มู่เฉียนซียิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า “นายน้อยโม่เป็นผู้ปราดเปรื่อง คงจะดูออก”
โม่ซางคงกล่าว “อืม ข้าดูออก ตำหนักโม่อวี่ผิดต่อเขา ข้าเคารพในสิ่งที่เขาเลือก”
มู่เฉียนซีกล่าว “เรื่องอื่นข้ามิกล้าพูด ขอเพียงแค่ตำหนักโม่อวี่ไม่เป็นศัตรูกับข้า ข้าก็จะไม่เป็นศัตรูกับตำหนักโม่อวี่เช่นกัน หากเป็นไปได้ พวกเรายังสามารถร่วมมือกันได้”
“ข้าเชื่อในสิ่งที่อาจิ่นเลือก”
มู่เฉียนซีแบะปากเล็กน้อย “พวกเจ้าสมกับเป็นสหายกันจริง ๆ!”
คำพูดนี้มู่เฉียนซีได้กล่าวออกไปหลายครั้งแล้ว เพียงแต่ว่าโม่ซางคงกลับไม่รู้ความหมายของคำคำนั้น
เมืองโม่นับว่าเป็นพื้นที่ที่โม่จิ่นคุ้นเคยที่สุด ดังนั้นเวลาสามวันเขาก็จัดการเรื่องหอหมอปีศาจได้เสร็จเรียบร้อย
เมื่อเทียบกับการเปิดกิจการอย่างโอ่อ่าที่เมืองตงไห่แล้ว การเปิดหอหมอปีศาจที่เมืองโม่นี้ กลับจัดการอย่างเงียบ ๆ มิได้ร้อนแรงเหมือนก่อนหน้านี้
เพราะเป็นเช่นนี้ โม่จิ่นจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก มันช่างดีจริง ๆ หากยุ่งวุ่นวายราวกับลูกข่างเหมือนคราที่แล้วคงตงตายเป็นแน่!
มีการค้าใดบ้างที่ค้าขายเงียบเชียบเช่นนี้แล้วจะมีความสุข ผู้น้อยของหอหมอปีศาจรู้สึกว่าคุณชายจิ่นช่างเป็นคนที่แปลกประหลาดเสียจริง
โม่จิ่นรู้ดีว่านายท่านผู้วิปริตของตนนั้นไม่ยอมให้กิจการของหอหมอปีศาจเงียบเชียบเช่นนี้เด็ดขาด
รอหลังจากที่นางได้ลงมือ หอหมอปีศาจจักต้องโด่งดัง มีชื่อเสียงไปทั่วทั้งเมืองโม่แน่นอน
โม่ซางคงมาแจ้งมู่เฉียนซีว่า “แม่นางมู่ หัวหน้าหอชิงได้พาคุณหนูใหญ่ชิงมาแล้ว ตอนนี้เพิ่งจะเดินทางเข้าประตูเมืองมา จะจัดการเช่นไร ?”
มู่เฉียนซีกล่าว “พาพวกเขาไปที่หอหมอปีศาจ ข้ารอโฆษณามานานมากแล้ว”
มู่เฉียนซีเข้ามาอยู่ในตำหนักโม่อวี่มานาน และได้แต่เก็บตัวฝึกบำเพ็ญมาโดยตลอด วันนี้เป็นครั้งแรกที่นางจะออกไป
“นายท่าน ท่านมาแล้ว!” โม่จิ่นออกไปต้อนรับ ถึงแม้ว่าจะอยู่ต่อหน้าโม่ซางคง แต่เขาก็กล่าวเช่นนี้ออกมาตรง ๆ ด้วยความคิดของอาคง ก็เกรงว่าจะมองออกแล้ว
โม่ซางคงตกใจเล็กน้อย เขาและอาจิ่นเติบโตมาด้วยกัน รู้นิสัยของเขาดี
ทำตัวตามอำเภอใจ อิสระอย่างไร้ขอบเขต ไม่มีผู้ใดที่จะทำให้เขายอมจำนนได้ ที่แท้ก็เป็นเพราะว่า ผู้ที่สามารถทำให้เขายอมจำนนได้นั้น ยังไม่ปรากฏตัว ยิ่งเป็นเช่นนี้ โม่ซางคงก็ยิ่งรู้สึกว่ามู่เฉียนซีนั้น ยากที่จะหยั่งรู้ได้
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “ได้ปล่อยข่าวออกไปแล้วหรือยัง ?”
“ปล่อยออกไปเรียบร้อยแล้ว”
ข่าวที่หัวหน้าหอชิงลั่วเข้าเมือง และได้นำตัวคุณหนูใหญ่ ผู้ที่นอนหมดสติมาให้รักษานั้น ได้ถูกแพร่งพรายออกไป
เป้าหมายของพวกเขาก็คือหอหมอปีศาจที่เพิ่งจะเปิดใหม่
หัวหน้าหอชิงลั่วย่างกรายเดินเข้ามาในหอหมอปีศาจ และกล่าวด้วยความไม่พอใจว่า “ไม่ใช่รักษาที่ตำหนักโม่อวี่หรอกรึ นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าจะให้พวกข้าเดินทางมารักษาที่ร้านซอมซ่อเช่นนี้”
โม่จิ่นตอบกลับไปว่า “ถึงแม้ว่าหอชิงลั่วจะโอ่อ่าและมั่งคั่งเพียงใด แต่ก็ไม่อาจรักษาคุณหูใหญ่ให้หายได้ มิใช่เหรอ ?”
“นี่เจ้า……” หัวหน้าหอชิงลั่วโดนโม่จิ่นต่อว่าเช่นนี้ก็โกรธเกรี้ยวขึ้น แต่ฝั่งตรงข้ามนั้นมิใช่ผู้น้อยที่ธรรมดาทั่วไป อีกอย่าง ก็เป็นถึงยอมฝีมือขั้นมหาจักรพรรดิอีกด้วย
มู่เฉียนซีกล่าว “เอาตัวเข้ามาได้แล้ว!”
“เอาไปวางบนเตียง!”
เมื่อเหลือบเห็นสีหน้าของคุณหนูใหญ่ชิง มู่เฉียนซีก็รู้อยู่ในใจแล้ว
นิ้วมืออันเรียวยาวและบอบบางจับที่ชีพจรของนาง มู่เฉียนซีกล่าวว่า “นักปรุงยาหอชิงลั่วของพวกเจ้าช่างไร้ประโยชน์ยิ่งนัก คุณหนูใหญ่ชิงโดนพิษนานเพียงนี้กลับไม่มีนักปรุงยาท่านใดตรวจพบ”
“โดนพิษ เป็นไปไม่ได้!”
มู่เฉียนซีไม่อยากจะพูดจาไร้สาระกับพวกมือใหม่เหล่านี้ “เป็นไปได้หรือไม่นั้น ไม่ใช่สิ่งที่พวกเจ้าตัดสิน”
มู่เฉียนซีเดินเข้าไปปรุงยาในห้องปรุงยาของตัวเอง ตามที่คุณหนูใหญ่ชิงได้โดนพิษทั้งหมด นางจึงปรุงยาแก้พิษที่ดีที่สุดออกมา
เวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป มู่เฉียนซีก็เดินออกมาจากห้องปรุงยา และเตรียมที่จะฉีดยาแก้พิษให้กับคุณหนูใหญ่ชิง แต่หัวหน้าหอชิงลั่วกลับตกตะลึงและกล่าวขึ้นว่า “เจ้า นี่เจ้าจะทำอะไรหนิงเอ๋อร์ ?”
มู่เฉียนซีกล่าว “ยาแก้พิษก็ปรุงเสร็จแล้ว ข้าก็จะแก้พิษให้นางหน่ะสิ!”
“นี่เจ้ากำลังล้อเล่นอันใด นักปรุงยาของหอชิงลั่วพวกข้าดูแลอาการป่วยของหนิงเอ๋อร์มานานหลายปีก็รักษาไม่หาย จู่ ๆ เจ้าก็ปรุงยาออกมามั่วซั่วแล้วบอกว่าเป็นยาแก้พิษ นี่คงไม่ใช่ยาพิษหรอกมั้ง!”
มู่เฉียนซีขมวดคิ้วและกล่าวว่า “โม่จิ่น หากผู้ใดมาใส่ความข้าโดยไม่เป็นธรรมแล้วล่ะก็ จัดการโยนออกไปได้เลย”
“เจ้าจะโยนข้าออกไปงั้นรึ!”
ฉึก! ก่อนที่เขาจะโกรธนั้น มู่เฉียนซีก็ได้ปักเข็มยาลงบนแขนของคุณหนูใหญ่ชิงแล้ว
เวลาผ่านไปหนึ่งนาที ยาก็ออกฤทธิ์ขึ้น ใบหน้าที่ซีดเผือดของคุณหนูใหญ่ชิงก็เริ่มกลับมาเป็นปกติ และสิ่งนี้ทำให้หัวหน้าหอชิงลั่วที่เดิมทีวางแผนจะพาชิงหนิงไปประณามความผิดของตำหนักโม่อวี่ได้หุบปากลง
“เป็นไปไม่ได้!”
แพขนตาของคุณหนูใหญ่ชิงค่อยขยับเล็กน้อย และดวงตาก็ค่อย ๆ ลืมขึ้นอย่างช้า ๆ นางมองไปรอบ ๆ ด้วยความงุนงง ก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “ท่านพ่อ พี่จิ่น ที่นี่คือที่ใด ?”
หัวหน้าหอชิงลั่วโกรธเป็นอย่างมาก “พี่จิ่น นี่เจ้ายังกล้าเรียกเดรัจฉานผู้นี้ว่าพี่จิ่นอีกงั้นเหรอ ?”
ใบหน้าของชิงหนิงเต็มไปด้วยความรู้สึกงงงวย นางได้หลับใหลไปนานจนไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “คุณหนูใหญ่ชิง ข้าเป็นนักปรุงยาที่รักษาเจ้า เจ้าหลับใหลไปนานจนร่างกายอ่อนแอมาก กินยาเม็ดนี้เพื่อฟื้นฟูเรี่ยวแรงก่อนเถอะ!”
มู่เฉียนซียื่นเม็ดยาให้ ถึงแม้ว่าคุณหนูใหญ่ชิงผู้นี้เพิ่งจะฟื้นขึ้นมา แต่นางกับท่านพ่อและน้องสาวของนางนั้นกลับต่างกันมาก
“ขอบคุณ!” ชิงหนิงรับเม็ดยามาและกล่าวขอบคุณมู่เฉียนซีด้วยความจริงใจ
เม็ดยาของมู่เฉียนซีนั้นมีประสิทธิภาพดีมาก ชิงหนิงฟื้นตัวได้ดีมาก มู่เฉียนซีกล่าว “หัวหน้าหอชิง ข้าคิดว่าเรากลับตำหนักโม่อวี่ เพื่อปรึกษาเรื่องบางเรื่องกันสักหน่อยเถอะ!”
สีหน้าของหัวหน้าหอชิงพลันเปลี่ยนไปทันที นี่นาง……นางรักษาหนิงเอ๋อร์ได้แล้วจริง ๆ! นั่นก็หมายความว่า……
เขาแพ้เดิมพันแล้ว!
ในขณะที่ชิงหนิงได้ถูกนางรักษาจนหายและเดินออกไปจากหอหมอปีศาจนั้น ทุกคนต่างก็ตกตะลึงพรึงเพริดกับสิ่งที่เห็น
“รักษาหายแล้ว คุณหนูใหญ่ชิงได้รับการรักษาจนหายแล้วจริง ๆ”
ถูกหามเข้าไปในหอหมอปีศาจ แต่ตอนนี้กลับเดินออกมาได้ เห็นได้ชัดว่าร่างกายของนางนั้นไม่ได้เจ็บไข้ได้ป่วยแล้ว
“ได้ยินมาว่าคุณหนูใหญ่ชิงนอนป่วยมานานหลายปี ยังไม่มีผู้ใดรักษานางให้หายได้ นึกไม่ถึงเลยว่าหอหมอปีศาจจะรักษาหาย”
“หรือว่าจะเป็นฝีมือการรักษาของหมอปีศาจผู้ที่ยังไม่เคยปรากฏตัวผู้นั้น ?”
“……”
ถึงอย่างไรเสียชิงหนิงก็เป็นถึงคุณหนูใหญ่ของสำนักนิกายระดับหนึ่ง การโฆษณานี้ช่างเป็นที่น่าเชื่อถือมากยิ่งนัก
เมื่อกลับมาถึงตำหนักโม่อวี่ หัวหน้าตำหนักโม่อวี่กับเหล่าผู้อาวุโสเห็นชิงหนิงฟื้นขึ้นมาเป็นปกติ พวกเขาก็ล้วนแต่ประหลาดใจเป็นอย่างมาก
“รักษาได้แล้วจริงรึ ?”
หัวหน้าตำหนักโม่ยิ้มพลางกล่าว “ในที่สุดหนิงเอ๋อร์ก็หายแล้ว ตอนนั้นเกิดเรื่องอันใดขึ้นกับเจ้าที่ตำหนักโม่อวี่ เป็นเพราะข้าใช่หรือไม่ ?”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “คุณหนูใหญ่ชิง เล่าให้ข้าฟังหน่อยได้หรือไม่ ว่าตอนนั้นมันเกิดเรื่องอันใดขึ้น แล้วเพราะเหตุใดสุดท้ายถึงกลายเป็นว่าโม่จิ่นที่กระทำผิดต่อเจ้า ทำให้เจ้าสะเทือนใจจนต้องหมดสติไปจนไม่ฟื้นขึ้นมา!”
ชิงหนิงกล่าว “ไม่ใช่! พี่จิ่นไม่มีทางทำเช่นนั้นกับข้าแน่นอน ในวันนั้นข้าได้กินขนมที่ฮูหยินฉือให้มา แล้วก็หมดสติไป หลังจากนั้นเกิดอันใดขึ้นข้าก็ไม่รู้”
“ฮูหยินฉือ!” สีหน้าของทุกคนพลันเปลี่ยนไปมาก
หัวหน้าตำหนักโม่อวี่กล่าว “เด็ก ๆ! ไปตามฮูหยินฉือมา”
ฮูหยินฉือถูกเชิญเข้ามาในตำหนักใหญ่ ในขณะที่นางได้เห็นกับร่างสีขาวนั้น สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไปทันที และนางก็กล่าวอย่างตะกุกตะกักว่า “คุ คุณ คุณหนูใหญ่ชิง……”