“ทะ ท่านอาจารย์มู่……” หวงฝูจี้เหินก้มหน้ากล่าวตะกุกตะกัก
“ให้ข้าตรวจสอบพลังจิตของเจ้าหน่อย!” ทันใดนั้นสีหน้าของหวงฝู่จี้เหินพลันซีดขาวไป เขาร่นตัวถอยหลังไปหลายก้าวโดยที่ไม่รู้ตัว
แต่สุดท้ายก็ถูกมู่เฉียนซีขวางเอาไว้ “ข้าก็แค่อยากตรวจสอบดูเท่านั้นเอง ไม่ได้จะกินเจ้าสักหน่อย”
ทันทีที่พลังจิตของมู่เฉียนซีเข้าไปสำรวจก็ตกใจสะดุ้งไป “ร่างไร้พลังวิญญาณ!”
หม้อวิญญาณนิรันดร์ได้ถ่ายทอดร่างลึกลับร่างหนึ่ง เป็นร่างที่ไร้พลังวิญญาณและไร้พลังจิต
ทว่า ตลอดชีวิตที่ผ่านมาเขาต่อต้านมาโดยตลอด ดังนั้นการต่อสู้กับร่างนี้เขาจึงได้ศึกษาการปรับแก้ออกมาแล้ว
หลังจากที่ปรับแก้ก็ยังคงไร้พลังวิญญาณและไร้พลังจิตอยู่ แต่กลับสามารถเสริมความแข็งแกร่งให้กับจิตวิญญาณที่ว่างเปล่า สามารถฝึกฝนและสามารถปรุงยา
หวงฝู่จี้เหินผงะไปครูหนึ่ง เดิมทีคิดว่าท่านอาจารย์จะบอกว่าเขาไร้ประโยชน์ กลับนึกไม่ถึงเลยว่าจะกล่าวอะไรที่เขาไม่เข้าใจเช่นนี้
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าชื่นชอบการปรุงยา ข้าดูออก เป็นเพราะว่าข้ากับเจ้าเป็นคนที่ชื่นชอบในการปรุงยาเหมือนกัน”
ร่องรอยความเศร้าเสียใจปรากฏขึ้นภายในแววตาของหวงฝู่จี้เหิน ชอบแล้วมันจะมีประโยชน์อะไร ถึงยังไงชีวิตนี้เขาก็ไม่มีทางที่จะเป็นนักปรุงยาได้
“วันพรุ่งข้าจะเปิดสอนวิชาโอสถ ถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่มีพลังจิต แต่เจ้าก็ปรุงยาได้เช่นกัน”
“วิชาโอสถ ? เหตุใดถึงต้องเรียนการปรุงยา!”
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “เจ้าขังตัวเองไว้ในสำนักศึกษานานเกินไปแล้ว ไปตามข่าวสารบ้างนะ โอสถของหอหมอปีศาจข้าไม่ใช่โอสถธรรมดา!”
และทันใดนั้นเองซูเซิงก็วิ่งพรวดเข้ามาด้วยสีหน้าเขียวคล้ำ
“ท่านอาจารย์ ข้าเข้าใจแล้ว หมอพิษก็คือหมอยาแขนงหนึ่ง ข้าเคยจงใจที่จะแยกมันออกไป ช่างเป็นวิธีการของคนโง่เขลาจริง ๆ ท่านอาจารย์รีบแก้พิษให้ข้าเถอะ ข้าไม่ไหวแล้ว!”
แสงสีเงินเปล่งแสงวาบขึ้น เข็มยาเข็มหนึ่งปักลงที่แขนของเขา
ไม่นานนักสีหน้าของซูเซิงก็เริ่มดีขึ้นมาก มู่เฉียนซียกเข็มยาขึ้นพลางกล่าว “นี่คือประสิทธิภาพของยา หากวันพรุ่งเจ้าอยากเรียนแล้วล่ะก็ อย่าได้ลาอีกล่ะ”
ของเหลวเพียงเล็กน้อยเช่นนั้นกลับมีประสิทธิภาพเทียบได้กับยาเม็ด ดวงตาของซูเซิงตอนนี้เปล่งประกายขึ้น เงยหน้าขึ้นโดยที่ไม่รู้ตัวและกล่าวว่า “ท่านอาจารย์ ข้าเข้าเรียนแน่นอน”
วันรุ่งขึ้นได้ยินว่ามู่เฉียนซีจะเปิดสอนวิชาโอสถ ทุกคนต่างก็คึกคักขึ้นมาทันที
“โอสถ! นึกไม่ถึงว่าจะเป็นโอสถ ได้ยินมาว่ามีหอหมอปีศาจอยู่ในเสียโจว ประสิทธิภาพของโอสถนั้นเทียบเท่ากับเม็ดยาลูกกลอนเชียวนะ ช่างน่าทึ่งมาก คนจำนวนมากแทบไม่อยากจะเชื่อ ท่านอาจารย์ ท่านจะสอนการปรุงยานั้นให้พวกเราใช่หรือไม่”
“แต่นั่นเป็นโอสถพิเศษของหอหมอปีศาจนะ ท่านอาจารย์ท่านรู้ได้เช่นไร ?”
พวกเขาต่างก็จ้องมองไปที่มู่เฉียนซี มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกขึ้น นางกล่าว “ออ! ดูเหมือนว่าจะลืมบอกพวกเจ้าไปว่าข้าคือหมอปีศาจมู่ซี”
พวกเขาได้ยินเช่นนี้ก็ตกใจขึ้น “พระเจ้า! ท่านอาจารย์คือหมอปีศาจ!”
“พระเจ้าช่วย! ท่านอาจารย์ของพวกเราคือหมอปีศาจ!”
“น่ากลัวเช่นนี้ โหดร้ายเช่นนี้ใช่ว่าจะไร้เหตุผล”
“เพียงแต่ว่า ถ้าหากท่านอาจารย์คือหมอปีศาจมู่ซี เจ้าของหอหมอปีศาจ แล้วจะมาเป็นอาจารย์ในสำนักศึกษาพวกเราทำไมกัน ?” พวกเขายิ่งไม่เข้าใจ
มู่เฉียนซีกล่าว “ง่ายมาก! ได้ยินมาว่าในสำนักศึกษาซวนเสียมีอัจฉริยะมากมาย ข้าก็แค่มาเลื่อยขาเก้าอี้ดูไม่ออกเหรอ มีเพียงแค่นักเรียนที่ยอดเยี่ยมที่ข้าฝึกฝนมาด้วยตัวเองเท่านั้น ที่จะง่ายต่อการเลื่อยขาเก้าอี้ แต่คิดไม่ถึงว่ารองอาจารย์ใหญ่อ้วนท้วนนั่นจะให้ข้ามาสอนนักเรียนที่ไม่มีพื้นฐาน และนักเรียนที่มีปัญหาไม่อยากก้าวหน้าเหล่านี้”
“แล้วตอนนี้ข้าก็รู้สึกอารมณ์ไม่ดีมาก ๆ ว่าจะไปหาท่านผู้อาวุโสให้ช่วยเปลี่ยนนักเรียนห้องอื่น พวกเจ้าคิดเช่นไร ?”
ชั่วครู่หนึ่ง ทุกคนก็นิ่งเงียบไป
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะถูกลงโทษอย่างทรมานเจียนตายทุกวัน แต่หากเขาจะเปลี่ยนนักเรียน พวกเขาก็รู้สึกเหมือนกับไม่ถูกใจ!
เขาก็เป็นตำนานตำนานหนึ่ง เป็นบุคคลในตำนาน ไม่ว่าจะเป็นความรู้ในเรื่องการปรุงยา หรือจะเป็นวิธีการปรุงยา พวกเขาล้วนแต่ศรัทธาเลื่อมใสเขาอย่างหาที่เปรียบมิได้
ทุก ๆ ครั้งที่เขาปรุงยาการแสดงออกของเขานั้นช่างสมบูรณ์แบบทำให้ผู้คนต่างก็หลงใหล อาจารย์เช่นนี้หมื่น ๆ ปีก็ยากที่จะได้เจอ
พวกเขาไม่ต้องการให้เขาจากไปอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าจะได้รับความโหดร้ายทารุณอยู่บ้าง แต่ว่า……
จ้านเทียนอวี้กล่าว “ท่านอาจารย์ ท่านต้องเชื่อในตัวพวกเรานะ ท่านสอนพวกเรามานานถึงเพียงนี้แล้ว พวกเขาต้องแข็งแกร่งกว่าคนอื่น ๆ ได้แน่นอน!”
“ใช่ ใช!”
เฟิ้งชิงอู่ร้องไห้ขึ้นและกล่าวว่า “ท่านอาจารย์ ท่านหน้าตาดีเช่นนี้ หากข้าไม่ได้เห็นหน้าท่าน หัวใจของข้าต้องสลายเป็นแน่!”
“วันนี้รองอาจารย์ใหญ่ได้บอกข้าว่า อีกไม่นานการทดสอบประจำเดือนของหน่วยสำนักปรุงยาก็จะเริ่มขึ้นแล้ว หากพวกเจ้าอยู่อันดับสุดท้ายแล้วล่ะก็ หึหึหึ!” แววตาของมู่เฉียนซีฉายแววข่มขู่
“อันดับสุดท้าย จะเป็นอันดับสุดท้ายไปได้ยังไง พวกเราจะบดขยี้พวกนั้นให้แหลก”
“ใช่! ขยี้พวกนั้นให้แหลก!”
“หมอปีศาจในตำนานเป็นอาจารย์ของพวกเราเชียวนะ! หากเอาคะแนนสูงสุดมาไม่ได้ก็อับอายขายหน้าแย่หน่ะสิ”
วิธีนี้ของมู่เฉียนซีดูเหมือนว่าจะได้ผลกว่าการใช้พิษ นักเรียนเหล่านี้ถูกเกลี้ยกล่อมให้จำนนไปอย่างสมบูรณ์
การปรุงยา เป็นเพราะว่าหวงฝู่จี้เหินมีพื้นฐานดีอยู่แล้ว การปรุงยาจึงเป็นไปอย่างราบรื่น อีกทั้งยังมีความบริสุทธิ์สูงมาก
ซูเซิงก็ไม่ได้ยอมรับในเหตุผลที่ผิด ๆ นั้นแล้ว อีกทั้งพรสวรรค์ของเขาเองก็ดีมากอยู่แล้ว ดังนั้นจึงเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว
ไม่นานนักฤดูการทดสอบของหน่วยสำนักปรุงยาก็มาถึง มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าจะไม่ไปดูการทดสอบของพวกเจ้า ข้ารอแค่ผลลัพธ์เท่านั้น!”
“ท่านอาจารย์ ท่านรอดูคะแนนดีดีของพวกเราได้เลย!”
“หึหึหึ! พวกที่คิดว่าตัวเองสูงส่งพวกนั้น คอยดูเถอะ จะตกใจจนตาถลนออกมาแน่!”
“……”
การทดสอบประจำเดือนครั้งนี้ นักเรียนห้องเจ็ดทั้งหมดได้เข้าร่วมทุกคน ไม่มีผู้ใดไม่มาทดสอบ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก ทำให้ผู้คนไม่อยากจะเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง
หลังจากที่ผลการทดสอบประจำเดือนออกมา นักเรียนคนอื่น ๆ ทั้งหกห้องต่างก็รู้สึกว่าตนเองกำลังฝันร้ายอยู่!
อะไรนะ ?
อันดับหนึ่ง ซูเซิง นักเรียนห้องเจ็ด!
อันดับสอง ตู๋กูหร่านถง นักเรียนห้องเจ็ด!
อันดับสาม……
สิบเก้าอันดับแรกทั้งหมดล้วนแต่เป็นนักเรียนห้องเจ็ดทั้งสิ้น ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นความจริง
หลาย ๆ คนตบหน้าตัวเองอย่างแรงเพื่อพิสูจน์ว่าตนเองนั้นไม่ได้ฝันไป ทุกอย่างก็วุ่นวายขึ้น สิ่งเดียวที่ปลอบใจพวกเขาได้คือสวะไร้ประโยชน์อย่างหวงฝู่จี้เหิน นักเรียนห้องเจ็ดผู้นั้นยังคงครองอันดับสุดท้ายดังเดิม เพียงแต่หวงฝู่จี้เหินที่ได้อันดับสุดท้ายในครานี้กลับไม่ได้รู้สึกโศกเศร้าเสียใจเลยแม้แต่น้อย เพราะเขาได้เจอเป้าหมายในความพยายามของตัวเองแล้ว
ตราบใดที่เขาตั้งใจเรียนรู้การปรุงยา ต้องมีสักวันหนึ่งที่เขาจะได้อยู่ในโลกแห่งการปรุงยานั้น
เรื่องการปรับแก้นั้น มู่เฉียนซียังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับหวงฝู่จี้เหิน เพราะว่าสิ่งที่จำเป็นต้องใช้นั้นยังหามาไม่ครบ ดังนั้นจึงให้เขาเรียนรู้ในการปรุงยาก่อน
นักเรียนห้องอื่น ๆ ต่างก็ประหลาดใจเป็นอย่างมากว่าเหตุใดจู่ ๆ คะแนนของนักเรียนห้องเจ็ดถึงได้ดีขึ้นมาอย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้ และทันทีที่ได้ไปสืบหาข่าวมา ก็ได้รู้ว่าที่แท้หมอปีศาจมู่ซีผู้ลึกลับนั้นคืออาจารย์ของนักเรียนห้องเจ็ด
นี่คือห้องเจ็ดถูกผู้คนดูถูกมาโดยตลอด คนกลุ่มหนึ่งราวกับคนบ้าคลั่งอยากจะย้ายห้อง ทำให้รองอาจารย์ใหญ่โกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก
“ไม่ได้ ไม่ได้!”
นักเรียนห้องเจ็ดไม่ใช้คนที่ใจกว้างอะไรนัก ทำให้ผู้คนจำนวนมากเล่ห์เพทุบายเพื่อจะได้รับความโปรดปรานจากพวกเขา
“พวกเจ้าตัดใจเสียซะเถอะ! ห้องเจ็ดมีนักเรียนเพียงแค่ยี่สิบคนเท่านั้น หากใครคิดจะเข้ามา ข้าจะวางยาพิษให้ตายซะ!” ซูเซิงผู้สารพัดพิษกล่าวเสียงขรึม
ครั้นแล้วนักเรียนห้องอื่น ๆ ทำได้เพียงแค่อิจฉาริษยาเท่านั้น ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้ห้องเจ็ด
มู่เฉียนซีกล่าว “ทำผลงานได้ไม่เลวเลย ในเดือนต่อไป ทำความเข้าใจกับสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดให้กระจ่างแจ้ง พยายามเป็นนักปรุงยาระดับกลางให้ได้ หากทำไม่สำเร็จก่อนที่ข้ากลับมา พวกเจ้าคงจะเข้าใจนะ”
พวกเขาเหงื่อตกครั้งแล้วครั้งเล่า พวกเขาไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจจริง ๆ! ต่อไปมู่เฉียนซีก็จะให้พวกเขาเรียนรู้ด้วยตัวเองแล้ว เพราะการทดสอบประจำเดือนของสำนักนอกนั้นกำลังใกล้เข้ามาแล้ว……