ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ – ตอนที่ 616 ไต่อันดับอย่างบ้าคลั่ง

เมื่อครู่ซ่างกวนเม่าคุยโวโอ้อวดมากเกินไป ในขณะที่พลังทำลายล้างใกล้เข้ามานั้น เขาคิดจะหลบหลีกแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว

ตูม! เสียงดังสนั่นขึ้น

เปรี้ยง! ลานประลองยุทธ์อันแข็งแกร่งนั้นแหลกสลาย และร่างของซ่างกวนเม่าก็จมลงไปในซากปรักหักพังนั้น และเขาก็เป็นลมหมดสติไป

“แข็งแกร่ง! แข็งแกร่งยิ่งนัก”

“ช่างกล้าหาญมาก!”

“……”

ชั่วครู่หนึ่งทั่วทั้งลานประลองก็คึกคักขึ้น

“ทักษะวิญญาณนี้แข็งแกร่งเกินไปแล้ว ฆ่าได้ภายในชั่วพริบตาเดียว!”

“ช้ะ! นักเรียนใหม่เก่งกาจเช่นนี้ นี่จะโจมตีให้ตายเลยหรือไง ?”

ซ่างกวนเม่าถูกโจมตีด้วยกระบวนท่าเดียว ในเมื่อมาแล้ว มู่เฉียนซีก็เลือกที่จะไต่อันดับขึ้นไปอย่างแน่นอน

มู่เฉียนซีในฐานะที่เป็นจอมภูตพลังธาตุวารีเดิมทีก็สามารถต่อสู้ข้ามระดับได้ ฝึกฝนเคล็ดวิชาเทพต้านสวรรค์ยิ่งเป็นทักษะที่สูงกว่าปกติ อีกทั้งยังมีทักษะตี้ซวนกับทักซะเทียนซวนที่จิ่วเยี่ยเป็นคนสอนให้อีก การต่อสู้ข้ามระดับถึงสองสามระดับนั้นไม่ใช่ปัญหาแน่นอน ดังนั้นสำนักศึกษาจึงส่งคู่ต่อสู้ที่ต่ำกว่าขั้นจักรพรรดิระดับสี่ออกมารับมือกับนักเรียนใหม่วิปริตผู้นี้

นอกจากมู่เฉียนซีแล้วยังมีนักเรียนใหม่อีกคนหนึ่งก็กำลังไต่อันดับขึ้นมาเช่นกัน นั่นก็คือโม่ซางคง

แนวโน้มที่เพิ่มขึ้นนั้น ถึงแม้ว่าจะไม่ได้วิปริตเท่ากับมู่เฉียนซี แต่ก็โดดเด่นและเก่งกาจกว่านักเรียนเก่าส่วนมากมาก

“สามสิบอันดับแรก ? มู่เฉียนซีไต่ขึ้นมาถึงสามสิบอันดับแรกแล้ว”

“คงไม่คิดจะต่อสู้วันเดียวไต่ขึ้นมาถึงสิบอันดับแรกหรอกกระมัง!”

“ยี่สิบอันดับแรก!”

“สิบอันดับแรก!”

มู่เฉียนซีต่อสู้ไต่อันดับขึ้นมาในวันเดียวจริง ๆ ด้วย นอกจากขายยาวิญญาณได้รับค่าวิญญาณมาแล้ว ตอนนี้ในมือนางยังมีทรัพย์สมบัติอยู่ไม่น้อยเลย

ทุกคนมองไปที่มู่เฉียนซีที่ได้รับชัยชนะอย่างต่อเนื่อง พลังวิญญาณดูเหมือนจะใช้อย่างไรก็ไม่มีวันหมด พวกเขาก็แทบจะมึนชาไปแล้ว

ตอนนี้ในสิบอันดับแรก ผู้ที่สามารถท้าประลองได้ก็คือจูเก๋ออี้เทียนผู้ที่อยู่อันดับที่เจ็ด ส่วนผู้อื่นนั้นจะต้องเตรียมพร้อมสำหรับการทดสอบประจำเดือนในครั้งนี้

“สหายมู่เฉียนซี เจ้ายังอยากท้าประลองต่อกับจูเก๋ออี้เทียนผู้ที่อยู่อันดับเจ็ดเช่นนั้นเหรอ ?”

มู่เฉียนซีกล่าว “ใช่!”

การประลองได้ถูกจัดขึ้นพร้อมแล้ว ไม่นานนักมู่เฉียนซีก็ได้เผชิญหน้ากับจูเก๋ออี้เทียน

“วะฮ่ะฮ่ะฮ่ะ! นึกไม่ถึงเลยว่าข้าจะถูกสาวงามพลิกไพ่เข้าแล้ว ช่างน่าตื่นเต้นยิ่งนัก!” จูเก๋ออี้เทียนรูปร่างหน้าตางดงาม ตอนนี้เขามองมู่เฉียนซีด้วยรอยยิ้มเจ้าชู้

“รอตอนที่เจ้าพ่ายแพ้ต่อข้า เจ้าจะยิ่งตื่นเต้นมากกว่านี้อีก” มู่เฉียนซีตอบกลับ

“ศิษย์น้องคนสวย เจ้านี่ช่างคุยโวโอ้อวดได้ดีเยี่ยมจริง ๆ เลยนะ! แต่ข้าก็ชอบมาก เส้นทางแห่งชัยชนะของเจ้า มันจะสิ้นสุดลงในตอนนี้”

“สิ้นสุดลง เจ้าช่างมั่นใจในตัวเองมากเสียจริง!”

“ต้องบอกไว้ก่อนเลยว่าทักษะวิญญาณคู่นั้นของเจ้า สำหรับพลังระดับสี่ลงมานั้นมันมีกำลังที่แข็งแกร่งไม่อาจต้านทานได้ แต่มันก็ยังมีจุดอ่อนอยู่ มันไม่เหมาะกับการโจมตีระยะไกล เพียงแค่ข้าไม่ให้เจ้าเข้ามาใกล้ เช่นนั้นก็เพียงพอที่จะหลบหลีกได้”

ผู้ที่สามารถครองอันดับเจ็ดได้นั้น แน่นอนว่าไม่ใช่ตัวละครธรรมดา

ข้อเสียของทักษะเทียนซวนและทักษะตี้ซวนนั้นถูกเขามองออกแล้ว มู่เฉียนซีกล่าว “เช่นนั้นก็ดู ว่าเจ้าจะมีความสามารถหลบหลีกมันได้หรือไม่”

“เริ่มการประลอง!”

ทันทีที่ผู้ตัดสินประกาศเริ่มการประลอง จูเก๋ออี้เทียนก็ชิงโจมตีก่อน เขารู้ดีว่าหญิงสาวผู้ที่มีพลังขั้นราชาแห่งภูตระดับเก้าตรงหน้าผู้นี้ แข็งแกร่งกว่าคู่ต่อสู้รุ่นเดียวกันเหล่านั้นที่เขาเคยเจอมามาก

หอกยาวด้ามหนึ่งถูกนำออกมา ทันทีที่ปลายหอกขยับก็พุ่งเป้าไปที่คอของมู่เฉียนซีทันที

“จูเก๋ออี้เทียนลงมือจริง ๆ แล้ว เขาเอาหอกออกมาแล้วนั่น”

“สนามนี้เขาต้องชนะเป็นแน่ ภายในวันเดียวก็ทำให้นักเรียนใหม่ไต่อันดับขึ้นมาถึงสิบอันดับแรก หากเขายังเอาชนะไม่ได้อีก ตาเฒ่าอย่างพวกข้าคงต้องอับอายขายขี้หน้าเป็นแน่”

“……”

ทันทีที่ร่างของมู่เฉียนซีเคลื่อนไหว ปลายหอกนั้นก็แทงทะลุเงาร่างปลอมของนางไป

“ทักษะตี้ซวน!”

พลังอันแข็งแกร่งของทักษะวิญญาณนี้พุ่งไปที่จูเก๋ออี้เทียนรุนแรงอย่างมิอาจต้านทานได้

พลังวิญญาณของเขาไหลเวียนอย่างบ้าคลั่งทำให้กระบวนท่านี้ของมู่เฉียนซีล้มเหลวลง

ตูม ตูม ตูม!

ฝุ่นละอองลอยตลบอบอวลทั่วทุกสารทิศ ทุกคนถอนหายใจด้วยความโล่งอกไปเปลาะหนึ่ง “หลบได้แล้ว”

จูเก๋ออี้เทียนสามารถหลบหลีกได้อย่างสบาย ดูเหมือนจะทำให้พวกเขาได้เห็นแล้วว่าสามารถขัดขวางความหวังในชัยชนะของมู่เฉียนซีได้

ร่างสีม่วง และร่างสีขาวทั้งสองนั้นได้เคลื่อนไหวสลับกันไปมาทำให้ผู้คนดูแล้วตาลาย หลังจากที่ปะทะกันอย่างดุเดือดอีกครั้ง เงาร่างทั้งสองก็แยกจากกัน จูเก๋ออี้เทียนมองมู่เฉียนซีและกล่าวว่า “ศิษย์น้องคนสวย หากเจ้าอยู่ในระดับจักรพรรดิ วันนี้ข้าคงต้องพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย แต่เจ้าเป็นแค่ราชาแห่งภูต พลังก็ถึงขีดจำกัดแล้ว วันนี้ข้าชนะแน่แล้ว”

มู่เฉียนซีกล่าว “นั่นมันก็ไม่แน่หรอกนะ!”

มู่เฉียนซีชักกระบี่ยาวเล่มหนึ่งออกมา ทุกคนต่างก็จับจ้องไปที่กระบี่เล่มนั้น

“มันก็แค่อาวุธวิญญาณระดับต่ำ!”

“ข้าก็คิดว่าอาวุธวิญญาณระดับสูงที่จะกู้สถานการณ์ได้ ก็แค่อาวุธวิญญาณระดับต่ำ เทียบอาวุธสงครามของจูเก๋ออี้เทียนไม่ได้สักนิด ดูท่าแล้วศิษย์น้องผู้นี้ต้องพ่ายแพ้แล้วหล่ะ”

“……”

ตัวกระบี่นี้มู่เฉียนซีเป็นคนหลอมขึ้นมาเอง แน่นอนว่าเป็นอาวุธวิญญาณระดับต่ำ

จูเก๋ออี้เทียนยิ้มพลางกล่าว “ศิษย์น้อง นี่เจ้าจะทำให้ข้าตกใจมากไปแล้ว ข้าก็คิดว่าเจ้าจะเอาอาวุธเทพต้านสวรรค์ออกมาซะอีก นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นอาวุธวิญญาณระดับต่ำเช่นนี้ไปได้!”

“หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว มาตัดสินแพ้ชนะด้วยกระบวนท่านี้ดีกว่า!” มู่เฉียนซีกล่าว

“ก็ดี ตัดสินแพ้ชนะด้วยกระบวนท่าเดียว!” จูเก๋ออี้เทียนก็เคลื่อนไหวแล้วเช่นกัน

“มังกรเพลิงสังหาร!”

ทันทีที่ปลายกระบี่ขยับ มังกรเพลิงสีแดงฉานก็คำรามออกมาราวกับมังกรเทพศักดิ์สิทธิ์โบราณก็มิปาน กวัดแกว่งไปด้วยพลังอันแข็งแกร่ง

รูม่านตาของจูเก๋ออี้เทียนหดลงไปในทันที นี่มัน……

เป็นไปได้ยังไง ?

เขารวบรวมพลังวิญญาณทั้งหมดเพื่อต่อต้าน แต่ก็ไม่สามารถหลบหลีกได้ และชะตากรรมของเขาก็ถูกมังกรเพลิงโอบล้อมเอาไว้แล้ว!

ไป๋เหยียนและฉินตั่วเอ๋อร์ก็ตกใจผงะไปเช่นกัน “ที่แท้ก็มีกระบวนท่านี้อยู่นี่เอง นึกไม่ถึงเลยว่าครั้งก่อนนางจะไม่ใช้!”

พวกเขากล่าวอย่างจนปัญญาว่า “นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าครั้งก่อนนางจะยังยั้งมือ พวกเราพ่ายแพ้โดยที่ไม่ได้เสียเปรียบเลย!”

ตูม! ร่างของจูเก๋ออี้เทียนกระเด็นลอยลงไปจากลานประลอง

ทุกคนได้ยินเสียง แกร๊ง! ดังขึ้น กระบี่มังกรเพลิงหักอีกครั้ง

ทุกคนตกตะลึงจนอ้าปากค้าง เมื่อครู่กระบี่เล่มนั้นทรงพลังยิ่งนัก จู่ ๆ ก็หักไปง่าย ๆ เช่นนี้

มู่เฉียนซีหยิบคมกระบี่กับตัวกระบี่ขึ้นมา อาจารย์ใหญ่ของสำนักซวนเสียผู้นั้นไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหนกันแน่ จะต้องทำเช่นไรถึงจะให้เขาปรากฏตัวออกมา มิเช่นนั้นแล้วกระบี่มังกรเพลิงก็คงจะใช้ได้แค่ครั้งต่อครั้ง เช่นนี้ช่างน่ารำคาญใจยิ่งนัก

รายชื่อในอันดับเจ็ดตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็นคนใหม่แล้ว นั่นก็คือมู่เฉียนซีผู้ที่เป็นนักเรียนใหม่ ข่าวนี้ได้สร้างความตื่นเต้นไปทั่วทั้งสำนักศึกษา

โม่ซางคงก็เข้าสู่สามสิบอันดับแรกได้อย่างน่าทึ่งเช่นกัน ส่วนฉินปา หลังจากที่อาการบาดเจ็บดีขึ้นเขาก็อดไม่ได้ ลุกมาต่อสู้ไต่อันดับต่อไป

มู่เฉียนซีก็ไม่ได้ห้ามเขา เพียงแค่มอบยารักษาอาการบาดเจ็บให้เขาไป

ภายใต้การสอนในรูปแบบปีศาจของมู่เฉียนซี นักเรียนห้องเจ็ดก็สามารถหลอมเม็ดยากึ่งสำเร็จรูปได้แล้ว

หากผู้อื่นรู้ว่าพวกเขาก้าวหน้าได้รวดเร็วเช่นนี้ จะต้องคุยโวโอ้อวดว่าพวกเขาเป็นอัจฉริยะอย่างแน่นอน แต่ผลสุดท้ายกลับยังไม่เป็นที่พอใจในสายตาของท่านอาจารย์ปีศาจร้ายของพวกเขา

“ปริมาณในการใช้ยายังน้อยเกินไป เจ้าสังเกตไม่เห็นเหรอ!”

“ใช้ตัวยาผิดแล้ว!”

“สิ่งเจือปนเยอะเกินไป!”

“ออ! ช่วงนี้ข้ากำลังศึกษาพิษชนิดใหม่อยู่ หากผลงานของพวกเจ้ายังคงเป็นเช่นนี้ พวกเจ้าก็จะเป็นผู้โชคดีที่จะได้ลองยานั้น”

ใบหน้าที่งดงามราวกับภูตปีศาจนั้นกลับเผยรอยยิ้มชั่วร้ายราวกับปีศาจออกมา

สีหน้าของทุกคนซีดเผือดไป จากนั้นก็กลับไปปรุงยาอย่างมุ่งมั่นอีกครั้ง

มู่เฉียนซีเดินออกไปจากห้องปรุงยาก็ได้เห็นกับหวงฝู่จี้เหินที่มองมาจากไกล ๆ และดูเหมือนว่าตอนนี้เขาจะสังเกตเห็นการจ้องมองของมู่เฉียนซีแล้ว เขารีบหันหลังวิ่งไป มู่เฉียนซีตะโกนเรียก “หวงฝู่จี้เหิน หยุดเดี๋ยวนี้!”

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

Score 7.8
Status: Ongoing Artist: Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ นางคือหมอปีศาจผู้เหี้ยมโหดแต่กลับต้องมาอยู่ในร่างของหญิงอ่อนแอไร้ความสามารถที่ผู้คนพากันรังเกียจ ทว่าหลังทำพันธสัญญากับเทพอสูรโบราณ ฝึกฝนบำเพ็ญเคล็ดวิชาต้านสวรรค์จึงเปล่งประกายเจิดจรัสจนผู้คนต้องหลบตาไปตาม ๆ กัน ทั้งยังครอบครองพิษหลายแขนง ใครที่กล้ามารังแกนาง นับว่ารนหาที่ตาย! โอสถเก้าสรรพคุณน่ะหรือ นั่นมันถั่วเคลือบน้ำตาลไว้ให้สัตว์เลี้ยงแสนน่ารักของนางกินเล่นต่างหากเล่า ปรุงยาเป็นก็ต้องเอาแต่ใจอย่างนี้นี่ล่ะ! -------------------------- เขาคือเยี่ยอ๋องรูปงามผู้เย้ายวน ผู้คนต่างเข้าใจว่าเขาเหี้ยมโหดไร้ความปรานี แต่ทำไมกับนาง เขาถึงได้เอาแต่ตามติดจนสลัดไม่หลุดอย่างนี้นะ “ท่านจ้องข้าทำไม” “ข้ากำลังคิดอยู่ว่า เจ้าจะกลายมาเป็นสตรีของข้าอย่างถูกต้องเมื่อไหร่” ทันใดนั้น เข็มเล็กก็จ่อเข้าที่เอวของเขา นางเอื้อนเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “ท่านอ๋อง การหุนหันพลันแล่นเปรียบดั่งปีศาจร้าย หากพิษเข้าร่างเกรงว่าท่านคงจะต้องมีชะตาเยี่ยงขันทีไปชั่วชีวิต!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset