มู่เฉียนซีขยับร่างอย่างรวดเร็วหลบหลีกการโจมตีจากหุ่นเชิดเหล็กสีดำ เมื่อสบโอกาสดีก็แทรกตัวเข้าไประหว่างกลางของพวกมันและเริ่มโจมตีสวนกลับ
“มังกรวารีสะท้านสวรรค์!”
— ตูม! ตูม! ตูม! —
“ทักษะตี้ซวน!”
หลายกระบวนท่าถูกปล่อยออกไปทำให้พวกมันถึงกับกระเด็น นางยิ้มพอใจก่อนจะมุ่งไปข้างหน้าต่อเพื่อไม่ให้เสียเวลา ไม่ทราบเช่นกันว่าเส้นทางนี้ยาวเท่าไร แต่นางจะต้องฝ่าออกไปให้ได้ภายในเวลาครึ่งชั่วยาม จะมัวมาเสียเวลาที่นี่ไม่ได้เป็นอันขาด
มู่เฉียนซีเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เป็นเวลาเดียวกับที่อาจารย์ใหญ่สำนักศึกษาหนานเฟิงได้ยินเรื่องเกี่ยวกับกฎในการทดสอบในครั้งนี้แล้ว
“อะไรนะ ? ในรอบแรกคือการสู้กับหุ่นเชิดเหล็กดำ สิ่งที่อาจารย์ใหญ่สำนักศึกษาซวนเสียได้สร้างขึ้นมางั้นรึ ? มันยากเกินไปแล้ว!”
“ใช่ นึกไม่ถึงเลยว่าในปีนี้จะยากกว่าปีที่แล้วมากมายขนาดนี้ ครานี้ไม่รู้ว่าจะมีนักเรียนตกรอบไปเท่าไร”
“เวลาที่ให้มีเพียงครึ่งชั่วยาม ให้เวลาน้อยเกินไปกระมัง!” และในตอนนี้เอง แสงแปลกประหลาดปรากฏขึ้นบนลาน นี่เพิ่งเริ่มขึ้นได้เพียงไม่นานก็มีผู้ตกรอบเสียแล้วหรือ ?
เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ โดยมันผ่านไปครึ่งหนึ่งของครึ่งชั่วยามแล้ว ในตอนนี้เอง เสียงใครบางคนตะโกนขึ้นอย่างตกใจ “เดี๋ยวก่อนนะ มีคนผ่านด่านแรกแล้ว!”
“เวลาเพิ่งผ่านพ้นไปเพียงครึ่งหนึ่งแต่กลับมีผู้ที่ผ่านการทดสอบด่านแรกแล้วงั้นรึ ? เป็นไปได้ยังไง ?”
“ชื่อของผู้ที่ผ่านด่านแรกคือนักเรียนจากสำนักศึกษาหนานเฟิง มู่เฉียนซี”
“มู่เฉียนซีผู้นี้เป็นทายาทของขุมกำลังใดกัน ?! ทำไมข้าถึงไม่เคยได้ยินชื่อนางมาก่อนเลย ?” “สำนักศึกษาหนานเฟิงมีอัจฉริยะเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร ?”
ทุกผู้คนจ้องมองอาจารย์ใหญ่ของสำนักศึกษาหนานเฟิงเป็นตาเดียว พวกเขาล้วนแต่อยากที่จะได้คำอธิบายจากเขา
อาจารย์ใหญ่สำนักศึกษาหนานเฟิงคลำศีรษะตัวเองแล้วกล่าวขึ้น “เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่รู้ มู่เฉียนซีนั้นเป็นนักเรียนที่แทรกเข้าเรียนกลางคันเมื่อหนึ่งเดือนก่อน พรสวรรค์ยอดเยี่ยมสุด ๆ ข้าเองก็ชอบเด็กผู้นี้มาก”
ทุกคนกลอกตามองฟ้า พวกนั้นอยากตบหน้าเจ้าเฒ่าที่มีของดีจนทำให้ได้หน้าในคราวเดียวนี่จริง ๆ อะไรกันที่เรียกว่ามีพรสวรรค์ยอดเยี่ยม ?
เวลาผ่านไปเพียงครึ่งหนึ่งก็สามารถผ่านการทดสอบได้ วิปริตดีแท้! …
มู่เฉียนซีพุ่งไปที่ด้านหลัง นางพบกับหุ่นเชิดเหล็กสีดำที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และยิ่งรับมือได้ยากขึ้นเช่นกัน ในมิติแห่งความมืดมิดนี้ นางไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไรแล้ว จึงใช้ยาเม็ดฟื้นฟูพลังอย่างรวดเร็วเพื่อเตรียมต่อสู้ให้เต็มที่และฝ่าไป
ในที่สุดก็ได้พบประตูบานใหญ่ นางผลักมันเปิดออกและเดินออกไป ทันใดนั้นเอง เสียงประกาศว่านางผ่านการทดสอบด่านแรกแล้วดังขึ้นมา นางเป็นคนแรกที่ผ่านการทดสอบด่านแรก!
แต่มู่เฉียนซีหาได้สนใจไม่ ร่างบางพุ่งฝ่าออกไปโดยไม่สนอะไรทั้งสิ้นทั้ง ๆ ที่เพิ่งได้ที่หนึ่งไปครอง
ถึงกระนั้น นางก็ยังมิอาจผ่อนตนเองให้คลายความระมัดระวังได้ เมื่อผ่านการทดสอบด่านแรกมาแล้วถึงได้รู้ว่าการทดสอบเพื่อรับนักเรียนของสำนักศึกษาซวนเสียไม่ง่ายที่จะรับมือเลย
สมแล้วที่เป็นสำนักนิกายระดับสอง ในเวลาต่อมา มีผู้เข้าร่วมการทดสอบคนอื่น ๆ ทยอยเดินออกมา สำหรับโม่ซางคงและฉินปา ทั้งสองยังฝีมือไม่ตก เป็นผู้ที่ออกมาในสิบอันดับแรก
การสอบจำลองของสำนักศึกษาหนานเฟิงมิใช่ว่าไม่มีประโยชน์เสียทีเดียว การสอบในรอบแรกนี้มีนักศึกษาจากสำนักศึกษาหนานเฟิงผ่านเข้ารอบมาไม่น้อย ดู ๆ แล้วมากกว่าสำนักศึกษาอื่นที่ชอบอวดโอ้เสียด้วยซ้ำ
อาจารย์ใหญ่แห่งสำนักศึกษาหนานเฟิง ณ เวลานี้ยิ้มแทบไม่หุบแล้ว ตาหยี ๆ ของเขากวาดมองจำนวนนักเรียนที่สอบผ่านซึ่งมาจากสำนักศึกษาของตน ดูเหมือนว่าการสอบจำลองในครั้งนี้นั้น เหล่านักเรียนของเขาทำได้ดีอย่างแน่นอน
ในตอนนั้นนักศึกษาจากสำนักศึกษาหนานเฟิงเพิ่มพูนความสามารถในการต่อสู้ของตนไปไม่น้อย ไม่เพียงเพราะมีการโจมตีจากสัตว์วิญญาณอย่างเดียว ยังต้องเผชิญกับเหล่านักล่าค่าหัวอิสระที่จะมาปล้นชิงและจับจ้องพวกเขาอย่างไม่ละสายตา
ไม่ง่ายเลยกว่าที่พวกเขาจะรวบรวมแก่นวิญญาณได้แต่กลับอาจจะต้องถูกปล้นชิงไป ด้วยความกดดันเช่นนี้ทำให้พวกเขาต้องพยายามต่อต้านอย่างสุดกำลัง ทำให้การสอบจำลองในครั้งนี้ได้ผลดีมากกว่าที่ควรจะเป็น แน่นอนว่าพวกเขานั้นไม่รู้เลยว่าผู้ริเริ่มทั้งหมดคือมู่เฉียนซี
อาจารย์ใหญ่ของสำนักศึกษาเฉินซีที่เยาะเย้ยสำนักศึกษาหนานเฟิงเอาไว้แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง “นี่มันเป็นไปไม่ได้!”
เกิดอะไรขึ้นกับสำนักศึกษาหนานเฟิงในปีนี้กันแน่ ? เรื่องที่อยู่ ๆ สำนักนั้นก็มีเงินทองขึ้นมา ไหนจะการที่นักเรียนแต่ละคนยังเก่งดีมีความสามารถ ไม่ได้เป็นพวกกุ้งขาอ่อนที่เมื่อเจอสนามสอบจริงเข้าให้ก็อ่อนปวกเปียกเสียจนทนไม่ไหว
เพียงด่านแรก นักเรียนหลายคนถูกคัดออกไปจนเหลือหนึ่งในสิบของจำนวนทั้งหมดสามหมื่นคน นั่นก็คือเหลือเพียงแค่สองถึงสามพันคนเท่านั้น
ต่อมาเหล่าคนชราจำนวนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหน้าพวกเขา อาจารย์ที่เข้าร่วมคุมสอบของสำนักนิกายระดับสองนั้น แม้แต่อาจารย์ที่เป็นระดับมหาจักรพรรดิก็ยังมี
“ทุกท่านที่ผ่านด่านแรกของผู้เข้าสอบ โปรดตามพวกข้ามา”
ทุกคนเดินตามพวกเขาไป และก็ได้เห็นว่าด้านหน้าปรากฏทะเลสาบใสสะอาดแก่สายตา ภายในทะเลสาบมีดอกบัวขนาดใหญ่ซึ่งแบกรับทุกคนที่มายังที่แห่งนี้เอาไว้ได้ อาจารย์ผู้คุมสอบชี้ไปยังดอกบัวดอกนั้นพลางกล่าวขึ้น “ที่นั่นคือสถานที่สอบในด่านที่สอง พวกเจ้าจงไปที่นั่นเสีย”
ตรงหน้าของพวกเขาเป็นทะเลสาบแห่งหนึ่งที่ไร้ซึ่งสะพานข้าม พวกเขาต้องเหาะเหินเดินอากาศเพื่อผ่านไป ทว่าเรื่องนี้ไม่ได้ยากเย็นอะไรสำหรับพวกเขานัก
บัดนี้ ก็ได้มีผู้รอไม่ไหวที่จะขึ้นไปเหยียบบนสนามสอบแห่งที่สอง แต่ในตอนที่พวกเขากำลังมุ่งไปนั้น ผิวน้ำนิ่งสงบพลันปรากฏธนูวารีจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งขึ้นมาโจมตี
“อ๊ากกกก!”
“พรวด!” ผู้ที่ถูกลูกธนูปักเข้าเล่นงานร่วงลงไปในน้ำทันที
ที่แท้ในทะเลสาบแห่งนี้มีฝูงปลาธนูวารีอยู่ฝูงหนึ่ง ความเร็วในการโจมตีของพวกมันจัดได้ว่ารวดเร็วมากเสียจนทำให้ผู้ที่ถูกโจมตีตั้งรับไม่อยู่
ชายชราคนหนึ่งกล่าวขึ้น “หากไปไม่ถึงสนามสอบแห่งที่สองก็ถือว่าพ่ายแพ้ เหล่านักเรียนผู้เข้าร่วมสอบทั้งหลาย พวกเจ้าต้องระวังให้ดี เจ้าปลาตัวเล็กในทะเลสาบนั่นจะไม่ยอมอ่อนข้อให้อย่างแน่นอนข้าขอเตือน”
มู่เฉียนซีรู้ถึงเป้าหมายของพวกเขาดี นี่เป็นการทดสอบความสามารถในการตอบสนองและการหลบหลีก นางพยักหน้ากับตัวเองก่อนจะพุ่งเข้าไป
หนึ่งในคนที่เหลืออยู่บนฝั่งกล่าวขึ้น “เหอะ ใจร้อนอีกคนหนึ่งแล้วสินะ ไม่ดูสถานการณ์ให้ชัดเจนเสียก่อน รนหาที่ตายแท้ ๆ!”
— ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! —
ลูกธนูวารีจำนวนนับไม่ถ้วนโจมตีเข้ามา
มู่เฉียนซีโบกมือตอบโต้ “โล่วิญญาณวารี!”
“อ้อ ที่แท้นางเป็นผู้มีพลังภูตธาตุวารีนี่เอง ข้าก็ว่าอยู่ว่าทำไมนางถึงได้มั่นใจในตัวเองเช่นนั้น”
ทว่าพวกปลาธนูวารีเหล่านั้นไม่ยอมแพ้ พวกมันยังโจมตีมู่เฉียนซีด้วยธนูวารีอย่างมืดฟ้ามัวดิน
มู่เฉียนซียิ้มเยาะ นางกล่าวขึ้น “มิใช่มีแต่เพียงพวกเจ้าเท่านั้นที่ใช้ธนูวารีได้ ข้าเองก็ใช้ได้เช่นกัน เอานี่ไปกินซะ! บุปผาหลั่งสายฝน!”
ลูกธนูจำนวนมากมายพุ่งไปกันธนูที่พุ่งขึ้นมาจากผิวน้ำเอาไว้ และมู่เฉียนซีเองก็มิได้หยุดเพียงเท่านั้น
“ผนึกมังกรวารี!”
“มังกรวารีสะท้านสวรรค์!”
ชั่วลมหายใจเดียว พลันปรากฏมังกรวารีตัวใหญ่ตัวหนึ่งขึ้นมา มันพุ่งไปกลืนกินธนูวารีที่พวกปลาเหล่านั้นโจมตี แต่ทว่าพวกมันยังคิดที่จะโจมตีมู่เฉียนซีต่อไป มู่เฉียนซีมองไปที่พวกมันแล้วกล่าวขึ้นด้วยเสียงต่ำ “หึ ๆ เจ้าตัวเล็ก มาทำให้ข้าโกรธเช่นนี้มันจะไม่ดีกับพวกเจ้าเอานะ”
ไม่พูดเปล่า นางขยับปลายนิ้ว โปรยผงยาลงไปเพียงเล็กน้อยเพื่อที่จะทำให้ปลาเหล่านั้นเกิดอาการมึนงง แต่หากทำเช่นนี้ไป นักเรียนคนอื่น ๆ ที่ตามหลังนางมาจะสามารถผ่านไปได้อย่างง่ายดาย เมื่อถึงเวลานั้นเกรงว่าเหล่าอาจารย์ผู้คุมสอบคงจะไม่สบอารมณ์ เช่นนั้นแล้วนางจึงได้ปล่อยพิษออกไปเพียงเล็กน้อยเพื่อสร้างปัญหาให้แก่พวกเขาที่จะตามมาในภายหลัง
ปลาธนูวารีมีจิตวิญญาณ พวกมันสามารถฟังสิ่งที่มนุษย์พูดได้รู้เรื่อง เมื่อมันได้ยินคำพูดของมู่เฉียนซีก็รู้สึกเหมือนอุณภูมิในน้ำลดต่ำลงในทันใด
แย่แล้ว! มนุษย์ผู้นี้อันตรายนัก ด้วยเพราะพวกมันมีความกลัวแฝงอยู่ในใจบ้างเล็กน้อย การโจมตีของพวกมันจึงอ่อนลง และแล้วมู่เฉียนซีก็ได้ขึ้นไปเหยียบสนามสอบแห่งที่สองได้อย่างสบาย ๆ
นางใช้ทักษะอันสมบูรณ์แบบของของผู้มีพลังภูตธาตุวารี อีกทั้งยังเพิ่มการคุกคามเข้าไปอีกสักหน่อยจึงสามารถผ่านมาได้ง่ายดายเช่นนี้
เหล่าอาจารย์ผู้คุมสอบยิ้มเจื่อน “บ๊ะ! เจ้าปลาตัวเล็กพวกนั้นก็ปอดแหกเสียเหลือเกิน ถูกสาวน้อยผู้นั้นคุกคามเข้าหน่อยก็พาลไม่กล้าโจมตีแล้ว จริง ๆ เลย…”
ต่อมา มีผู้ที่เตรียมเลียนแบบมู่เฉียนซีที่ได้คุกคามปลาธนูวารีเหล่านั้น เพราะคิดว่าพวกมันนั้นขี้กลัวจริง แต่ทว่าบารมีไม่เท่าก็จงอย่าได้ไปเลียนแบบผู้อื่นเขามั่วซั่ว มิเช่นนั้นจะตายอย่างอนาถเอาได้
เห็นได้ชัดว่าปลาธนูวารีไม่หลงกลของพวกเขา พวกมันโจมตีใส่พวกเขาอย่างบ้าคลั่ง
— ตู้ม! —
พวกนั้นถูกโจมตีจนร่วงไปในน้ำทีละคน ๆ
การถูกทำให้พ่ายแพ้บนทะเลสาบนั้น ทำให้มีคนจำนวนสองในสามตกรอบไปอย่างน่าเสียดาย และรอจนเมื่อผู้ที่สามารถข้ามมาได้มาถึงกันทุกคนแล้ว ดอกบัวดอกนี้ก็ค่อย ๆ หุบเข้ามาอย่างช้า ๆ
ทันใดนั้น เสียงเข้ม ๆ ของอาจารย์ผู้คุมสอบก็กล่าวขึ้น “การสอบในด่านที่สอง เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว!”