ชายหนุ่มผู้นี้หน้าตาหล่อเหลา เพียงแต่บนหน้าผากกลับมีรอยแผลไหม้ทาบทับอยู่ ไม่แปลกใจเลยที่เขาก้มหน้าลงตลอดเวลา
มู่เฉียนซีเคาะโต๊ะ “ศิษย์ เจ้าช่วยบอกอาจารย์หน่อยได้หรือไม่ว่าคนอื่นไปไหนกันหมด ?”
“พวกเขามีธุระจึงไม่มาขอรับ”
“วันแรกที่เรียนกับข้าก็กล้าโดดเรียนกันเสียแล้ว กล้าดีนักนะ!” น้ำเสียงของมู่เฉียนซีเย็นยะเยือกขึ้นหลายเท่า “พวกเขาอยู่ที่ไหน ? พาข้าไปดูหน่อยซิ” มู่เฉียนซีมองไปที่เขา
“เอ่อ… อาจารย์ พวกเขาอารมณ์ไม่ดีนักนะขอรับ”
“ฮ่า ๆ ๆ ข้าจะทำให้พวกเขาได้รู้ว่าอารมณ์ของข้าไม่ดียิ่งกว่า”
นางเชื่อว่าการจัดนักเรียนเช่นนี้ให้นางย่อมไม่ใช่สิ่งที่ผู้อาวุโสเหล่านั้นจัดการอย่างแน่นอน คนที่จัดการให้นาง เกรงว่าคงต้องเป็นผู้อื่นที่คิดร้ายกับนาง
เมื่อนึกถึงรองอาจารย์ใหญ่ที่ทำทีดูเหมือนไร้เจตนาร้ายในวันนี้ แววตาของมู่เฉียนซีก็ยิ่งเย็นชาขึ้นเรื่อย ๆ คิดว่านางไม่รู้รึ ?!
เขายืนขึ้นและกล่าวว่า “ข้าจะนําทางให้อาจารย์เองขอรับ”
ถึงจะนำทางให้มู่เฉียนซี เขาก็ยังคงก้มหน้าอยู่เช่นเดิม
มู่เฉียนซีถามขึ้นว่า “จริงสิ เจ้าชื่ออะไรล่ะ ?”
เขาก้มศีรษะลงและตอบว่า “อาจารย์ ข้าชื่อหวงฝู่จี้เหินขอรับ”
“ข้า มู่ซี นับจากนี้เป็นต้นไปข้าจะชี้แนะพวกเจ้าในการปรุงยา หวังว่าพวกเจ้าจะไม่ทําให้ข้าผิดหวัง” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างมุ่งมั่น
“เอ่อ…” หวงฝู่จี้เหินเงียบไป ในความคิดของเขา อาจารย์จะต้องผิดหวังอย่างแน่นอนอยู่แล้ว ทว่าเขาก็ไม่ได้พูดอะไรที่จะเป็นการทำลายความตั้งใจของอาจารย์และนําทางต่อไปอยู่ด้านหน้า
ในสำนักส่วนนอกของพวกเขา หลังจากที่เหล่านักเรียนใหม่เข้าศึกษาแล้ว สิบอันดับแรกที่เอาชนะนักเรียนเก่าได้ถึงจะได้อยู่หอพักส่วนตัว แต่สภาพแวดล้อมของสำนักย่อยการปรุงยานั้นดีมาก ทุกคนล้วนมีหอพักส่วนตัวอยู่แยกกัน
หอพักของนักเรียนห้องเจ็ดขั้นต้นที่มู่เฉียนซีได้สอนนั้นถูกจัดให้อยู่ในพื้นที่เดียวกัน มู่เฉียนซีจึงประหยัดเวลาในการไปแต่ละที่ได้เป็นอย่างดี
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “เจ้าไปเคาะประตูสิ”
“ขอรับ”
— ปัง! ปัง! ปัง! —
“ใครมันกล้าเคาะ ?! นอน! คนจะหลับจะนอนจะมาเคาะก่อกวนข้าทำไม ?!”
“ซิวหมิง อาจารย์ให้ข้าเรียกเจ้าไปเรียน” หวงฝู่จี้เหินเรียก
“ไม่ไป ๆ ข้าจะนอน อย่างไรเสียก็เรียนไม่รู้เรื่องอยู่ดี”
สิ้นเสียงนี้ หลังจากนั้นภายในก็ไม่มีเสียงใด ๆ อีก ไม่ว่าหวงฝู่จี้เหินจะตะโกนเรียกอย่างไรก็ไร้ประโยชน์
“คนต่อไป!” มู่เฉียนซีกล่าวสั่ง
— ปัง! ปัง! ปัง! —
“สหายอวี้หลิงหลง อาจารย์ให้ข้าเรียกเจ้าไปเรียน!”
“ข้าไม่ไป มันน่าเบื่อจะตาย!”
หลังจากนั้นก็ไม่มีเสียงใด ๆ อีก
ในเวลานี้ สายตาของมู่เฉียนซีฉายแววอันตรายอย่างมาก แม้หวงฝู่จี้เหินจะไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองก็รู้สึกได้ว่าอาจารย์กำลังโกรธมากจริง ๆ
“อู๋ตี้ ออกมาเดี๋ยวนี้!” มู่เฉียนซีเรียก นางหยิบขวดขึ้นมาสองสามขวดให้อู๋ตี้แล้วกล่าวต่อว่า “เอาขวดพวกนี้ไปโยนแต่ละห้องของพวกเขา ดูซิว่ายังจะมีใครนอนได้อีก”
อู๋ตี้กล่าว “ได้เลยนายท่าน ข้าจัดให้!”
หวงฝู่จี้เหินทันเห็นเพียงเงาปุย ๆ สีขาวที่พุ่งผ่านไป ในที่สุดหอพักทั้งสิบเก้าที่อยู่ตรงหน้าก็เริ่มมีควันสีขาวพวยพุ่ง และหลังจากนั้น…
“สวรรค์กลั่นแกล้ง! ร้อน! ร้อนมาก! ร้อนโว้ย!”
“อ๊าก! ช่วยด้วยยยย!”
“ควันนี่มาจากไหน นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่ ?”
ทันใดนั้น คนทั้งหมดสิบห้าคนวิ่งออกมาจากหอพักทั้งสิบแปดห้อง ณ ตอนนี้พวกเขารู้สึกราวกับว่าผิวหนังของพวกเขาถูกเผาไหม้
“จํากัดเวลาสิบลมหายใจจัดการตัวเองให้ดีแล้วมารายงานตัวในชั้นเรียน ถ้าไม่ทันก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือนพวกเจ้า ตอนนี้พวกเจ้าถูกพิษอัคคีแผดเผาเข้าให้แล้ว หากมารายงานตัวไม่ทันเวลาและไม่ได้รับยาถอนพิษละก็ พวกเจ้าจะถูกยาพิษนี้เผาผลาญอวัยวะภายในจนหมดสิ้น!”
ช่างเป็นพิษที่น่ากลัวอย่างยิ่ง! พวกเขากลัวจนสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง
พวกเขามองไปยังคนที่พูดผู้นั้น เขาเป็นเด็กหนุ่มที่ดูหล่อเหลาหมดจด ดูไร้ที่ติ บริสุทธิ์ ไร้ซึ่งพิษภัย แต่คนเช่นนี้กลับวางยาพวกเขาอย่างโหดเหี้ยมเสียได้
“เวลาผ่านไปสามลมหายใจแล้ว พวกเจ้าแน่ใจนะว่าจะยังพากันยืนงุนงงต่อไปเช่นนี้”
— ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! —
พวกเขารีบกลับไปที่หอพักของตัวเองกันจ้าละหวั่นราวกับพายุหมุน
มู่เฉียนซียิ้มพอใจพลางกล่าว “หวงฝู่ พวกเรากลับไปที่ห้องเรียนกันก่อนเถอะ”
“ขอรับ”
ในที่สุดก็ครบเวลาสิบลมหายใจ เหล่าศิษย์ทั้งสิบห้าคนรีบวิ่งกุลีกุจอกรูกันเข้าไปในห้องเรียน ทันใดนั้นมู่เฉียนซีก็กล่าวขึ้น “เอาล่ะ ข้าจะเรียกชื่อไปพลางให้ยาแก้พิษไปด้วย”
“เฟิงซีอวี่”
“ขอรับ!” “รับยาถอนพิษไปได้” ยาเม็ดหนึ่งถูกมู่เฉียนซีโยนออกไป
“จ้านเทียนอวี้”
“ขอรับ!”
“ชิวเฟิงป๋อ…”
“ขอรับ!”
“…”
หลังจากเรียกชื่อครบทุกคน พวกเขาก็ได้รับยาถอนพิษกันถ้วนหน้าซึ่งพวกเขารีบใช้มันอย่างเร็วรี่ ในที่สุดความเจ็บปวดอันร้อนระบมที่แผดเผาทั่วร่างก็หายไปเสียที
พวกเขาถอนหายใจโล่งอกและเงยหน้าขึ้นมองเด็กหนุ่มที่แตกต่างจากมนุษย์ทั่วไปผู้นี้ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะได้พบกับอาจารย์ที่ดุร้าย อีกทั้งยังสามารถใช้ยาพิษเล่นงานพวกเขาเป็นการลงโทษได้อีกด้วย
พวกเขาจะทำอย่างไรดี ?
นักเรียนใหม่ของสํานักย่อยปรุงยาเข้าเรียนเร็วกว่าสํานักส่วนนอกซวนเสีย พวกเขาเข้าเรียนมาหนึ่งเดือนแล้ว แต่ยังไม่เข้าใจอะไรเลยสักอย่าง มีอาจารย์เจ็ดถึงแปดคนที่โกรธพวกเขาจนถึงกับต้องหนีไป ที่น่าเศร้าคือแต่ละคนทําอะไรพวกเขาไม่ได้เลย
แต่วันนี้ คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าอาจารย์คนใหม่ผู้นี้จะลงมือกับพวกเขาก่อนแล้ว อีกทั้งยังน่าตื่นกลัวมาก
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “ยังมีอีกสี่คนที่ไม่อยู่หอพัก พวกเจ้ารู้ไหมว่าพวกเขาไปไหน ?”
“พวกเราก็ไม่รู้เหมือนกันขอรับ”
มู่เฉียนซีขมวดคิ้วมองพวกเขาด้วยสายตาคาดคั้น
“พวกเราไม่รู้จริง ๆ ขอรับ”
มู่เฉียนซีจึงพยักหน้า “ได้ เช่นนั้นข้าจัดการพวกเจ้าก่อนแล้วกัน”
“พวกเจ้าทั้งหลายจงตามข้ามาที่ห้องตําราประจำสํานักย่อยปรุงยาของพวกเจ้า วันนี้ท่องจำตําราสมุนไพรวิญญาณของห้องตําราซะ พรุ่งนี้เช้าจะสอบ หากพวกเจ้าจำไม่ได้ก็จะต้องประหลาดใจแน่” มุมปากของมู่เฉียนซียกขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง ๆ อย่างนุ่มนวล แม้ที่เพิ่งพูดไปจะเป็นคำขู่ก็ตาม
“ประหลาดใจ!” พวกเขารู้สึกเย็นวาบที่ด้านหลังไปตาม ๆ กัน
น่าจะเรียกว่าตกใจกลัวเสียมากกว่า
ห้องตําราของสํานักย่อยปรุงยามีแต่หนังสือธรรมดา ๆ แทบเรียกได้ว่าไม่มีสิ่งที่มู่เฉียนซีต้องการเลย หลังจากมอบภารกิจให้พวกเขาแล้ว นางก็รู้สึกว่าถึงเวลาที่จะคิดบัญชีกับตาแก่พวกนั้น
“มู่ซี เจ้ามาแล้ว ไม่ใช่ว่าเจ้าต้องเข้าสอนตอนนี้หรอกรึ ? ตาเฒ่า ข้าเจอปัญหาบางอย่างที่นี่ เจ้ามาดูหน่อยสิ…”
“เจ้าหนูมู่ซี…”
เมื่อเห็นมู่เฉียนซีมาถึง พวกเขาทั้งหมดก็ต้อนรับอย่างอบอุ่น
ทว่าใบหน้าของมู่เฉียนซีเปลี่ยนกลายเป็นเย็นชา “ข้าผ่านการสอบของพวกเจ้าจนสามารถเป็นอาจารย์ของสํานักย่อยปรุงยาได้ แต่ตาแก่อย่างพวกเจ้ากลับอยู่เบื้องหลัง รวมหัวกันยกให้ข้าสอนศิษย์ที่ส่วนใหญ่ไม่มีความรู้ความสามารถ”
แต่เดิม นางคิดว่าคนที่สามารถเข้าสํานักย่อยปรุงยาได้ล้วนเป็นอัจฉริยะด้านการปรุงยา แต่คนที่นางได้พบเจอในวันนี้ทําให้มุมมองของนางเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
“สวรรค์โปรด! ใครกันที่รนหาที่ตายเอาห้องเจ็ดขั้นต้นมาให้เจ้า!”
“ข้าจะไปคิดบัญชีกับเจ้าอ้วนนั่นเดี๋ยวนี้”
“ข้ารายงานหมดแล้ว ตอนนี้เปลี่ยนคนก็ไม่ดีแล้ว…”
“ฮ่า ๆ ๆ ก็ใช่ จริง ๆ แล้วมู่ซีสอนอัจฉริยะไปก็คงไม่รู้สึกถึงความสําเร็จอะไรหรอก หากเจ้าสามารถฝึกเศษขยะให้กลายเป็นอัจฉริยะได้ นั่นคงจะกลายเป็นปาฏิหาริย์ของสํานักศึกษาซวนเสียของพวกเราอย่างแน่นอน! จริงไหมล่ะ ?”
“ใช่! ใช่แล้ว” เพื่อระงับความโกรธของมู่เฉียนซี และกลัวว่ามู่เฉียนซีจะหนีไปเช่นนี้ ในที่สุดพวกเขาก็พบข้ออ้างที่จะโน้มน้าวนางได้
“ถ้าหากเจ้าต้องการเปลี่ยนขยะให้กลายเป็นอัจฉริยะ นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขามีคุณสมบัติเป็นอัจฉริยะเจ้าถึงจะทำได้ เอาข้อมูลของพวกเขามาซะ”
“ได้เลย!”
มู่เฉียนซีอ่านข้อมูลนั้นแล้วถึงกับปวดศีรษะ นักเรียนห้องเจ็ดระดับปฐพี ส่วนหนึ่งล้วนเป็นลูกหลานของนักปรุงยาที่มีชื่อเสียงและฝีมือร้ายกาจที่ต้องการให้บุตรหลานของตนสืบทอดวิชาปรุงยาของพวกเขา แต่สุดท้าย ต่อให้ถูกส่งเข้าสํานักย่อยปรุงยาก็ไม่ศึกษาไม่เรียนรู้จนไร้ความสามารถอยู่ดี
บางคนต้องการให้บุตรหลานเป็นนักปรุงยามากเสียจนส่งสมุนไพรวิญญาณไปยัดใต้โต๊ะ และ…
“ดูผลในวันพรุ่งนี้ กลับไปฝึกกันก่อนแล้วกัน” มู่เฉียนซีกลับมาที่สำนักส่วนนอกเพื่อเปลี่ยนโฉมหน้า แต่สุดท้ายก็ได้ยินเสียงคนตะโกนเสียงดังโหวกเหวกอยู่หน้าประตูหอพักของนาง
“มู่เฉียนซี เจ้าออกมาเดี๋ยวนี้เลย!”