“เสียแรงเปล่ากับสิ่งไร้ค่า เจ้าคิดว่าข้าจะทำงั้นรึ ?” มู่เฉียนซีเลิกคิ้วพลางกล่าว
“จะเสียแรงเปล่ากับสิ่งไร้ค่าได้ยังไงกันล่ะ! ถึงยังไงหน้าตาข้าก็ดี ความแข็งแกร่งข้าก็มี!” น้ำเสียงของโม่จิ่นโกรธเคืองเล็กน้อย
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าเป็นคนฉลาด เจ้าน่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่าในสายตาข้านั้นเจ้าไม่ได้สำคัญเหมือนสมุนไพรวิญญาณแม้แต่ต้นเดียว เพราะฉะนั้นหยุดพูดจาไร้สาระได้แล้ว”
ผู้ที่เข้ามาในเกาะวิญญาณมรณะจะถูกตีตราเอาไว้ ก็คือจะไม่สามารถออกไปได้ เว้นเสียจากจะทะลวงพลังวิญญาณขั้นมหาจักรพรรดิได้
ทว่า เป็นเพราะเกาะวิญญาณมรณะมีข้อต้องห้ามของตัวมันเอง ผู้ที่ถูกกักขังอยู่ในนี้ จนตายก็มิอาจทะลวงพลังขั้นมหาจักรพรรดิได้ ดังนั้นผู้ที่เข้ามามิอาจออกไปได้
เนื่องจากพลังวิญญาณของตัวเองไม่เพียงพอที่จะทะลวงได้ ก็ไม่รู้ว่าการที่อาศัยพลังภายนอกทะลวงพลังขั้นมหาจักรพรรดินั้นจะนับหรือไม่ ? แสงเย็นวาบผ่านดวงตาของมู่เฉียนซี
โม่จิ่นกล่าว “คำพูดของแม่นางมู่ช่างไร้ความปรานียิ่งนัก ทำร้ายจิตใจกันเกินไปแล้ว!” โม่จิ่นหันไปและเอามือจับไปที่หัวใจที่แตกสลายของเขา
สมุนไพรทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะวิญญาณมรณะถูกมู่เฉียนซีกวาดล้างไปหมดแล้ว โม่จิ่นเป็นผู้ร่วมมือที่ไม่เลวเลย ส่งลูกน้องของเขาไปที่เขตอื่นเพื่อขนย้ายสมุนไพรมาให้กับมู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีกล่าว “ครั้งนี้ ได้ของดีจากเกาะวิญญาณมรณะไม่น้อย งานประชุมการต่อสู้กับสัตว์ร้ายที่เจ้าว่านั่น ข้าจะเข้าร่วม”
โม่จิ่นกล่าวขึ้นอย่างตื่นเต้นว่า “คำพูดนี้เลยที่ข้ารอคอยจากเจ้า! เยี่ยมจริง ๆ”
เกาะวิญญาณมรณะทั้งหมดแบ่งออกเป็นแปดเขตใหญ่ ในทุก ๆ เขตจะมีหัวหน้าทั้งหมดแปดคน โม่จิ่นก็เป็นหนึ่งในนั้น และเขาเป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบในเขตตะวันออกเฉียงเหนือ
ทุกคนมองไปที่หญิงสาวชุดม่วงที่ยืนอยู่ด้านหลังโม่จิ่นต่างก็ดวงตาลุกวาวขึ้น ที่นี่คือคุกแห่งหนึ่ง สาวงามนั้นหาได้ยากนัก มิเช่นนั้นแล้วรูปร่างหน้าตาอย่างเซียวอู่จะกลายเป็นสาวงามอันดับหนึ่งในเกาะวิญญาณมรณะได้อย่างไรกัน
“สาวงาม! หัวหน้าโม่ช่างโชคดียิ่งนัก ไปปล้นสาวงามผู้ไร้ที่เปรียบผู้นี้มาจากไหนกัน”
“หัวหน้าโชคดีจริง ๆ ที่ได้สาวงามเช่นนี้มาครอง!”
“ได้เห็นสาวงามผู้นี้แล้ว กลับไปดูสาวงามเหล่านั้นในจวนข้าแล้วข้าอ้วกขึ้นมาจะทำยังไงเล่า ?”
“เซียวอู่ที่บอกว่าตัวเองเป็นสาวงามอันดับหนึ่ง เมื่อมาเทียบกับสาวงามด้านหลังโม่จิ่นแล้วช่างห่างไกลกันยิ่งนัก”
ท่ามกลางการสนทนาของผู้คน ทันใดนั้นคนอีกกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้น คนแรกที่เข้ามานั้นเป็นชายผู้กล้าอย่างไร้ที่เปรียบวัยสามสิบสี่สิบปี ผิวสีน้ำตาลเข้มเต็มไปด้วยพลังอันแข็งแกร่ง
ข้างกายเขาคือคนผู้หนึ่งในชุดยาวสีดำและคลุมใบหน้าด้วยผ้า ด้วยรูปร่างส่วนเว้าโค้งนั้นทำให้ผู้คนมองออกว่าคนผู้นี้เป็นสตรี นางได้ยินคำพูดของฝูงชนเหล่านี้แล้ว ดวงตาก็ปรากฏร่องรอยความอาฆาตแค้นขึ้น!
“สตรีข้างกายหัวหน้ากู่คงจะไม่ใช่เซียวอู่หรอกกระมัง!”
“วันนี้เซียวอู่เป็นอะไรไป ? ทำไมถึงได้มิดชิดเช่นนี้! คงจะไม่ใช่เพราะรู้มาว่าวันนี้มีสาวสวยมาหรอกกระมัง นางก็เลยไม่มีหน้าที่พบหน้า!”
“……”
คนเหล่านี้ล้วนแต่เป็นผู้ชอบแหกกฎ ดังนั้นคิดอยากจะพูดอะไรก็พูดออกมา
เซียวอู่จ้องมองมู่เฉียนซีอย่างโหดร้าย นังผู้หญิงบัดซบผู้นี้วางยาพิษนางแล้วยังไม่พอ นึกไม่ถึงว่าวันนี้ยังกล้ามาแย่งความสนใจของผู้คนไปจากนางอีก
โม่จิ่นพามู่เฉียนซีนั่งลงในตำแหน่งที่นั่งของทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ จากนั้นคนอื่น ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นทีละกลุ่ม เพียงแต่ว่าทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือนั้นได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก
โม่จิ่นกล่าว “แม่นางมู่ ครั้งนี้ข้าได้รับความสนใจได้ก็เพราะเจ้าแล้ว! เจ้าดูพวกนั้นแต่ละคนสิ ต่างก็มองข้าด้วยความอิจฉาทั้งนั้น”
“เช่นนั้นทางที่ดีเจ้าก็ควรอธิษฐานเอาไว้นะ ตอนที่เจ้าลงสนามอย่าให้โดนฆ่าเอาได้” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชา
“เจ้าก็พูดจาทำลายขวัญข้าเกินไปแล้ว!” โม่จิ่นกล่าวอย่างจนปัญญา
ในตอนนี้เองมีคนกล่าวขึ้นอย่างตื่นตระหนกว่า “พี่หลงมาแล้ว!”
ร่างขนาดใหญ่อย่างน้อยสองเมตรครึ่งปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน ใบหน้าด้านซ้ายตั้งแต่หางตาจรดลงมาถึงหูมีรอยแผลเป็นกว้างขนาดหนึ่งเซนติเมตร ดูโหดร้ายเป็นอย่างมาก
การปรากฏตัวของเขาทำให้ผู้คนรู้สึกกดดันอย่างมิอาจเทียบได้
พี่หลง หัวหน้าผู้ครอบครองพื้นที่ทางตอนใต้ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ใหญ่ที่สุดในเกาะวิญญาณมรณะ และเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในเกาะวิญญาณมรณะ หากมิใช่เพราะเกาะวิญญาณมรณะถูกยับยั้ง เขาก็คงจะกลายเป็นผู้แข็งแกร่งขั้นมหาจักรพรรดิไปแล้ว
สิ่งที่เขาฝึกฝนนั้นก็คือการฆ่า ได้ยินมาว่าเขาได้ฆ่าคนจำนวนมากในเมืองเมืองหนึ่ง ก่อนที่จะพ่ายแพ้ให้กับผู้แข็งแกร่งผู้หนึ่งของเสียโจว จนในที่สุดได้ถูกนำตัวมาคุมขังเอาไว้ที่นี่
มู่เฉียนซีกล่าว “ชายผู้นี้ดูเป็นนักโทษกว่าเจ้าไปหน่อยนะ”
โม่จิ่นกล่าว “เจ้าก็ดูถูกคำว่านักโทษเกินไปแล้ว! เขาไม่ใช่นักโทษ แต่เขาคือคนเชือดสัตว์ต่างหากเล่า!”
หัวหน้าทั้งแปดของเกาะวิญญาณมรณะได้มาพร้อมกันแล้ว พี่หลงซึ่งเป็นผู้จัดงานในครั้งนี้กล่าวขึ้นว่า “ที่ผ่านมากองกำลังทั้งแปดได้ทำการต่อสู้ทีละคนนั้นมันน่าเบื่อแล้ว ครั้งนี้ต่อสู้พร้อมกันเลย! คนสุดท้ายที่เอาชีวิตรอดมาได้จะเป็นผู้ชนะ!”
สัตว์เป็นศัตรู คนก็เป็นศัตรู มันทำให้การต่อสู้ในครั้งนี้น่าตื่นเต้นยิ่งขึ้น
โม่จิ่นมองมู่เฉียนซีและกล่าวว่า “เจ้าเปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะ!”
มู่เฉียนซีกล่าว “ในเมื่อข้ารับปากแล้ว ข้าก็จะไม่เปลี่ยนใจแน่นอน”
“การต่อสู้กับสัตว์ครั้งนี้มันโหดร้ายมาก บางทีมันอาจจะเลวร้ายเกินกว่าที่เจ้าจะรับได้นะ” ในสายตาของโม่จิ่น มู่เฉียนซีนั้นเป็นผู้ที่มีความแข็งแกร่งได้อย่างวิปริตมาก แต่ก็เป็นอัจฉริยะผู้ไร้ที่เปรียบและเป็นที่น่านับถือมากเช่นกัน
นางอายุเพียงแค่สิบหกปี ความมืดมนของเกาะวิญญาณมรณะนี้ เขาไม่กล้ารับประกันได้เลยว่านางจะรับมันได้หรือเปล่า
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าอยู่นิ่ง ๆ รอให้การแข่งขันจบก็พอ”
“พวกเจ้าส่งตัวแทนออกมาได้! การต่อสู้สนามแรก เรียกน้ำย่อยก่อน เป็นการต่อสู้ขั้นราชา”
แต่ละกองกำลังต่างก็ส่งตัวแทนออกมา ตัวแทนเหล่านั้นล้วนแต่เป็นยอดฝีมือขั้นราชาแห่งภูตระดับเก้าทั้งสิ้น และในขณะที่มู่เฉียนซีเดินออกมานั้น ทุกคนต่างก็ตกตะลึงเป็นอย่างมาก
“นี่มัน นี่ข้าไม่ได้ตาฝาดไปกระมัง!”
“สาวงามผู้นี้ เป็นตัวแทนขั้นราชาของฝ่ายหัวหน้าโม่”
“หัวหน้าโม่บ้าไปแล้ว! นี่ตกลงเขาชื่นชอบดูสาวงามถูกฉีกเนื้อออกเป็นชิ้น ๆ งั้นรึ”
โม่จิ่นยิ้มพลางกล่าวว่า “นี่เป็นตัวแทนขั้นราชาของข้า คุณหนูมู่ มู่เฉียนซี”
“หัวหน้าโม่ ได้โปรดเปลี่ยนคนเถอะ! สาวงามเช่นนี้หากท่านไม่ชอบก็มาปรึกษากับพวกเราก่อนก็ได้!”
“หัวหน้าโม่ ช่างเป็นคนที่ทำลายสิ่งของได้อย่างอำเภอใจเกินไปแล้ว!”
“……”
ในชั่วขณะหนึ่งเสียงอุทานต่าง ๆ ก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ดวงตาของเซียวอู่เปล่งประกายขึ้น หญิงสาวผู้นี้รนหาที่ตายชัด ๆ!
นางกระซิบข้างหูกล่าวอะไรบางอย่างกับหัวหน้ากู่ หัวหน้ากู่กล่าวว่า “อู่เอ๋อร์วางใจเถอะ!”
ไม่ว่าผู้คนจะตะโกนร้องอย่างไร โม่จิ่นก็ไม่ยอมเปลี่ยนคนอยู่ดี ต่อมาพี่หลงก็ประกาศขึ้นว่า “การประลองเริ่มได้!”
ตูม ตูม ตูม!
พื้นดินทั้งหมดได้จมลงไปในทันที และได้นำพาผู้เข้าประลองการต่อสู้ขั้นราชาทั้งแปดลงไปด้วย
บริเวณรอบ ๆ ทั้งหมดมืดสนิทลง!
โฮ่ก โฮ่ก โฮ่ก! ลมหนาวพัดกระโชกมา เสียงร้องคำรามก็ดังขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
พี่หลงกล่าว “เปิดกรง!”
กรงที่กักขังสัตว์วิญญาณเหล่านั้นถูกเปิดขึ้น พวกมันพุ่งเข้าหาผู้ร่วมประลองทั้งแปดอย่างบ้าคลั่ง
การต่อสู้กับสัตว์ครั้งนี้ ด้านในนั้นมืดสนิทแม้แต่มือก็มิอาจมองเห็นได้ แต่ผู้ที่ยืนชมการประลองอยู่ด้านบนนั้นสามารถมองเห็นการต่อสู้ด้านในได้อย่างชัดเจน
พวกเขามองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าคนด้านในนั้นต่อสู้ดิ้นรนอย่างไร และถูกสัตว์ร้ายเหล่านี้ฉีกเนื้อออกเป็นชิ้น ๆ อย่างไร……
ในเวลานี้ ทุกคนต่างก็ตื่นเต้นจนดวงตาแดงก่ำ ในตอนนี้เอง สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งตัวหนึ่งพุ่งเข้าหาเงาร่างชุดม่วง สีหน้าโม่จิ่นพลันเปลี่ยนไปมาก เขากล่าวว่า “พี่หลง มีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ได้ยังไง!”