ในตอนนี้เป็นเวลาสำคัญที่สุดในการปรุงยาของมู่เฉียนซี จะให้กุ่ยมู่จับเอาตัวไปไม่ได้
“อู๋ตี้ผู้ไร้เทียมทานในใต้หล้า มาแล้ว! เจ้าอย่าได้คิดว่าจะสามารถมารบกวนนายท่านของข้าในตอนนี้ได้” อู๋ตี้ได้กลายร่างเป็นแมวร่างยักษ์ตัวหนึ่งที่ให้ความรู้สึกสูงตระหง่านราวกับกำแพงเหล็กก็มิปาน มันยืนขวางอยู่ตรงหน้ามู่เฉียนซีเอาไว้
— ปึก! —
แต่กิ่งไม้ที่แหลมคมนั้นได้ตกลงมาบนร่างของมัน และทำให้หนังของมันเปิดจนเห็นเนื้อได้อย่างชัดเจน
— ติ๋ง! ติ๋ง! —
ขนสีขาวราวหิมะของมันก็ได้เปลี่ยนเป็นสีแดงเลือดและมีเลือดหยดทันที ทว่าถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ มันก็ยังคงยืนกรานอยู่เช่นเดิม “น่ารังเกียจนัก หากมิใช่เพราะพลังของข้าในตอนนี้มีไม่พอละก็ ไม่มีทางที่จะถูกกิ่งไม้เล็ก ๆ ทำบาดเจ็บเอาเช่นนี้ได้” “เพลิงเผาสวรรค์!” เสี่ยวหงเองก็ไม่ได้นิ่งดูดาย มันตะเบ็งเสียงออกมา
พวกมันทั้งสองต้องช่วยกันยื้อเวลาให้แก่ผู้เป็นนาย ให้นางหลอมยาแก้พิษนั้นออกมาได้สำเร็จ
— ปั้ก! ปั้ก! ปั้ก! —
ทว่าแม้อู๋ตี้และเสี่ยวหงจะสู้อย่างสุดกำลัง แต่ก็ไม่สามารถป้องกันมู่เฉียนซีเอาไว้ได้ ทันใดนั้นพวกมันพลาดท่าเสียที ร่างของเสี่ยวหงและอู๋ตี้ถูกกุ่ยมู่ซัดกระเด็นออกไป เงาร่างสีฟ้าเงาหนึ่งวาบเข้ามา อาถิงยืนกันเอาไว้ที่ด้านหน้าของมู่เฉียนซีและบ่นพึมพำ “หญิงโง่! เจ้าต้องรีบแล้ว ข้ายื้อเอาไว้ได้อีกไม่นานนัก”
“เวลาย้อนกลับ!”
แสงสีเขียวอ่อนยับยั้งกิ่งไม้ของกุ่ยมู่เอาไว้ทุกกิ่งก้าน พลังทั้งร่างของเขากำลังอ่อนลงเรื่อย ๆ
“หยุดเวลา!”
กฎแห่งกาลเวลา เมื่ออยู่ในมือของอาถิงแล้ว มันก็เหมือนดั่งของเล่นที่สามารถจะควบคุมเช่นไรก็ได้ แต่ทว่านั่นก็ต้องดูที่พลังของเขาเป็นหลัก หากพลังของเขาฟื้นฟูขึ้นมาแค่เพียงเล็กน้อย นั่นก็จะไม่สามารถควบคุมได้เป็นเวลานานเท่าไรนัก
หยุดเวลาเอาไว้!
— ฉึ่บ! —
อาถิงตัดกิ่งก้านสาขาของกุ่ยมู่อย่างรวดเร็ว ทว่ามันยังไม่เพียงพอ …หัวใจของเจ้าบ้านี่อยู่ที่ไหนกันแน่ ? มันเป็นพืช ตราบใดที่ไม่ได้ทำลายชีพจรที่แท้จริงของมัน มันก็ไม่อาจที่จะตายได้ — ตูม! —
ยังไม่ทันที่อาถิงจะหาจุดสำคัญของกุ่ยมู่เจอ กุ่ยมู่ก็ได้ฟื้นคืนสภาพขึ้นมาแล้ว
เมื่อต้องเผชิญกับการโจมตีจากกิ่งไม้จำนวนนับไม้ถ้วน อาถิงเร่งหลบหลีกอย่างรีบร้อน พลังแห่งกาลเวลากลายเป็นสิ่งกีดขวางร่างกายของกุ่ยมู่ไว้อีกครั้งหนึ่ง
“น่ารำคาญนัก ไปตายซะ!”
— ครืน! —
ทุกครั้งที่ใช้พลังแห่งกาลเวลาไป สีหน้าของอาถิงจะซีดเผือดลงและเหงื่อหยดเล็กละเอียดก็ผุดขึ้นบนหน้าผาก ให้ตาย! เขายื้อต่อไปได้อีกไม่นานแล้ว
— ตูม! —
ทางฝั่งของจิ่วเยี่ยก็เช่นกัน เวลานี้รอยเส้นสีดำอย่างที่เคยเป็นนั้นได้เริ่มปรากฏขึ้นมาบนข้อมือของเขาแล้ว
“หึ ๆ ๆ ท่านจิ่วเยี่ยก็ไม่ได้เท่าไรนี่”
ผู้ที่อยู่ตรงหน้าจิ่วเยี่ยหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา สิ้นเสียงดูแคลนนั้น กระบี่ดำสนิททอประกายออกมาวาบหนึ่งซึ่งน่ากลัวขนานหนักจนคนผู้นั้นหัวเราะไม่ออก
— พรวด! — “วันนี้หากสามารถลากท่านจิ่วเยี่ยตายตามไปด้วยได้ ชีวิตนี้ของพวกเราก็ไม่สูญเปล่าแล้ว”
ยิ่งพลังในการต่อสู้ของจิ่วเยี่ยแข็งแกร่งมากเท่าไร คนพวกนั้นก็ยิ่งทวีความบ้าคลั่งมากขึ้นเท่านั้น พวกเขาได้ตัดสินใจกันอย่างเด็ดเดี่ยวแล้วว่าจะลากจิ่วเยี่ยให้ตายตกไปตามกัน
ทันใดนั้น กลิ่นหอมลอยออกมา มันแผ่ขจรขจายไปทั่วทั้งสนามรบนั้นที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด หญิงสาวในชุดสีม่วงผู้สง่างามเป็นที่สุดยืนอยู่ที่ด้านหน้าหม้อปรุงยาโบราณ
กลิ่นอายที่เข้มข้นของเลือดที่ลอยอยู่นั้น ผสมรวมเข้ากับกลิ่นยาแห่งวิญญาณ ทุกผู้คนที่ได้มองรู้สึกประหนึ่งเหมือนสตรีเทพลงมาเยือนบนโลกมนุษย์ก็มิปาน
ภาพฉากนั้นทำให้ทุกคนที่อยู่ในที่แห่งนั้นล้วนตะลึงงัน รวมถึงกุ่ยมู่ จิ่วเยี่ย และเหล่าศัตรูคู่แค้นเหล่านั้นด้วย
อายุน้อยเพียงเท่านั้นแต่กลับมีพรสวรรค์ในการปรุงยามากถึงเพียงนี้ ช่างเป็นสิ่งที่พบหาได้ยากยิ่งนัก
พวกคนแปลกระหลาดพวกนั้น ดึงเอาสายตาของตนเองกลับมา ถึงแม้ว่าความสามารถในการปรุงยาของเด็กสาวผู้นั้นจะเป็นเลิศ แต่การจัดการจิ่วเยี่ยให้ได้ถึงจะเป็นการสร้างความดีความชอบครั้งใหญ่
กุ่ยมู่หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง “ฮ่า ๆ ๆ สาวน้อยผู้นี้นางน่าสนใจอยู่เหมือนกัน รอให้ข้าได้เมล็ดพันธุ์แห่งชีวิตมาก่อนเถอะ ข้าอาจจะไว้ชีวิตเจ้าก็ได้” อาถิงแค่นเสียงเย็นชาทันที “เจ้าระวังตัวเอาไว้บ้าง ระวังชีวิตของตนเองเอาไว้เถอะ! คราวนี้มาดูกันว่าข้านั้นจะขุดเอารากแห่งชีวิตของเจ้าออกมา! …หยุดเวลา!”
เวลาหยุดเดิน ตอนนี้กุ่ยมู่ทำได้เพียงยอมให้อาถิงนั้นฟาดฟันได้ตามใจ!
— ตูม! ตูม! ตูม! —
อาถิงโจมตีหมายจะทำลายกุ่ยมู่อย่างบ้าคลั่ง ทว่าทันใดนั้น เงาสีดำสนิทปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าของอาถิง อาถิงจึงพุ่งเข้าไปจับแก่นของวิญญาณสีดำสนิทนั้นเอาไว้ มุมปากของอาถิงพลันเผยรอยยิ้มเล็ก ๆ “เจ้าเฒ่า ในที่สุดข้าก็หาเจอแล้ว หึ ๆ ๆ ๆ ๆ”
— แกร๊ก! —
ทันทีที่ลงมือ อาถิงก็ได้ทำลายแก่นวิญญาณของกุ่ยมู่ เขาเหลือบมองไปทางด้านของจิ่วเยี่ยที่กำลังต่อสู้กันอยู่ ลมปราณของจิ่วเยี่ยนั้นยิ่งรวนขึ้นเรื่อย ๆ ฝ่ายตรงข้ามคิดที่จะรับมือกับเขานั้นไม่ง่ายดายเลย มันเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายดายเรื่องหนึ่งอย่างแน่นอน!
ทางด้านจิ่วเยี่ยไม่น่าห่วง อาถิงนั้นเป็นกังวลกับมู่เฉียนซีมากกว่า ประเดี๋ยวต่อจากนี้ไป เขาจะต้องกังวลเกี่ยวกับผู้หญิงโง่ผู้นี้มากขึ้นไปอีก หากคำสาปของชายผู้นั้นระเบิดออกมา นั่นมันไม่ใช่เรื่องเล่นเลยแม้แต่น้อย!
อาถิงกำหมัดเอาไว้แน่น ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาใช้พลังที่มีอยู่จนหมดสิ้นไปแล้วและอยากที่จะหลับใหลไปเป็นอย่างมากก็ตาม แต่นี่เป็นเวลาที่เขาไม่สามารถที่จะหลับใหลไปได้อย่างเด็ดขาด
หวงจิ่วเยี่ย… ถึงแม้ว่าคำสาปของเจ้าจะสำแดงฤทธิ์ออกมา ถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่สามารถควบคุมตนเองได้ มู่เฉียนซีหญิงโง่นั่นก็จะไม่ยินยอมปล่อยตน เจ้าไม่สามารถที่จะแตะต้องนางได้แม้เพียงปลายผม ข้าผู้เป็นศาลานิรันดร์จะคอยปกป้องนางเอาไว้อย่างดีเอง
“สำเร็จแล้ว!”
ในที่สุดมู่เฉียนซีก็หลอมยาแก้พิษออกมาได้อย่างสมบูรณ์ นางแบ่งยาเม็ดสีดำและสีขาวแยกกันบรรจุเอาไว้ ยาเม็ดนี้ ครึ่งหนึ่งนั้นหมายถึงหยิน ส่วนอีกครึ่งนั้นหมายถึงหยาง
มู่เฉียนซียิ้ม กล่าวว่า “ท่านอา ยาแก้พิษถูกหลอมปรุงสำเร็จแล้ว พิษที่อยู่ในกายของท่านสามารถที่จะถูกล้างไปให้หมดสิ้นได้ในทันทีเจ้าค่ะ”
ณ ตอนนี้ ร่างกายของมู่อวู่ซวงนั้นอ่อนแอเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นรอยยิ้มมั่นใจบนใบหน้าของมู่เฉียนซีหลานรัก เขาก็ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนเป็นที่สุด “ข้า… ข้ารู้อยู่แล้วว่าซีเอ๋อร์นั้นเก่งที่สุด”
แต่ทว่าในขณะที่เขากล่าวออกมานั้น เลือดสีดำก็ไหลออกมาที่มุมปาก ทำให้มู่เฉียนซีหน้าซีดเผือด นางหยิบยามาแล้วกล่าวขึ้น “ท่านอารีบกินยาเร็วเข้า เร็วเข้าเลยเจ้าค่ะ…” สถานการณ์เช่นนี้ไม่อาจยื้อเวลาต่อไปได้อีกแล้ว แต่ในตอนนี้เอง ก็ได้มีเสียงหัวเราะที่บ้าคลั่งเสียงหนึ่งลอยมา “ฮ่า ๆ ๆ จะให้เขากินยานั่นเข้าไปไม่ได้ อย่าได้ทำให้ข้าเสียเรื่อง”
— ฟิ้ว! —
กิ่งไม้ของกุ่ยมู่พุ่งมาจากทางด้านหลังของพวกเขา
ในตอนที่กุ่ยมู่เข้าไปใกล้มู่อวู่ซวงเพื่อที่จะลากตัวเขาไปนั้น รอบ ๆ ตัวมู่เฉียนซีพลันปรากฏน้ำแข็งก่อตัวขึ้นชั้นหนึ่ง ก่อนที่เงาร่างสีขาวร่างหนึ่งจะพุ่งออกมา ทำให้สีหน้าของมู่เฉียนซีเปลี่ยนไปในทันที
“เชียนอ้าวเซี่ย!” นางเรียกด้วยเสียงอันดัง
เดิมทีเชียนอ้าวเซี่ยนั้นได้รับบาดเจ็บอย่างหนักและไม่สามารถที่จะฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็วเป็นแน่ แต่ว่าในตอนนี้เขา… กุ่ยมู่กล่าว “บัดซบ! เป็นเจ้ากับเจ้าหนูนั่นมาก่อกวนอีกแล้ว คราวนี้ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปอีกแล้ว! …ไปตายซะ!”
— ฉึบ! ฉึบ! ฉึบ! —
พลังแห่งความเยือกแข็งนั้นไม่อาจต้านการโจมตีที่รุนแรงและบ้าคลั่งของกุ่ยมู่ได้เลย
กิ่งไม้นับร้อยกิ่งทิ่มแทงเข้าไปยังร่างของเชียนอ้าวเซี่ย แล้วยังมีกิ่งหนึ่งที่แทงทะลุหัวใจของเขาไป! — ปัง! —
ร่างของเชียนอ้าวเซี่ยเต็มไปด้วยเลือดสีแดงฉาน จากนั้นร่างของเขาก็ได้ถูกกุ่ยมู่สลัดทิ้งไปอย่างไม่ไยดี
เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในชั่วลมหายใจเดียว มู่เฉียนซีไม่ทันที่จะตอบสนองกลับไปได้ทัน แม้ว่าจะเป็นอาถิงก็ยังมิอาจที่จะหยุดยั้งเอาไว้ได้
“เชียนอ้าวเซี่ย!” มู่เฉียนซีร้องตะโกนออกมาดังลั่น
ทว่าในตอนนี้เชียนอ้าวเซี่ยนั้นไม่อาจที่จะตอบรับได้แล้ว ทั่วทั้งร่างกายของนางสั่นสะท้าน อาการบาดเจ็บเช่นนี้ อาการบาดเจ็บเช่นนี้นางนั้นไม่…
เงาร่างสีเขียวเงาหนึ่งพลันพุ่งเข้ามาขวางเอาไว้ที่ด้านหน้าของมู่เฉียนซี อาถิงจ้องกุ่ยมู่ด้วยสายตาที่หงุดหงิดเหลือจะทน
“บัดซบเอ๊ย! เห็น ๆ อยู่ว่าข้าจัดการแก่นวิญญาณของเจ้าไปแล้ว แต่เจ้า…”
.