เดิมทีแล้วฮั่วเฟยนั้นมิใช่คนอารมณ์ดีแต่อย่างใด เมื่อถูกมู่เฉียนซีกล่าวยั่วยุเช่นนี้เขาก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้น
เขากล่าวอย่างดุร้ายว่า “ดูท่าเจ้าจะรนหาที่ตายจริง ๆ ด้วย!”
“คนที่รนหาที่ตายเป็นเจ้าสิถึงจะถูก!”
ฮั่วเฟยกล่าวอย่างกระวีกระวาดว่า “จะประกาศเริ่มการประลองได้หรือยัง ข้าอดใจรอไม่ไหวแล้วอยากจะเผาเสื้อผ้านางให้สิ้น เส้นผมของนาง รวมทั้งใบหน้าสวย ๆ ของนางด้วย”
ตอนนี้ฮั่วเฟยอยากประลองเต็มทีแล้ว ผู้ตัดสินประกาศขึ้นว่า “เริ่มการประลองได้!”
ทันทีที่ผู้ตัดสินกล่าวจบ ทั่วทั้งลานประลองก็ร้อนแผดเผาขึ้น
เปลวไฟก่อตัวขึ้นเป็นเสือดุร้ายตัวหนึ่ง และพุ่งเข้าหามู่เฉียนซี
ร่างของมู่เฉียนซีพรวดออกไปดุจดั่งกับสายฟ้าฟาด นางกล่าวอย่างเย็นชาว่า “มังกรวารีพิฆาต!”
มังกรวารีอันเย็นยะเยือกทำให้อุณหภูมิบนลานประลองสมดุลขึ้น
ความร้อนและความเย็นได้ปะทะเข้าหากัน
ทุกคนเห็นการปะทะกันของพลังวิญญาณทั้งสอง ฝ่ายหนึ่งสีแดงฉาน อีกฝ่ายหนึ่งสีฟ้าอันเย็นยะเยือก หลังการปะทะกันมังกรวารีก็ตกร่วงลงมาตัดผ่านสายลม
ถึงอย่างไรเสียพลังของมู่เฉียนซีก็อ่อนแอกว่าฮั่วเฟยถึงสามระดับ เกิดผลลัพธ์เช่นนี้ก็นับว่าเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
มังกรวารีเพียงแค่ยับยั้งเอาไว้เท่านั้น ตอนนี้มู่เฉียนซีเข้าใกล้ฮั่วเฟยแล้ว พลังอันน่าสะพรึงกลัวได้กดอากาศลดต่ำลง และพุ่งไปทางฮั่วเฟย
ตูม! เสียงดังสนั่นหวั่นไหว รอยแตกก็ปรากฏขึ้นบนพื้นลานประลอง
ร่างของฮั่วเฟยกระเด็นออกไป บนใบหน้าย้อมไปด้วยฝุ่น เขามองมู่เฉียนซีด้วยสีหน้าที่โหดร้ายและกล่าวว่า “เจ้าก็พอมีฝีมืออยู่บ้างเหมือนกันนะ แต่คิดจะเอาชนะข้าด้วยฝีมือเพียงน้อยนิดแค่นี้ มันไม่มีทางเป็นไปได้!”
พลังธาตุอัคคีของเขาแผ่ซ่านออกมาอย่างบ้าคลั่ง เสืออัคคีหนึ่งตัว สิงโตอัคคีหนึ่งตัว และอสรพิษอัคคีอีกหนึ่งตัวพุ่งเข้าหามู่เฉียนซี
ทุกคนต่างก็สูดลมหายใจเย็นยะเยือกเข้าปอด “ฮั่วเฟยควบคุมธาตุอัคคีมาถึงขั้นนี้แล้วจริง ๆ ด้วย สามารถแปลงร่างได้ถึงสามร่าง!”
“ฮั่วเฟยไม่ใช่เป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในชั้นเรียนระดับกลางของพวกเรา แต่เรื่องการควบคุมพลังธาตุแล้ว เกรงว่าไม่มีใครที่จะสู้เขาได้!”
“เรื่องนี้ยังต้องพูดอีกรึ!”
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีจากทั่วทุกทิศเช่นนี้ เงาร่างของมู่เฉียนซีก็หมุนถึงขั้นขีดสุดเพื่อหลบหลีก
“มังกรวารีพิฆาต!” มังกรวารีได้ขวางก้อนเปลวไฟเอาไว้ และมู่เฉียนซีก็พัวพันอยู่กับฮั่วเฟยอีกครั้ง
ปัง ปัง ปัง!
ทั้งสองได้ปะทะกันไปมาบนลานประลองไม่รู้กี่กระบวนท่าต่อกี่กระบวนท่าจนผู้คนต่างก็ตาลายไป
จากนั้น ช่วงเวลาที่ตึงเครียดก็มาถึง
“น่าสังเวชแล้ว สหายมู่เฉียนซีน่าสังเวชแล้ว!”
“นางกำลังตกอยู่ในอันตราย!”
ทันใดนั้นลูกไฟขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้น และดูเหมือนว่าจะพุ่งเข้าหามู่เฉียนซีอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าลำแสงเสียอีก
ตอนนี้มู่เฉียนซีก็ไม่ได้หลบแต่อย่างใด ในเวลาเดียวกันพลังวิญญาณของนางก็ปรากฏออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“ทักษะเทียนซวน!”
พลังอันน่าสะพรึงกลัวทั้งสองได้ปะทะเข้าหากัน จากนั้นร่างของทั้งสองก็ถูกพลังนี้ตีจนทั้งสองถอยหลังไปติดขอบลานประลอง
เปรี๊ยง! เปรี๊ยง!
ลานประลองแตกระแหงกลายเป็นเศษหิน จากนั้นพลันเปลี่ยนเป็นก้อนกรวด!
ก้อนกรวด!
ทุกคนตกตะลึงจนตาค้าง “การสังหารนี้ช่างน่ากลัวยิ่งนัก!”
“หากพลังนี้กระทบลงบนร่าง กระดูกแหลกสลายกลายเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นก็จบเห่แล้ว”
ฮั่วเฟยที่ตอนนี้ยืนอยู่ที่ขอบลานประลองก็เกิดอาการอกสั่นขวัญหาย กระบวนท่านี้ทำให้เขาตกตะลึงเป็นอย่างมาก
ฮั่วเฟยกล่าว “ดูเหมือนว่า ข้าจะประเมินเจ้าต่ำไปแล้ว!”
ในตอนนี้เอง ทั่วทั้งร่างของเขาห่อหุ้มไปด้วยเปลวไฟ และพุ่งเข้าหามู่เฉียนซี
เปลวไฟของเขาตอนนี้กลายเป็นสีแดงเข้ม ใช้ร่างตัวเองเป็นอาวุธสงครามเข้าไปพัวพันกับมู่เฉียนซี ไม่ให้มู่เฉียนซีมีโอกาสใช้ทักษะวิญญาณอันแข็งแกร่งอย่างเมื่อครู่อีก
ปัง ปัง ปัง!
การต่อสู้ในครั้งนี้ทุกคนต่างก็จ้องมองจนตาค้าง แพ้ชนะยากที่จะคาดเดาได้จริง ๆ
เปลวไฟสีแดงนั้นย้อมไปที่กระโปรงของมู่เฉียนซี และได้เริ่มแผดเผา
ขวั่บ! กระบี่ยาวเล่มหนึ่งถูกมู่เฉียนซีชักออกมาจากฝัก กวัดแกว่งตัดชายกระโปรงที่ถูกแผดเผาขาดสะบั้น
หลังจากที่ร่นตัวถอยหลังออกห่างไปแล้ว มู่เฉียนซีก็กล่าวว่า “ฮั่วเฟย ไม่ใช่เจ้าคนเดียวที่จะใช้พลังอัคคีได้!”
ทุกคนตกตะลึง “นี่มู่เฉียนซีนางหมายความว่ายังไง หรือว่านอกจากนางจะเป็นจอมภูตพลังธาตุวารีแล้ว นางยังเป็นจอมภูตพลังธาตุอัคคีด้วยงั้นเหรอ ?”
“เป็นไปไม่ได้! ความเป็นไปได้ที่คนคนเดียวจะเป็นจอมภูตพลังธาตุคู่นั้นมีน้อยมาก”
มู่เฉียนซีค่อย ๆ พ่นคำห้าคำออกมา “มังกรเพลิงพิฆาต!”
มังกรเพลิงสีแดงฉานพุ่งออกมา พลังที่แกร่งกล้านั้นมันไม่ใช่สิ่งที่ของเล่นอย่างภาพลวงตาของฮั่วเฟยจะเทียบชั้นได้
สิงโตอัคคีกับเสืออัคคีเหล่านั้นที่ฮั่วเฟยได้สร้างขึ้นมาเป็นภาพลวงตา มันก็เป็นเพียงรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น ไม่ใช่ของศักดิ์สิทธิ์อะไร!
เผชิญหน้ากับการโจมตีอย่างกะทันหันของมู่เฉียนซีเช่นนี้ ฮั่วเฟยก็รู้สึกได้ว่ามังกรเพลิงนั้นอันตรายมาก เขารวบรวมพลังวิญญาณทั้งหมดแปลงร่างอสรพิษอัคคีออกมาเพื่อจะต่อต้านกับมังกรเพลิง!
ตูม! อสรพิษอัคคีและมังกรเพลิงได้ปะทะเข้าหากัน ไม่นานนักอสรพิษอัคคีก็พ่ายแพ้ไป ดุจดั่งมดปลวกตัวหนึ่งเผชิญหน้ากับมังกรตัวจริงก็มิปาน อสรพิษอัคคีนั้นไม่มีแม้กระทั่งกำลังในการต่อสู้
มังกรเพลิงจัดการอสรพิษอัคคีไปแล้ว และได้ห่อหุ้มร่างของฮั่วเฟยไว้
เดิมทีฮั่วเฟยคิดว่าในฐานะที่ตนเองเป็นจอมภูตพลังธาตุอัคคี สำหรับการโจมตีด้วยเปลวไฟเช่นนี้เขาต้องต้านทานเอาไว้ได้แน่ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าความคิดนี้ของเขามันช่างเป็นความคิดที่เพ้อฝัน เปลวไฟนี้ไม่ใช่เปลวไฟธรรมดา และเขาไม่อาจต้านทานได้!
อ๊า! เสียงกรีดร้องดังลั่นขึ้น
เสื้อผ้าของฮั่วเฟยถูกแผดเผาจนสิ้น
อ๊าย! เสียงกรีดร้องดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง หญิงสาวหลายคนในตอนนี้ก็เอามือปิดตาแล้ว
จากนั้นก็เป็นผมของเขาที่โดนเผาไหม้ จนเขากลายเป็นคนหัวโล้น และใบหน้าของเขาก็……
อ๊า อ๊า อ๊า! ฮั่วเฟยกรีดร้องขึ้นด้วยความเจ็บปวด เปลวไฟนี้ดูเหมือนจะมีวิญญาณสถิตอยู่ก็มิปาน
สิ่งที่เขากล่าวไว้กับมู่เฉียนซีทั้งหมดเมื่อครู่ มันกลับคืนสนองเขาแล้ว เจอผีเข้าแล้ว!
มู่เฉียนซีก็ตกตะลึงเช่นกัน กระบี่มังกรเพลิงยังไม่ได้กลายเป็นอาวุธวิญาณโดยสมบูรณ์ มีเพียงแค่จิตสำนึกที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดเท่านั้น นึกไม่ถึงเลยว่าแค่จิตสำนึกเพียงน้อยนิดนี้กลับปกป้องนางได้ และพยายามใช้พลังทั้งหมดเพื่อแก้แค้นให้นาง
แกร๊ง! เสียงหักของกระบี่ดังขึ้น ทำให้ความเจ็บปวดของฮั่วเฟยได้หยุดลง และเปลวไฟนั้นก็อันตรธานหายไปโดยสมบูรณ์
ตุบ! ฮั่วเฟยเป็นลมหมดสติไปล้มลงไปกับพื้น
ในตอนนี้เอง เสียงที่เต็มไปด้วยความแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรมก็ดังขึ้น “สหายมู่เฉียนซี ทุกคนล้วนแต่เป็นสหายกันทั้งนั้น เหตุใดเจ้าถึงลงมือได้อย่างโหดร้ายเช่นนี้”
“ฮือ ฮือ ฮือ! สหายฮั่วเฟยช่างน่าสงสารยิ่งนัก”
ซู่ซินเซี่ยเอามือปิดหน้าร้องห่มร้องไห้ออกมาราวกับคู่รักตายจากไปก็มิปาน
มู่เฉียนซีกล่าว “บนลานประลอง มีการบาดเจ็บมีความตายก็เป็นเรื่องปกติที่ต้องเกิด อีกอย่างฮั่วเฟยเป็นผู้ท้าประลองข้าก่อน เขาก็ต้องยอมรับผลที่เกิดขึ้น”
“อีกอย่างกระบี่เล่มนี้ทรงพลังมาก ข้าไม่อาจควบคุมพลังของมันได้ ตอนนี้กระบี่ของข้าก็ได้หักสะบั้นไปแล้ว ฮั่วเฟยได้รับบาดเจ็บ มันไม่ยุติธรรมอย่างไร!”
“ฮือฮือฮือ!” ซู่ซินเซี่ยไม่รู้จะกล่าวเช่นไรดี จึงได้แต่ร้องห่มร้องไห้ออกมา
“ทักษะวิญญาณนั่นเมื่อครู่ ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก กระบี่ที่สามารถใช้ทักษะวิญญาณนั้นได้ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน แต่ตอนนี้ก็ได้หักไปแล้ว ช่างน่าเสียดายจริง ๆ!”
“ใช่! ถึงแม้ว่าฮั่วเฟยจะได้รับบาดเจ็บ แต่สหายมู่เฉียนซีก็ได้สูญเสียไปไม่น้อย!”
“……”
เดิมทีมีคนมากมายที่ปกป้องซู่ซินเซี่ย แต่ตอนนี้พวกเขากลับเปลี่ยนฝ่ายไปอยู่ข้างมู่เฉียนซีแล้ว ถึงอย่างไรเสียการกระทำที่ผ่านมาของฮั่วเฟยในก่อนหน้านี้ พวกเขาใช่ว่าจะไม่รู้
สีหน้าของซู่ซินเซี่ยซีดเผือดจนเกือบจะเป็นลมหมดสติไป
การจัดอันดับในชั้นปฐพีสามสิบอันดับแรก ตอนนี้ถูกมู่เฉียนซีคว้าเอามาได้แล้ว ต่อมามู่เฉียนซีก็เริ่มใช้ค่าวิญญาณไปฝึกฝนในค่ายกลรวมวิญญาณเพื่อพยายามจะทะลวงจักรพรรดิแห่งภูตระดับสองให้ได้
มู่เฉียนซีกำลังฮึกเหิมอยู่กับการฝึกฝนอยู่ในค่ายกลรวมวิญญาณ แต่จิ่วเยี่ยผู้ที่โดนทิ้งให้อยู่คนเดียวหลายวันกลับมาจับตัวนางออกไป “จิ่วเยี่ย นี่มันอะไรกัน อือ……”