ร่างสีเขียนปรากฏขึ้นข้าง ๆ มู่เฉียนซี โม่ซางคงกล่าวขึ้นว่า “เทียนฉี เสี่ยวซีนางคิดจะไปกลุ่มเดียวกับข้าแล้ว”
สีหน้าของเทียนฉีเคร่งขรึมลง โม่ซางคงผู้ที่มีจิตใจรักสงบมาโดยตลอด นึกไม่ถึงว่าวันนี้จะมาแย่งคนของเขา เทียนฉีกล่าว “ต่อให้เจ้าจะอยู่กลุ่มเดียวกับแม่นางมู่ เพิ่มข้าไปสักคนก็ไม่เห็นจะเป็นไรไป”
โม่ซางคงยิ้มอย่างอ่อนโยนพลางกล่าวว่า “แต่ข้าว่า คู่หมั้นของเจ้าอยากจะให้กลับไปกับนางมากกว่า ใช่หรือไม่ ?”
“นี่เจ้า!” การออกฝึกประสบการณ์เช่นนี้ เป็นโอกาสดีที่จะได้เห็นความจริงใจจากความทุกข์ยากลำบาก แต่นึกไม่ถึงว่าโม่ซางคงจะแส่หาเรื่องเช่นนี้
“เทียนฉี เจ้าไม่อยากร่วมกลุ่มกับข้า ข้าก็ไม่อยากร่วมกลุ่มกับเจ้าเหมือนกัน”
คนไม่ได้เรื่อง และชอบทำให้เสียเรื่องเช่นนี้ ชิงฮุ้ยก็ไม่อยากจะร่วมมือด้วยอีก นางทำเสียงชิชะสะบัดหน้าใส่และเดินจากไปพร้อมกับสหายร่วมกลุ่มของนาง
หญิงสาวทั้งสองล้วนแต่ไม่ไว้หน้าเขาเลย สีหน้าของเทียนฉีตอนนี้ก็ไม่ค่อยจะดีนัก
เทียนฉีกล่าว “หากแม่นางมู่คิดอยากจะเปลี่ยนสหายร่วมกลุ่มเมื่อไหร่ ก็มาหาข้าได้ทุกเมื่อ”
มู่เฉียนซีหันไปมองโม่ซางคง และกล่าวว่า “ไม่ทราบว่าข้าไปสนิทกับเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ?”
“ถึงแม้ว่ามันจะดูพรวดพราดไปหน่อย แต่เราก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนมานานแล้ว จะให้เรียกเจ้าว่าแม่นางมู่มันก็คงจะไม่เหมาะสมจริงไหม ?” โม่ซางคงกล่าว
“แต่ถึงยังไงก็คงต้องให้มู่นางแม่อนุญาตก่อนถึงจะได้” ดวงตาดำขลับคู่นั้นจ้องมองไปที่มู่เฉียนซี
“ชื่อก็เป็นแค่รหัสประจำตัว ตามใจเจ้า! เจ้าก็ไม่ใช่คนที่น่ารังเกียจสักหน่อย”
โม่ซางคงเป็นนายน้อยแห่งสำนักนิกายระดับหนึ่ง ไม่ได้เย่อหยิ่งและโหดร้ายเหมือนชิงฮุ้ย ไม่ได้ละโมบโลภมาก เจ้าชู้ประตูดิน และสมองขี้เลื่อยเหมือนกับเทียนฉี เขารู้จักยับยั้งชั่งใจและให้ความสำคัญกับมิตรภาพมาก ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนคิดมากแต่ก็ไม่ใช่คนที่น่ารังเกียจอะไร
“เช่นนั้น ข้าขอเชิญเสี่ยวซีร่วมกลุ่มไปกับข้า!” โม่ซางคงกล่าวเบา ๆ
“พี่ใหญ่ ข้าร่วมกลุ่มด้วยได้หรือไม่” ฉินปาที่ตามพัวพันมู่เฉียนซีมาโดยตลอดตอนนี้ก็เดินมาหามู่เฉียนซีแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าว “พวกเรามาฝึกประสบการณ์ หากพวกเจ้าตามความเร็วของข้าทันก็ร่วมกลุ่มกันได้!”
กล่าวจบร่างของมู่เฉียนซีก็พรวดออกไปอย่างรวดเร็วราวกับสายลม โม่ซางคงก็ตามเงาไปติด ๆ ส่วนฉินปาก็กัดฟันตามไล่ตามไปด้วยเช่นกัน
มู่เฉียนซี โม่ซางคง ฉินปาได้รวมกลุ่มกันอย่างสมบูรณ์ และมีคนอื่นที่อยากจะร่วมกลุ่มด้วย แต่เมื่อเห็นความเร็วของมู่เฉียนซีแล้ว พวกเขาก็ทำได้เพียงแต่มองห่าง ๆ
เหนื่อยจะตายอยู่แล้วก็ยังตามไม่ทันอีก
พวกเขายังไม่ได้เข้าไปลึก ก็ได้เจอกับสัตว์วิญญาณระดับสูงแล้ว แต่มู่เฉียนซีและพวกจัดการกับพวกมันได้อย่างง่ายดาย
รับมือกับสัตว์วิญญาณระดับสูงเหล่านี้ พลังธาตุวารีของมู่เฉียนซีก็ไหลเวียนราวกับเก็บเกี่ยวข้าวก็มิปาน นางเอาชนะพวกมันได้ทั้งหมด จากนั้นก็เก็บรวบรวมแกนวิญญาณของพวกมันมา
ส่วนโม่ซางคงกับฉินปา เป็นเพราะว่าความเร็วของพวกเขาไม่ได้รวดเร็วเช่นนั้น ดังนั้นจึงได้แกนวิญญาณมาไม่มากนัก
มู่เฉียนซีกล่าว “พวกเจ้าตามข้าเช่นนี้ จะได้อันดับโหล่เอานะ”
โม่ซางคงยิ้มพลางกล่าว “มีคู่ต่อสู้เช่นเจ้า มันทำให้ข้ายิ่งต้องพยายามมากขึ้นต่างหากหล่ะ”
ฉินปา “วิธีการต่อสู้ของท่าน คุ้มค่าให้ข้าเรียนรู้ ใช้แรงเพียงเล็กน้อย แต่สามารถเอาชนะพวกมันได้มากขึ้น ต่อให้ต้องเอาแกนวิญญาณทั้งหมดมอบให้ท่าน ข้าก็จะตามท่านไป”
“เช่นนั้นทางที่ดีเจ้าก็เร็วหน่อยก็แล้วกัน ต่อไปข้าจะไม่ให้เหยื่อกับพวกเจ้าแล้ว ถ้าอยากได้ก็ต้องแย่งเอง!”
“ได้!”
ปัง ปัง ปัง!
ร่างสามร่างเคลื่อนผ่านไป การต่อสู้ของพวกเขาก็เริ่มชำนาญมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่เหมือนนักเรียนธรรมดาทั่วไปเลยแม้แต่น้อย
ทันใดนั้นเองตัวประหลาดขนาดใหญ่ก็ได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขา ฉินปากล่าวเสียงขรึมว่า “สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่ง พี่ใหญ่มู่ ท่านถอยไป ข้าจะหยุดมันเอง!”
ร่างชุดม่วงค่อย ๆ ร่นตัวลงมาตรงหน้าสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งเบา ๆ ราวกับหมอกควันก็มิปาน นางกล่าวว่า “ไม่จำเป็น นี่คือเหยื่อของข้า”
จากนั้นนางก็ได้ชักกระบี่เล่มใหม่เอี่ยมออกมา แต่สีของคมกระบี่และตัวกระบี่นั้นช่างแตกต่างกันมาก
กระบี่ที่หลอมมาเองกับมือ ลองเอาออกมารับมือกับศัตรูดูหน่อยก็แล้วกัน!
ทันทีที่ข้อมือเคลื่อนไหว ปลายกระบี่ยกขึ้น มู่เฉียนซีก็เปล่งเสียงออกมาว่า “มังกรเพลิงพิฆาต!”
ปลายกระบี่ระเบิดแสงที่แผดเผาออกมา มังกรเพลิงทะยานออกมาและได้ฆ่ามันในทันที!
กระบวนท่าที่ทรงพลังและโหดร้ายนี้ ทำให้ฉินปากับโม่ซางคงตกตะลึงขึ้น!
ในขณะที่มังกรเพลิงล้มสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งที่อยู่ตรงหน้าลอยออกไป พวกเขาก็ได้ยินเสียงเสียงหนึ่งขึ้น
ฮวบ!
เคร้ง!
กระบี่ของมู่เฉียนซีหักอีกแล้ว!
ฉินปากล่าว “พี่ใหญ่มู่ กระบี่ของท่าน ช่างอ่อนแอเกินไปแล้ว”
ในที่สุดโม่ซางคงก็รู้ว่าเพราะเหตุใดในทุกครั้งที่เขาพูดถึงเรื่องกระบี่ มู่เฉียนซีก็จะทำท่าทีที่เบื่อหน่ายออกมาเช่นนั้น และอยากจะไปหาอาจารย์ใหญ่ซวน
ที่แท้ก็หลอมได้สำเร็จ แต่ใช้ได้เพียงแค่ครั้งเดียวเช่นนี้นี่เอง
โชคดีที่นางมั่งคั่ง หากเป็นคนธรรมดาทั่วไปแล้วล่ะก็ คงไม่มีใครใช้กระบี่ที่ใช้ได้ครั้งเดียวในราคาที่สูงเหยียดฟ้าเช่นนี้แน่
มู่เฉียนซีเก็บเอาแกนวิญญาณของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งนี้มา นางกล่าวว่า “ไปต่อเถอะ!”
ฝึกประสบการณ์วันแรกได้แกนวิญญาณมาไม่น้อยเลย และเมื่อตะวันตกดิน พวกเขาก็ได้หยุดพัก
ก่อนจะพักผ่อน มู่เฉียนซีได้เอาที่เตาหลอมอาวุธออกมา และกล่าวว่า “เสี่ยวหง ออกมา จุดไฟให้ข้า!”
ถึงแม้ว่านางจะไม่ใช่จอมภูตพลังธาตุอัคคี แต่นางกลับมีสัตว์พันธสัญญาธาตุอัคคีอยู่ตัวหนึ่ง ซึ่งมันมีประโยชน์ในการหลอมอาวุธเป็นอย่างมาก
โม่ซางคงเดินมาหามู่เฉียนซี แต่กลับพบว่านางกำลังจะเตรียมหลอมอาวุธ
“เสี่ยวซี นี่เจ้าจะหลอมตัวกระบี่ขึ้นใหม่เหรอ ?”
มู่เฉียนซีกล่าว “มันหักแล้ว แน่นอนว่าต้องหลอมใหม่!”
“เจ้าไม่ใช่นักปรุงยาหรอกเหรอ ?”
“ท่านปรมาจารย์ไป๋หลอมตัวกระบี่ออกมาให้ข้าพอใจไม่ได้ เขารู้สึกผิดต่อข้า ก็เลยจับข้าไปเรียนหลอมอาวุธ หากให้หลอมอย่างอื่น ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะหลอมได้หรือไม่ แต่ให้หลอมตัวกระบี่มังกรเพลิงข้าพอทำได้อยู่”
“หากเจ้ายังไม่นอนก็ช่วยเฝ้าทางให้ข้าหน่อยก็แล้วกัน!”
มุมปากของโม่ซางคงกระตุกขึ้น จากนั้นก็ทำได้เพียงเดินออกไปให้นาง
นางไปอยู่กับท่านอาจารย์ไป๋แค่สามวันก็กลายเป็นนักหลอมอาวุธไปแล้ว ช่างน่ากลัวยิ่งนัก!
ไม่นานนัก มู่เฉียนซีก็หลอมตัวกระบี่ออกมาได้ นางเดินออกไป และกล่าวว่า “ขอบใจเจ้ามาก!”
โม่ซางคงมองดูกระบี่มังกรเพลิงที่กลับสภาพมาเป็นเหมือนเดิมเล่มนั้น และกล่าวว่า “โชคดีที่เจ้าหลอมอาวุธได้ ช่วยลดปัญหาไปได้เยอะเลย”
มู่เฉียนซี “อืม! นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าปรมาจารย์ไป๋จะคิดวิธีดีดีเช่นนี้ออกมาได้”
โม่ซางคง “วิธีเช่นนี้ มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่เหมาะสม!”
ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถเรียนหลอมอาวุธได้ภายในเวลาอันสั้น เว้นเสียจากหญิงสาวผู้ประหลาดตรงหน้าผู้นี้!
“วันพรุ่งก็จะเข้าเขตด้านในของป่าโยวอ้านแล้ว ที่นั่นล้วนแต่เต็มไปด้วยสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ เจ้าต้องเตรียมใจเอาไว้ให้ดี!”
โม่ซางคงกล่าว “ได้เห็นการต่อสู้ของเจ้า มันทำให้ข้ารู้สึกว่าการต่อสู้ของข้ายังอ่อนด้อยยิ่งนัก เพราะฉะนั้นข้าจะต้องไป”
“เช่นนั้นก็พักผ่อนได้แล้ว!”
เช้าวันต่อมา มู่เฉียนซีและพวกก็ได้กลายเป็นกลุ่มแรกที่เข้าไปในเขตด้านใน มียอดฝีมือขั้นจักรพรรดิไม่น้อยที่แอบคุ้มกันอยู่ในป่านโยวอ้านเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดอันตรายขึ้น
“นึกไม่ถึงเลยว่าครั้งนี้สำนักศึกษาหนานเฟิงจะมีเมล็ดพันธุ์ที่ดีเช่นนี้”
“เด็กสามคนนี้ไม่เลวเลยจริง ๆ!”
โอ่ก โฮ่ก โฮ่ก!
เสียงคำรามของสัตว์ที่อยู่ในเขตด้านในดังก้องขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่พวกเขาถูกห้อมล้อมไปด้วยสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ การต่อสู้ก็ไม่ได้หยุดลงเลย
เข้ามาวันแรก พวกเขาไม่ได้บาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย ทว่า วันนี้กลับได้รับบาดเจ็บขึ้นแล้ว
ฉินปากล่าวด้วยความโล่งอกไปเปลาะหนึ่ง “โชคดีที่เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่ง สู้ไม่ได้ พวกเราก็ยังมีโอกาสหลบหนี! แต่หากเจอกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสอง ระดับสามแล้วล่ะก็……”
ในตอนนี้เอง พวกเขารับรู้ได้ถึงกลิ่นอายอันตรายที่กำลังใกล้เข้ามา มู่เฉียนซีกับโม่ซางคงมองไปที่ฉินปาอย่างไร้คำพูด “ปากอัปมงคล!”