สิ่งที่เจ้าเลือก ก็คือสิ่งที่ข้าเลือก!
ถึงแม้ว่าน้ำเสียงจะฟังดูกระด้างไปสักหน่อย แต่กลับทำให้หัวใจของมู่เฉียนซีรู้สึกอบอุ่น
ได้รับความไว้วางใจอย่างทุ่มเทสุดหัวใจ อีกทั้งคนผู้นั้นยังเป็นผู้ที่แข็งแกร่งอย่างไร้ที่เปรียบเช่นนี้ ก้นบึ้งในหัวใจของนางจึงรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย!
เมื่อพวกเขาเดินขึ้นไปบนบันไดสีแดงก็ได้เห็นกระจกนับไม่ถ้วนอยู่บริเวณรอบ ๆ
“มาผิดทางแล้ว นี่ไม่ใช่ชั้นกลาง” มู่เฉียนซีกวาดสายตามองไปรอบ ๆ พลางกล่าว
“ซี มาถูกแล้ว!” จิ่วเยี่ยยืนยันกับมู่เฉียนซี
มาถูกแล้ว เช่นนั้นที่นี่ก็เป็นสิ่งกีดขวางที่กลไกวิญญาณได้สร้างขึ้นมานะสิ
มุมปากของกลไกวิญญาณยกขึ้นเล็กน้อย “เพียงแค่ครั้งเดียวพวกเจ้าก็หาบันไดทางขึ้นเจอ มันง่ายเกินไป ข้าก็เลยเพิ่มความยากให้พวกเจ้าสักหน่อยสิถึงจะถูก!”
กระจกนับไม่ถ้วนตอนนี้ได้ประกอบขึ้นกลายเป็นเขาวงกตก็มิปาน
เดิมทีตอนแรกนั้นนางมองเห็นแค่ตัวเองในกระจก ทว่า ตอนนี้นางกลับเห็นตัวเองในชาติปางก่อน……
ใบหน้าดูเปราะบางราวกับตุ๊กตาเคลือบกระเบื้อง ทำให้มู่เฉียนซีมองด้วยอารมณ์ที่ชื่นชอบ นานมากแล้วที่ไม่ได้เห็นตัวเองเช่นนี้ นับว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีอย่างหนึ่ง!
จิ่วเยี่ยคงจะไม่เห็นหรอกกระมัง!
มู่เฉียนซีหันหลังกลับมา ตอนนี้เห็นจิ่วเยี่ยจ้องไปที่กระจกอีกบาน เมื่อนางมองไปที่กระจกบานนั้นก็ได้เห็นกับแผ่นหลังที่เล็กและบอบบางร่างหนึ่ง!
ผมยาวสีฟ้าอ่อนดุจดั่งสาหร่ายทะเล ยาวจรดลงมาถึงข้อเท้า!
ร่างสีฟ้านั้นกลายเป็นร่างที่เลือนราง และเคลื่อนไหวไปมาอยู่ในกระจก งดงามดุจดั่งนางฟ้า ต่อให้วิ่งไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังนุ่มนวลอ่อนโยนดุจดั่งกระแสน้ำ
หญิงสาวผู้นี้ เป็นใครกัน ?
เป็นภาพมายา หรือว่า……
จิ่วเยี่ยเดินมาข้างกายมู่เฉียนซี “ซี ระวังตัวเองด้วย!”
มู่เฉียนซีเบิกตากว้างและกล่าวว่า “หญิงสาวผู้นั้น คือคนที่เจ้าตามหา ?”
“อืม!”
“งั้นเจ้าก็รีบตามไปสิ ด่านการทดสอบชั้นที่เจ็ดของหอเทพข้าก็ไปคนเดียว ครั้งนี้ ไม่มีปัญหาแน่นอน”
“ไม่รู้ว่าอาถิงจะตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ ก่อนที่หอฉงโหลวจะจากไปหากเขายังไม่ตื่นขึ้นมา ทุกอย่างที่เจ้าทำมาอย่างหนักหน่วงมันก็จะสูญเปล่า ตอนนี้เจ้าเจอแล้ว ไม่ว่าจะใช่หรือไม่ก็ต้องไปดูให้เห็นกับตา”
ดูเหมือนว่ามู่เฉียนซีจะไม่รั้งเขาเอาไว้เลย ทำให้ใบหน้าของจิ่วเยี่ยตอนนี้ดูเคร่งขรึมลง “ซีไม่อยากให้ข้าอยู่ด้วย!”
มู่เฉียนซีกล่าว “การที่เจ้าได้เจอกับคนที่เจ้ากำลังตามหา ต่อไปจะได้รักษาเจ้าอย่างสบายใจ เจ้าจะได้ไม่ต้องวิ่งไปนู้นทีวิ่งไปนี่ที!”
ก็จริง ได้เจอนางแล้ว เขาก็จะได้มีเวลาอยู่กับซีตลอดเวลา
ร่างในชุดดำขลับก็ค่อย ๆ เลือนราง และได้อันตรธานหายไปต่อหน้ามู่เฉียนซี
เมื่อเห็นร่างของจิ่วเยี่ยค่อย ๆ อันตรธานไปเช่นนี้มู่เฉียนซีก็รู้สึกรู้สึกงงงันเล็กน้อย จิ่วเยี่ยไปดื้อ ๆ เช่นนี้เลยเหรอ ? หญิงสาวผู้นั้นคงจะสำคัญกับเขามากสินะ!
เพียงแค่แผ่นหลังและความนุ่มนวลอ่อนโยนนั้น สามารถทำให้ใกล้ชิดถึงก้นบึ้งหัวใจได้!
“ฮี่ฮี่ฮี่! เจ้ารักชายผู้นั้นเข้าแล้ว ก็ใช่นะสิ! ชายผู้ที่แข็งแกร่งรูปร่างหน้าตางดงามเป็นหนึ่งไม่เป็นสองรองใครเช่นนี้ เกรงว่าจะมีแค่คนนี้คนเดียว” ใบหน้าของเด็กที่งดงามประณีตเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา
มู่เฉียนซีกลอกตามองบน ก่อนจะกล่าวว่า “กลไกวิญญาณ เจ้าใช้ใบหน้าเมื่อก่อนของข้ามาพูดกับข้าเช่นนี้ ข้ารู้สึกประหลาดมาก เจ้ารีบเปลี่ยนกลับเดี๋ยวนี้เลย!”
“นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าเจ้าจะมีความทรงจำเกี่ยวกับชาติปางก่อน!” กลไกวิญญาณยิ้มพลางกล่าว
“ทำยังไงถึงจะออกจากตรงนี้ได้บอกมา อย่าได้พูดจาไร้สาระอีกเชียวนะ!” มู่เฉียนซีไม่มีความอดทนที่จะเล่นตลกกับเจ้านี่!
“อันนี้ก็ขึ้นอยู่ที่ใจของเจ้าเองแล้วหล่ะ!”
กระจกที่อยู่ตรงหน้าเปลี่ยนเป็นผลึกแก้วใสภายในชั่วพริบตา และร่างร่างหนึ่งก็ไหลออกมาจากผลึกแก้วใสนั้น!
ร่างนั้นก็ยังคงเป็นร่างของนางในชาติปางก่อน
“เจ้าก็คือข้า ข้าก็คือเจ้า เราคือคนคนเดียวกัน เพราะฉะนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องปิดบัง เจ้ารักจิ่วเยี่ยเข้าแล้ว ใช่หรือไม่ ?”
นี่ไม่ใช่กลไกวิญญาณ ทว่า นางเองจริง ๆ
“ใช่แล้วยังไง ไม่ใช่แล้วจะยังไง ?” ท่าทีของมู่เฉียนซีดูไร้กังวลมาก
หากตามหัวใจและความรู้สึกของตัวเอง จำต้องยอมรับว่าจิ่วเยี่ยนั้นมีแรงดึงดูดต่อชีวิตนางมาก ความตามใจปล่อยให้นางทำความผิดโดยไม่ขัดขวางของเขา การปกป้องของเขา ทำให้นางหลงใหลไปโดยที่ไม่รู้ตัว และนี่คือกับดักที่ไม่อาจจะหนีพ้นได้
“จะยังไงงั้นรึ ? เหอะเหอะเหอะ! เจ้าคงจะไม่ลืมมันไปหรอกกระมัง! คงไม่ลืมหรอก!”
ด้านหน้าเต็มไปด้วยสีเลือด และแปดเปื้อนแดงฉานไปทั่วทั้งห้อง
มู่เฉียนซีจำได้เลือนราง ในความทรงจำมีเสียงที่อ่อนโยนเสียงหนึ่งได้พูดกับนางว่า “ซีเอ๋อร์ ผู้ชายก็เปรียบดั่งสายลม ต่อให้จะจับเอาไว้แน่น แต่ทันทีที่เวลาผ่านไปมันก็จะหายไปตามกาลเวลา หากตอนนี้เจ้ารักมากจนถึงขั้นที่ขาดเขาไม่ได้ ชีวิตหลังจากนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับอยู่ในนรก!”
“ข้าผ่านวันคืนอันเลวร้ายนี้มามากพอแล้ว เจ้าอย่าเด็ดขาด อย่าเป็นเหมือนข้า”
ดวงตาดำขลับคู่นั้นจ้องมองไปที่มู่เฉียนซี “เพราะฉะนั้น เจ้าก็ต้องใช้ชีวิตให้เหมือนลมไม่ใช่เหรอ ? อย่าหยุดเพื่อใคร ต่อให้คนคนนั้นจะเป็นจิ่วเยี่ยก็ตาม”
“นี่เจ้าพูดจบรึยัง ?” มู่เฉียนซีขมวดคิ้วถาม
“เจ้าเปลี่ยนไปมาก!” ร่างที่อยู่ในผลึกแก้วใสนั้นยิ้มอย่างใคร่ครวญ
“โลกใบนี้เปลี่ยนแปลงเจ้า หรือว่าคนบนโลกนี้ ที่เปลี่ยนแปลงเจ้า”
“เจ้ารู้ดีอยู่แก่ใจ”
“ใช่สิ!”
“ข้ารู้ตัวเองดี เจ้าไสหัวไปได้แล้ว”
“ลาก่อน! ข้าในอนาคต!” คนผู้นั้นโบกมือให้มู่เฉียนซี และผลึกแก้วใสตรงหน้าก็ได้เปลี่ยนดวงดาราดวงน้อย ๆ ทันที
กลไกวิญญาณกล่าวด้วยน้ำเสียงที่น่ารักว่า “เฮ้อ! ช่างเป็นหญิงสาวที่เลือดเย็นจริง ๆ! หากชายผู้นั้นรู้เข้าคงจะโกรธจนต้องฆ่าเจ้าแน่”
ใบหน้าของมู่เฉียนซีขรึมลง “กลไกวิญญาณ นี่เจ้าแอบดูความทรงจำของข้า!”
“ข้าไม่ได้ทำเรื่องไร้ศีลธรรมเช่นนั้นสักหน่อย! แค่ดูท่าทางการแสดงออกของเจ้าข้าก็รู้แล้ว! เผชิญหน้ากับชายผู้งดงามและแข็งแกร่งเช่นนั้น ยังสามารถควบคุมความรู้สึกของตัวเองไว้ได้ เจ้าใจแข็งยิ่งนัก”
“แล้วด่านนี้มันคืออะไรกันแน่ ?”
“ความท้าทายพิเศษในการเข้าสู่ชั้นที่สอง เป็นเพราะผู้ที่เข้ามานั้นเป็นคู่ชายหญิง จะไม่ทดสอบความรู้สึกสักหน่อยรึ!”
“เจ้าไม่มีความอาลัยอาวรณ์ ไม่มีมารในใจ แต่เจ้าไม่มีความเชื่อมั่นให้กับชายคนที่เจ้าสนใจ หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ เจ้าไม่เชื่อมั่นในความรู้สึกของชายผู้นั้น”
“เจ้าพูดมากเกินไปแล้ว!” มู่เฉียนซีรู้สึกว่าเจ้านี่เสียงดังเอะอะโวยวายเกินไปแล้ว
“ฮือ ฮือ ฮือ! ข้าก็แค่รู้สึกว่าคนผู้นั้นน่าสงสารเกินไป เจ้ารู้หรือไม่ว่าอีกฝ่ายเขาเลือกสิ่งใด ?”
“ไม่รู้”
กลไกวิญญาณยังคงพัวพันกับมู่เฉียนซีไม่เลิก “แล้วเจ้าอยากรู้หรือไม่ ?”
“รู้หรือไม่รู้แล้วจะยังไง ?”
มู่เฉียนซีก้าวขึ้นไปบนชั้นสอง กลไกวิญญาณแบะปากก่อนจะกล่าวว่า “เจ้าอย่าเย็นชานักสิ! ตอนที่เจ้าอยู่กับชายผู้งดงามผู้นั้นแล้วน่ารักกว่านี้เยอะเลย แต่น่าเสียดายที่เจ้าไม่ยอมรับความรู้สึกตัวเอง!”
“ใครบอกว่าข้าไม่ยอมรับ ข้า……”
“อ๊า! ” มู่เฉียนซีกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นเสียก่อน
มู่เฉียนซีเดินไป ตัวเองตัดสินใจอย่างไรตัวเองรู้อยู่แก่ใจก็พอแล้ว เกือบจะหลงกลกลไกวิญญาณนี่เข้าแล้ว
“เฮ้อ! ไม่ง่ายเลยกว่าข้าจะได้สอดแนมสักครั้ง ไม่ตอบสนองความอยากรู้ให้ข้าสักนิด!” กลไกวิญญาณบ่นอย่างหงุดหงิดใจ
ที่นี่เป็นชั้นกลาง เมื่อเทียบกับชั้นแรกแล้วนั่นคือดินแดนมหัศจรรย์ ทว่า ที่แห่งนี้เปรียบเสมือนป่าดงพงไพร มู่เฉียนซีพบเจ้าของเสียงกรีดร้องของคนผู้นั้นแล้ว และได้เห็นกับกลุ่มคนของหุบเขาหมอเทวดากำลังจะลงมือฆ่าใครบางคนอยู่!