสามจะต้องเจอกับสิ่งใด
โชคร้ายอย่างมหันต์!
เงาร่างสีม่วงของมู่เฉียนซีเคลื่อนไหวออกห่างจากตาเฒ่าผู้นี้ก่อน และทันทีที่มู่เฉียนซีถอยห่าง ผู้อาวุโสสามก็กระอักเลือดออกมาอย่างบ้าคลั่ง พุ่งออกมาราวกับน้ำพุก็มิปาน
พรวด! พรวด! พรวด!
อ๊าก!
ผู้อาวุโสสามกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดทรมานอย่างน่าสังเวช และร่างก็ล้มลงไปกระแทกกับพื้น
ตุบ!
เขาไม่สามารถควบคุมพลังวิญญาณของตัวเองได้ ทำได้เพียงแค่เบิกตากว้างจ้องมองพลังวิญญาณในร่างตัวเองพลุ่งพล่านไปอย่างผิดแปลก
ต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตเช่นนี้ ยาพิษที่สามารถคร่าชีวิตเขาได้ทันทีนั้นอาจจะใช้ได้ไม่เห็นผลนัก แต่การทำให้พลังวิญญาณของเขายุ่งเหยิงไม่เป็นท่านั้น มันสร้างความเสียหายให้เขาเป็นอย่างมาก!
“เจ้า นี่เจ้าวางยาพิษข้าตั้งแต่เมื่อไหร่” ผู้อาวุโสสามจ้องเขม็งไปที่มู่เฉียนซี
ทุกคนต่างก็จนปัญญากับผู้อาวุโสสามจริง ๆ! หากใครตาไม่บอดก็จะรู้ว่านางวางพิษเขาเมื่อไหร่ จะทำยังไงได้ในเมื่อตาเฒ่านี่ไม่ได้สนใจมันตั้งแต่แรก ก็ต้องเสียเปรียบเช่นนี้หล่ะ!
การต่อสู้กับมู่เฉียนซีนั้น ไม่เพียงแต่ต้องให้ความสนใจกับการโจมตีอันทรงพลังของนาง ทว่า ต้องคำนึงถึงพิษของนางด้วย! มิเช่นนั้นแล้วก็จะเจอกับโศกนาฏกรรมเช่นเดียวกับผู้อาวุโสสาม ตายเพราะเหตุใดก็ไม่รู้ตัวเองเลย
หลังจากที่พลังวิญญาณของผู้อาวุโสสามได้สลายหายไป ตอนนี้เขาก็เปรียบดั่งสวะไร้ประโยชน์คนหนึ่ง ไม่สามารถคุกคามมู่เฉียนซีได้อีกต่อไป
และตอนนี้ผลของยาฟ้าดินซวนหวงก็ได้หมดไป ระดับพลังวิญญาณของมู่เฉียนซีก็เริ่มฟื้นตัวกลับมาเป็นเช่นเดิม หลังจากที่พลังของนางได้ฟื้นตัวกลับมาเป็นราชาแห่งภูตระดับเก้า ผลข้างเคียงจากยาฟ้าดินซวนหวงก็เริ่มทำงาน พลังของนางลดลงไปหนึ่งระดับ กลายเป็นราชาแห่งภูตระดับแปด!
ทุกคนมองไปที่มู่เฉียนซีด้วยความประหลาดใจอย่างยิ่ง “หรือว่าการบีบบังคับเพิ่มพลังวิญญาณครั้งที่สองของผู้นำตระกูลมู่ มีผลกระทบทำให้พลังวิญญาณลดลงไปแค่หนึ่งระดับเท่านั้นเหรอ!”
“ลดลงแค่ระดับเดียว แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อรากฐานของพลังวิญญาณ เพื่อให้มีพลังขั้นจักรพรรดิระดับสูงสุด พลิกความพ่ายแพ้ให้เป็นชัยชนะได้ ช่างเป็นความคิดที่เยี่ยมยอดยิ่งนัก! หากเป็นข้า ข้าก็ทำเช่นนั้นโดยไม่ลังเลเช่นกัน!”
“หมอปีศาจเป็นอัจฉริยะนักการปรุงยาที่น่าทึ่งจริง ๆ ไม่คิดเลยว่าจะปรุงยาวิญญาณเช่นนี้ออกมาได้ ไม่รู้ว่าที่หอหมอปีศาจมียาวิญญาณนี้ขายอยู่อีกหรือไม่ ข้าจะไปซื้อมันมา!”
“จะไปซื้อได้อย่างไร สำนักเจ้าไม่ได้มีเงินมากนัก เจ้าคิดว่าจะมีปัญญาซื้อเหรอ ?”
“พูดอย่างกับว่าเจ้าจะมีปัญญาซื้อ”
ยาฟ้าดินซวนหวง มู่เฉียนซีก็มีไม่มากแล้ว และเป็นไปไม่ได้เลยที่นางจะเอามาวางขาย เว้นเสียจากว่า นางมีสมุนไพรวิญญาณจำนวนมากอยู่ในมือที่จะปรุงยาฟ้าดินซวนหวงได้
ถึงแม้ว่าตอนนี้นางจะเป็นเพียงราชาแห่งภูต แต่การที่จะจัดการกับไก่แก่อย่างผู้อาวุโสสามก็นับว่าเป็นเรื่องที่ง่ายดายยิ่งนัก เพราะตอนนี้ผู้อาวุโสสามก็เปรียบดั่งปลาตัวหนึ่งที่นอนอยู่บนเขียง จะกดขี่รุกรานเช่นไรก็ย่อมได้ แม้แต่จอมภูตธรรมดาก็สามารถจัดการกับเขาได้อย่างง่ายดาย
มู่เฉียนซีค่อย ๆ ย่างเท้าก้าวเดินไปที่ผู้อาวุโสสามอย่างเชื่องช้า และกล่าวว่า “เจ้าแปลกใจใช่หรือไม่ ว่าถูกวางยาพิษได้ยังไง ?”
ในชั่วพริบตา มู่เฉียนซีก็เอาเข็มยาขนาดเท่าหัวแม่มือออกมา
“นี่ นี่มันมีพิษจริง ๆ ด้วย!”
“แต่ หากข้าโดนพิษจริง ๆ แล้วทำไมข้าถึงไม่รู้!”
มู่เฉียนซีกล่าว “ถ้าหากข้าวางยาพิษแล้วเจ้าสังเกตเห็น หอหมอปีศาจก็คงไม่มีหน้าที่จะเปิดในเซี่ยโจวต่อไปแล้วหล่ะ”
“ยาพิษเข็มแรก ทำให้พลังวิญญาณของเจ้าคลุ้มคลั่ง ส่วนเข็มนี้ ทำให้เจ้าบ้าคลั่ง เป็นไง ?”
เมื่อมองไปที่เข็มยาเย็นยะเยือกนั้น ผู้อาวุโสสามก็หวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง!
เขาตะโกนขึ้นว่า “พี่ใหญ่! พี่รอง ช่วยข้าด้วย! ข้ายังไม่อยากตาย!”
“น้องสาม!”
ผู้อาวุโสทั้งสองไม่นึกไม่ฝันเลยว่าน้องสามของพวกเขาจะถูกเด็กสาวอายุสิบกว่าปีจัดการได้เช่นนี้ ทันทีที่พวกเขาหันมามอง ก็พบว่าสถานการณ์นั้นเลวร้ายกว่าที่เขาคิดไว้มาก!
“นังเด็กบ้า เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
“นังเด็กบ้า เจ้ากล้าก็ลองสิ!”
ตูม!
พวกเขาตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยว ไม่เพียงแต่ยังไม่ได้เข้าไปขัดขวางให้มู่เฉียนซีหยุด แต่กลับโดนมู่อวู่ซวงและเชียนอ้าวเซี่ยโจมตีเสียก่อน
มู่อวู่ซวงกล่าวเสียงขรึมว่า “คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้า อย่าได้ตะโกนเสียงดังทำให้ซีเอ๋อร์หลานสาวข้าตกใจ!”
เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวเสริมว่า “ท่านอาพูดถูก พวกเจ้า ตาเฒ่าทั้งสองคนอย่าได้ตะโกนเสียงดังไป หากเสียงของพวกเจ้าไปทำร้ายหูของเสี่ยวซีเอ๋อร์แล้วล่ะก็ข้าไม่ยอมแน่!”
“หุบปาก!” ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้แล้ว เชียนอ้าวเซี่ยยังจะยั่วโมโหมู่อวู่ซวงอีก!
ถึงแม้ว่าตอนนี้มู่อวู่ซวงจะไม่ได้ลงมือกับเชียนอ้าวเซี่ย ทว่า พลังของเขาที่แผ่ซ่านไปที่ผู้อาวุโสรองก็ยิ่งน่ากลัวมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้แผ่นหลังของผู้อาวุโสเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็น!
เขารู้สึกว่าชายผู้นี้ไร้ขีดจำกัดเสียจริง ยิ่งต่อสู้ เขาก็ยิ่งพบว่าตัวเองหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น
หากไม่ใช่เพราะพวกเขาสบประมาทต่อสำนักอวิ๋นเยียน และคิดจะทำลายล้างสำนักอวิ๋นเยียนแล้วล่ะก็ เขาไม่ยอมเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้เช่นนี้อย่างแน่นอน! ถึงแม้ว่าชายตรงหน้าจะเป็นเพียงแค่จักรพรรดิระดับสูงสุด ทว่า พลังของเขานั้นยังน่ากลัวเสียกว่ามหาจักรพรรดิมาก
.