ฉินปากล่าว “เซียวเสี้ยว เจ้าจะเอายังไง ?”
“เอาชนะพวกเจ้า แล้วก็เอาแกนวิญญาณของพวกเจ้ามา! ง่าย ๆ แค่นี้” เซียวเสี้ยวยังคงอวดดีอย่างบ้าระห่ำ
การทดสอบเสมือนจริงนี้ดำเนินมาช่วงเวลาหนึ่งแล้ว เดิมทีพวกเขาก็ล่าสัตว์วิญญาณและเก็บแกนวิญญาณตามลำดับขั้นตอน แต่การปรากฏตัวของพรานล่าเงินรางวัลอิสระทำให้พวกเขาพบกับทางออกใหม่
นั่นก็คือลงมือกับเพื่อนนักเรียน มีนักเรียนบางคนที่พลังไม่แข็งแกร่ง รับมือได้ง่ายกว่าสัตว์วิญญาณเสียอีก
คนจำนวนมากค้นพบจุดนี้ ดังนั้นการทดสอบเสมือนจริงครานี้จึงเข้าสู่ในจุดที่ร้อนแรงขึ้น
เซียวเสี้ยวเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนักศึกษา เพื่อนนักเรียนที่ความแข็งแกร่งธรรมดาเหล่านั้นไม่มีค่าพอที่เขาจะลงมือด้วย ดังนั้นเป้าหมายของเขาก็คือสามคนตรงหน้านี้
ฉินปา ทะลวงพลังขั้นจักรพรรดิยอดยุทธ์แล้ว ความแข็งแกร่งของเขาอยู่อันดับสามของสำนักศึกษา
โม่ซางคง นายน้อยแห่งตำหนักโม่อวี่ สำนักนิกายระดับหนึ่ง ไม่เคยเข้าร่วมการจัดอันดับของสำนักศึกษามาก่อน ทว่า ความแข็งแกร่งนั้นไม่ธรรมดาแน่นอน
มู่เฉียนซีเป็นนักเรียนใหม่ แต่กลับมีชื่อเสียงในสำนักศึกษาเป็นอย่างมาก เพราะนางสามารถเอาชนะฉินปาได้
ฉินปากล่าวว่า “เจ้าจะท้าสู้ใคร ?”
“ข้าขอท้าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด”
ครานี้ฉินปาผิดหวังเสียแล้ว “ข้าคิดว่าจะได้ต่อสู้กับเจ้าสักตั้ง นึกไม่ถึงจริง ๆ!”
โม่ซางคง “เซียวเสี้ยว เจ้าแน่ใจนะว่าเลือกเช่นนี้แล้วจะไม่เสียใจทีหลัง!”
“แน่นอน หากจะท้าสู้รบก็ต้องท้าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่แล้ว เอาชนะผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มพวกเจ้าได้ จะเก็บคนอื่นต่อนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายดายหรอกเหรอ”
ฉินปากลอกตามองบนและกล่าวว่า “กลัวว่าถึงเวลานั้นแล้วเจ้าจะไม่มีแรงไปท้าคนอื่นหน่ะสิ”
ตอนนี้เองเซียวเสี้ยวก็ได้เอาอาวุธของตนเองออกมา มันเป็นคทาที่โหดร้ายมาก เขาชี้ไปที่โม่ซางคงและกล่าวว่า “โม่ซางคง ข้าจะไม่พูดจาไร้สาระกับเจ้าแล้ว ลงมือ!”
เขาคิดว่าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มน่าจะเป็นนายน้อยแห่งตำหนักโมอวี่ สำนักนิกายระดับหนึ่ง โม่ซางคง
โม่ซางคงกล่าว “ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก คู่ต่อสู้ของเจ้านั้น ไม่ใช่ข้า”
มู่เฉียนซีย่างเท้าเดินออกไป และกล่าวว่า “ในเมื่อเจ้ามาท้าข้าถึงที่ เช่นนั้นคำท้านี้ข้าจะรับไว้ เตรียมแกนวิญญาณของเจ้าให้พร้อมก็แล้วกัน!”
เซียวเสี้ยวมองดูคนตรงหน้าก็ตกใจสะดุ้งเล็กน้อย “ผู้หญิง ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มของพวกเจ้าคือเจ้า เข้าใจอะไรผิดไปหรือไม่! พวกเจ้าอย่าได้คิดผลัดกันสู้ทีละคนเชียวนะ”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย้ยหยันว่า “อย่าได้คิดมากไปเลย รับมือกับเจ้า พวกข้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น!”
“มังกรวารีพิฆาต!” มู่เฉียนซีลงมือในทันที ไม่อยากจะเสียเวลากับคนเย่อหยิ่งผู้นี้มากนัก
ในตอนนี้ ชายผู้นี้เป็นถึงจักรพรรดิแห่งภูตระดับสอง!
ปัง! เซียวเสี้ยวยกคทาขึ้นมาสกัดกั้นการโจมตีพลังธาตุวารีของมู่เฉียนซี
“พลังธาตุวารี ช่างอ่อนแอยิ่งนัก!”
ไม่นานนักเข็มเหล็กบนคทาก็ถูกแยกออกและพุ่งไปที่มู่เฉียนซี!
ฉินปากล่าว “ข้าลืมบอกไปว่าเซียวเสี้ยวเขาเป็นจอมภูตพลังธาตุทองด้วย!”
โม่ซางคง “ไม่เป็นไร เสี่ยวซีจัดการได้!”
“บุปผาหลั่งสายฝน!”
ในขณะที่เข็มเหล็กนั้นโจมตีมานั้น คมศรวารีนับไม่ถ้วนก็พุ่งเข้าหาเซียวเสี้ยว!
ปัง ปัง ปัง! คทาของเขาร่ายรำกลางอากาศอย่างบ้าคลั่งและได้ก่อตัวเป็นน้ำวน สกัดกั้นคมศรวารีของมู่เฉียนซีไว้ แต่ร่างสีม่วงของมู่เฉียนซีเคลื่อนไหวไปมาอยู่ท่ามกลางเข็มเหล็กนั้น และไม่ให้เข็มเหล็กเหล่านั้นเข้ามาใกล้ได้
“มังกรวารีสะท้านสวรรค์!”
“เมฆทองพิฆาต!”
มู่เฉียนซีไม่คิดจะใช้ยาพิษ ดังนั้นการต่อสู้นี้จึงเอาชนะไม่เร็ว ฉินปาเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกเป็นกังวลมาก!
“พลังธาตุวารีช่างอ่อนแอยิ่งนัก เทียบกับพลังธาตุทองของข้าไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ฮ่าฮ่าฮ่า!” เซียวเสี้ยวหัวเราะออกมาอย่าลำพองใจ
อาจารย์ผู้คุมสอบที่แอบซ่อนตัวอยู่ในที่ลับเหล่านั้นยิ้มมุมปากเล็กน้อย “จอมภูตพลังธาตุแต่ละคนต่างก็มีดีไปคนละอย่าง เจ้าโง่เขลาผู้นี้ไปเอาความรู้มาจากหนใดกันว่าพลังธาตุทองของเขามันไร้เทียมทานแล้ว”
อาจารย์อีกท่านหนึ่งกล่าวขึ้นว่า “สาวน้อยผู้นี้สู้ตัวต่อตัวกับเพื่อนนักเรียนด้วยกัน ดูเหมือนว่านางไม่คิดที่จะใช้ยาพิษ สถานการณ์นี้ช่างคาดเดาได้ยากยิ่งนัก นางเป็นเพียงราชาแห่งภูตระดับเก้า คู่ต่อสู้เป็นถึงจักรพรรดิแห่งภูตระดับสอง ทั้งสองเป็นจอมภูตพลังธาตุทั้งคู่ พลังแตกต่างกันถึงสองระดับ สาวน้อยเสียเปรียบแล้วหล่ะ!”
“แต่ข้าคิดว่าสาวน้อยผู้นี้สามารถเอาชนะได้!”
“ข้าไม่เชื่อ ข้าเดิมพันว่านางต้องแพ้แน่!”
“ข้า……”
“พวกเรามีภารกิจติดตัวอยู่ เปิดเดิมพันเช่นนี้คงไม่เหมาะสมหรอกกระมัง!”
“เอาหน่า! นอกจากพวกเราแล้วก็ไม่มีใครรู้หรอก!”
ตาเฒ่าผู้ที่ไม่น่าเคารพเหล่านี้หัวเราะเจ้าเล่ห์ออกมา
เซียวเสี้ยวที่มีพลังเหนือกว่ามู่เฉียนซีถึงสองระดับ สำหรับมู่เฉียนซีแล้วมันคือการถูกไล่ล่า และบีบบังคับให้นางจนมุม
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “มังกรวารีพิฆาต!”
ทันทีที่มังกรน้ำแข็งสีฟ้าทะยานออกมา เข็มเหล็กเหล่านั้นที่พุ่งมาก็ถูกแช่แข็ง และมังกรน้ำแข็งก็พุ่งไปยังเซียวเสี้ยว
สีหน้าของเซียวเสี้ยวพลันเปลี่ยนไปมาก นึกไม่ถึงเลยว่ากระบวนท่านี้ของมู่เฉียนซีจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ชั่วครู่หนึ่งกำแพงทองก็ปรากฏขึ้นในบริเวณรอบ ๆ และสกัดกั้นการโจมตีนี้ของมู่เฉียนซี!
ตูม!
เซียวเสี้ยวร่นตัวถอยหลังไปหลายก้าว เขากล่าว “ข้าบอกเจ้าแล้วไง ว่าพลังธาตุวารีของเจ้ามันอ่อนแอ เจ้าไม่มีทางเอาชนะข้าได้”
ปัง ปัง ปัง!
ต่อมา เซียวเสี้ยวก็โจมตีมู่เฉียนซีใหม่อีกครั้ง
มู่เฉียนซีรีบหลบอย่างรวดเร็ว กระบี่ยาวเล่มหนึ่งถูกชักออกจากฝัก มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าคิดว่าพลังธาตุทองของเจ้ามันไร้เทียมทานแล้วอย่างนั้นเหรอ ?”
กระบี่มังกรเพลิงกวัดแกว่งตัดผ่านอากาศ มู่เฉียนซีตะโกนอย่างเย็นชาว่า “มังกรเพลิงพิฆาต!”
มังกรเพลิงตัวนั้นทะยานผ่านช่องว่างพุ่งไปที่เซียวเสี้ยว เข็มเหล็กที่อยู่รอบ ๆ เหล่านั้น ทันทีที่เข้าใกล้มังกรเพลิงก็ถูกหลอมละลายไปโดยสมบูรณ์
“อัคคี เจ้า เจ้าเป็นจอมภูตพลังธาตุอัคคี!”
“คนคนเดียวจะมีพลังธาตุคู่ได้อย่างไรกัน! ไม่มีทาง……”
เหงื่อเย็นผุดพรายขึ้นบนหน้าผากของเขา กำแพงทองนั้นปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาอีกครั้ง
ทว่า ครั้งนี้ กำแพงทองป้องกันนี้กลับทำอะไรไม่ได้เลย และถูกหลอมละลายไปโดยสมบูรณ์ภายใต้พลังของมังกรเพลิง
อ๊า! เซียวเสี้ยวกรีดร้องขึ้น ร่างกระเด็นลอยออกไป เสื้อผ้าของเขาถูกเผาไหม้เกือบหมดสิ้น ผมเผ้าก็ถูกเผาไหม้ไปครึ่งหนึ่ง
แกร๊ง! เสียงแตกหักเสียงหนึ่งดังขึ้น
ฉินปามองดูกระบี่ที่หักเล่มนั้นแล้วกล่าวขึ้นอย่างจนปัญญาว่า “กระบี่ของพี่ใหญ่มู่หักอีกแล้ว!”
มู่เฉียนซีก็กล่าวอย่างจนปัญญาเช่นกัน “หักบ่อยจนข้าชินไปแล้ว”
พรวด พรวด! เซียวเสี้ยวผู้ที่น่าสังเวชกระอักเลือกคำโตออกมาหลายคำ เขามองมู่เฉียนซีด้วยความไม่พอใจ และกล่าวว่า “ที่เจ้ามีพลังธาตุอัคคีก็เป็นเพราะกระบี่เล่มนั้น หากไม่มีกระบี่เล่มนั้นเจ้าก็ไม่มีทางที่จะชนะข้าได้ ข้าพ่ายแพ้ครั้งนี้ เพื่อแลกกับกระบี่ของเจ้าหักไป มันก็คุ้มค่า รอให้ข้ารักษาอาการบาดเจ็บหายดีเมื่อไหร่ ข้าจะมาท้าสู้กับเจ้าอีกครั้ง! ถึงตอนนั้นข้าไม่มีทางแพ้เจ้าแน่นอน”
ฉินปาหมดคำพูดจริง ๆ ก็แค่กระบี่หักไปเล่มหนึ่ง รอให้พี่ใหญ่มู่มีเวลาว่างเมื่อไหร่นางก็หลอมมันขึ้นมาใหม่ ครั้งหน้าเขาก็ยังคงพ่ายแพ้อยู่ดี
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าพูดไร้สาระมากไปแล้ว แกนวิญญาณล่ะ! เอาออกมาเถอะ!”
เซียวเสี้ยวเจ็บปวดยิ่งนัก แต่เขาก็ยอมส่งแกนวิญญาณให้ไปแต่โดยดี
สมกับที่เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของสำนักศึกษาหนานเฟิงจริง ๆ ได้แกนวิญญาณมาไม่น้อยเลย หลังจากที่มู่เฉียนซีเก็บแกนวิญญาณเรียบร้อยแล้ว นางกล่าวว่า “พวกเราไปต่อเถอะ!”
“อืม!”
มู่เฉียนซีและพวกกลุ่มนี้ได้ฝึกประสบการณ์ภายในป่าโยวอ้านมาเป็นเวลาเจ็ดวันแล้ว ภายในเวลาเจ็ดวันนี้ มีนักเรียนจำนวนไม่น้อยที่ไม่สามารถอดทนต่อไปได้ และได้ถูกส่งตัวออกไปแล้ว
ทว่า ตอนนี้ภายในที่ลับ มู่เฉียนซีรับรู้ได้ถึงสายตาที่อันตรายกำลังจ้องมองมาที่นาง สายตานี้ไม่ใช่สายตาของอาจารย์ผู้คุมสอบที่ซ่อนตัวอยู่ แต่เป็นภารกิจที่อันตรายมากภารกิจหนึ่ง เกรงว่าอาจารย์ผู้ที่คุมสอบเหล่านี้คงจะสังเกตไม่เห็น แต่ที่นางรับรู้ได้นั้นก็เป็นเพราะว่าหลังจาที่พลังจิตของนางแข็งแกร่งขึ้น นางก็มีความรู้สึกไวต่อสิ่งรอบตัวได้มากกว่าคนปกติ