มู่เฉียนซีกล่าวด้วยท่าทีที่ยังคงสบาย ๆ ไม่เปลี่ยนแปลง “เพียงคำเดียว พวกท่านกล้าหรือไม่กล้าประลองกันแน่ ว่ามาเลย”
“กล้า!” รองอาจารย์ใหญ่ตอบเสียงเข้ม “ประลองก็ประลอง พวกเราจะไม่แพ้อย่างแน่นอน”
การเดิมพันรอบนี้ก็ได้ตกลงกันเสร็จสิ้นไปเช่นนี้…
……
เมื่อเหล่าศิษย์ห้องเจ็ดรู้ข่าวเรื่องการเดิมพัน พวกเขาพลันครึกครื้นขึ้นมา “สุดยอด! อาจารย์มู่ช่างทรงพลังจริง ๆ ไปสู้กับพวกตาเฒ่าหัวรั้นนั่นด้วยตัวคนเดียว”
“อาจารย์มู่อหังการนัก แต่ข้ายิ่งรักท่านมากขึ้นทุกวันแล้ว”
“โอ้! ท่านอาจรย์ที่น่าเคารพนับถือของข้า”
เห็นท่าทีตื่นเต้นเกินเหตุของพวกเขา มู่เฉียนซีอดกล่าวขึ้นไม่ได้ “เกินไปแล้ว นี่พวกเจ้าเชื่อในตัวข้าขนาดนั้นเลยรึ ?”
“อาจารย์มู่จะต้องเอาชนะพวกเขาได้อย่างแน่นอนขอรับ!”
“เหอะ! เรื่องนั้นยังต้องพูดอีกรึ อาจารย์ของพวกเราต้องชนะอยู่แล้ว”
คนเหล่านี้เชื่อในตัวของมู่เฉียนซีอย่างไม่มีข้อแม้ใด ๆ พวกเขาเอาแต่เอ่ยชมไม่ขาดปากเลย ทว่ามู่เฉียนซีทำได้เพียงยิ้มอย่างจนปัญญา สำหรับเรื่องของการปรุงยา นางได้รับมรดกมาจากหม้อเทพนิรันดร์ นั่นทำให้นางมีความรู้ในเรื่องของการปรุงยาที่สั่งสมมานับพันนับหมื่นปี นอกจากนี้ตัวนางยังมียาอยู่จำนวนนับไม่ถ้วน ยาที่ได้หลอมปรุงออกมานั้นอาจสามารถรักษาโรคที่แม้แต่ปรมาจารย์นักปรุงยาเองก็ยังไม่อาจรักษาให้หายดีได้
ข่าวลือที่ออกไปยังโลกภายนอกบอกว่าหอหมอปีศาจนั้นลึกลับนัก อย่างน้อยหมอปีศาจก็คงจะเป็นยอดปรมาจารย์นักปรุงยาผู้หนึ่ง หรือไม่ก็เป็นนักปรุงยาขั้นที่สูงกว่านั้น
ไม่มีผู้ใดคาดถึงอย่างแน่นอนว่าหมอปีศาจมู่ซีที่ได้ถูกถ่ายทอดวิชามาอย่างลึกลับที่สุดนั้น จะเป็นแค่เพียงผู้ที่เพิ่งทะลวงพลังเข้าสู่ระดับจักรพรรดิ และพลังความสามารถในการปรุงยาของเขานั้นก็ยังถือว่าอยู่ในระดับของนักปรุงยาขั้นสูงเท่านั้น
ถ้าหากว่ารองอาจารย์ใหญ่หาตัวนักปรุงยาขั้นสูงผู้หนึ่งมาละก็ ไม่แน่ว่านางอาจสู้ด้วยได้ก็ได้ แต่ในเมื่อนางยื่นเงื่อนไขออกไปเช่นนั้น แน่นอนว่าต้องมีหนทางเอาชนะให้ได้อยู่
หลังจากที่มู่เฉียนซีทักทายกับผู้อาวุโสหลายท่านเหล่านั้นแล้ว นางก็แปลงเป็นอาถิงเพื่อไปที่หอหมอปีศาจ
“นายท่าน!”
จู่ ๆ มู่เฉียนซีก็มาเยี่ยมเยียนอย่างกะทันหัน ทำให้โม่จิ่นประหลาดใจยิ่งนัก
มู่เฉียนซีเอ่ยถาม “จวินโม่อยู่ไหน ?”
โม่จิ่นเบ้ปากเล็กน้อย “เขากำลังกินข้าวอยู่ตรงนั้น”
สำหรับหัวหน้านักปรุงยาของหอหมอปีศาจ โม่จิ่นจนปัญญากับเขาอย่างที่สุด โปรดจงอย่าได้กินเก่งไปมากกว่านี้อีกเลย
จวินโม่ซีรู้สึกเหมือนมีคนเดินใกล้เข้ามาจึงเหลือบมองไปที่เด็กหนุ่มผู้ที่ดูงดงามตรงประตูผู้นั้น คนผู้นี้เขาเคยพบเจอมาก่อน
“เป็นเจ้านั่นเอง” เขาโพล่งออกมา
ในตอนเกิดศึกที่แคว้นจื่อเยี่ย เขาเคยพบเจอเจ้าเด็กหนุ่มผู้นี้มาก่อน พลังความสามารถของเขาแสนแปลกประหลาด และที่สำคัญเขายังเคยเปิดศึกกับหวงจิ่วเยี่ย นี่ทำให้คนจำนวนมากพากันคิดว่าเขาคือหมอปีศาจมู่ซี แต่เขารู้ว่านั่นคือวิชาลวงตาขั้นสูงของแม่เด็กสาวคนนั้น
เพราะเมื่อตอนที่เขาเห็นสายตาของเด็กหนุ่มผู้นั้นเข้า ก็มีอันตะลึงไปเล็กน้อยด้วยเพราะรับรู้ได้ เขากล่าวออกมาว่า “เจ้ามิใช่เขา”
“แม่สาวน้อย ทำไมเจ้าถึงปลอมตัวเช่นนี้ได้ ?”
มู่เฉียนซีตอบ “เอ้า! ก็ถ้าข้ามิทำเช่นนี้ ผู้อื่นจะเชื่อได้ยังไงเล่า”
“เจ้าสามารถสร้างรูปโฉมนี้ขึ้นมาได้ยังไง ? มันดูเหมือนจริงยิ่งนัก ถ้าหากว่าข้าไม่เคยเจอหน้าของเจ้าของใบหน้าที่แท้จริงนี้มาก่อน ข้าคงมองไม่ออกอย่างแน่นอน”
มู่เฉียนซียักไหล่ “เจ้าลองเดาดูสิ”
“ข้าไม่เดาหรอก ขอไปกินข้าวต่อดีกว่า”
หลังจากที่จวินโม่ซีกินอิ่มท้องอารมณ์ดีแล้ว มู่เฉียนซีก็ให้เขาช่วยเหลืออะไรบางอย่าง ซึ่งหลังจากที่จอมตะกละได้ฟังสิ่งที่นางกล่าวจนจบ เขาแทบสำรอกอาหารที่เพิ่งสวาปามเข้าไปออกมาทั้งหมด
“เฮ้! นี่เจ้าคิดที่จะขุดเอาให้สำนักศึกษาซวนเสียเหลือเพียงแต่ความว่างเปล่าเลยเชียวรึ ?! เจ้านี่นับวันยิ่งใจดำเข้าไปทุกทีแล้ว คาดว่ากองกำลังสำนักนิกายระดับหนึ่งกองกำลังอื่นของทวีปเสียโจวคงจะเกลียดเจ้าแทบตายเลยสิ”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างไม่แยแส “ข้าไม่มีทางเลือก หอหมอปีศาจของข้าขาดเลือดรุ่นใหม่ อีกอย่าง นักปรุงยาที่ข้าปั้นขึ้นมา ข้าก็ไม่อยากส่งเข้าปากผู้อื่นอย่างใจดี เอาเถอะ เจ้าบอกข้ามาว่าเจ้าจะช่วยหรือไม่ช่วย”
จวินโม่ซีตอบทันควัน “ข้าช่วยเจ้าแน่นอน พลังจิตของเจ้าถือได้ว่าไม่มีปัญหา แต่ที่เป็นปัญหาคือพลังวิญญาณ หากเจ้าไม่เพิ่มพลังวิญญาณของตนเองให้สูงขึ้น เจ้าจะไม่สามารถหลอมยาเม็ดระดับสูงไปสู้กับพวกเขาได้ ข้าเองปรุงยาให้เจ้าได้ แต่สูตรยาที่ข้ามีอาจไม่ได้ดีที่สุด ในมือของเจ้าผู้ที่เป็นเจ้าของหม้อเทพนิรันดร์คงมีสูตรยาที่ดีกว่านี้กระมัง”
มู่เฉียนซีกล่าว “สูตรเม็ดยาระดับสวรรค์ เจ้าหลอมออกมาได้หรือไม่ล่ะ ?”
จวินโม่ซียิ้ม “อันตัวข้านี้ระดับมหาจักรพรรดิแล้ว แม้ยากลำบากอย่างไรข้าก็ยังนับว่าเป็นระดับยอดปรมาจารย์นักปรุงยาอยู่ดี แน่นอนว่าข้าสามารถหลอมเม็ดยาระดับสวรรค์ออกมาได้ ให้สูตรข้ามาเถอะ ข้าจะทำอย่างเต็มความสามารถเพื่อให้มันสำเร็จ”
“เป็นยอดปรมาจารย์นักปรุงยา คงรู้สึกไม่เลวเลยกระมัง” มู่เฉียนซีรู้สึกชื่นชมนิด ๆ
จวินโม่ซีหัวเราะประหนึ่งเป็นผู้ชนะ “หึ ๆ ๆ ข้ารู้ว่าเจ้าอิจฉา แต่เจ้าแค่เพียงอิจฉาก็พอแล้ว จงอย่าได้รู้สึกไม่ดีต่อตนเองล่ะ”
มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางดึงเอาเข็มยาออกมาเข็มหนึ่ง นางมองเข็มยานั้นแล้วกล่าว “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าถึงแม้เจ้าเป็นยอดปรมาจารย์นักปรุงยา พิษของข้าเจ้าก็แก้มันไม่ได้”
“อยากลองดูหรือไม่ ?!”
จวินโม่ซีรีบถอยหลังไปหลายก้าว “เฮ้ ๆ ๆ ใจเย็น ๆ เจ้าอย่าได้ทำอะไรมั่วซั่ว! สวรรค์ยังรู้ว่าพิษของเจ้านั้นวิปริตเพียงใด”
จวินโม่ซีส่ายหน้าก่อนจะไปที่ห้องปรุงยา
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “โม่จิ่น เรียกรวมพลเหล่ายอดฝีมือที่สามารถเรียกมาได้ให้มากที่สุด ป้องกันหอหมอปีศาจเอาไว้ อย่าได้ให้ผู้ใดบุกเข้ามาเป็นอันขาด”
“ว่าไงล่ะหัวหน้านักปรุงยาจวิน สรุปแล้วจะปรุงยาระดับใดกัน ? นี่เป็นครั้งแรกที่นายท่านเคร่งเครียดเช่นนี้นะ” โม่จิ่นถามขึ้น เขาบอกว่านายท่านดูเคร่งเครียด เขาเองก็ใช่จะไม่เคร่งเครียด
“เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าก็จะรู้เอง” จวินโม่ซีตอบเบา ๆ
“ยาพิษและอาวุธลับในหอหมอปีศาจถูกเตรียมเอาไว้พร้อมสรรพทั้งหมดแล้ว ข้าจะไปวางกับดักพิษซ้ำอีกครั้ง ต้องมิให้ใครแม้แต่คนเดียวเข้ามาทั้งก่อนและหลังจากการหลอมยาเสร็จ”
“ได้!”
เมื่อเริ่มหลอมเม็ดยาระดับสวรรค์ ทิศทางของเมฆบนท้องนภาพลันเปลี่ยนไป
ผู้แข็งแกร่งและนักปรุงยาที่อยู่ใกล้เคียงเมืองเสียล้วนแต่รู้ได้ในทันทีว่ากำลังมีผู้หลอมปรุงยาเม็ดชั้นดีอย่างมากออกมา เหล่าผู้อาวุโสแห่งสำนักย่อยการปรุงยากระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ “ยาระดับสวรรค์! มีผู้ที่กำลังหลอมยาเม็ดระดับสวรรค์จริง ๆ ด้วย”
“ที่ทวีปเสียโจวของข้ามิได้มียาระดับสวรรค์ปรากฏให้เห็นมานานมากแล้ว”
“นี่มันยอดเยี่ยมมาก!”
ก่อนที่ยาจะถูกหลอมออกมาได้สำเร็จ มีทั้งผู้ที่มารออยู่ด้านนอกหอหมอปีศาจ และมีทั้งที่ซุ่มรออยู่ในมุมมืด
ทั่วทั้งทวีปเสียโจวไม่มีปรมาจารย์นักปรุงยาแม้แต่ผู้เดียว ถึงแม้ผู้ที่มีตำแหน่งเป็นถึงรองอาจารย์ใหญ่ของสำนักย่อยการปรุงยาก็ยังเป็นเพียงแค่นักปรุงยาขั้นสูงเท่านั้น
เห็นได้ชัดเลยว่าการที่มียาเม็ดระดับสวรรค์บังเกิดขึ้นมา สั่นสะเทือนใจผู้คนได้มากเพียงใด
พลังจิตของมู่เฉียนซีกวาดไปรอบด้าน นางพบว่ามีคนมาออกันอยู่หน้าหอหมอปีศาจมากขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อจวินโม่ซีไม่ได้ถูกรบกวนจากภายนอก เขาจึงเริ่มปรุงยาเพื่อหลอมเป็นเม็ดอย่างช้า ๆ และเขาก็ตั้งใจหลอมปรุงมันอยู่อย่างนั้นตั้งค่อนวัน
อย่างไรเสียนี่ก็เป็นการปรากฏขึ้นของยาระดับสรรค์ ต่อให้ต้องรอถึงสามวัน พวกคนที่รออยู่ด้านนอกก็มีความอดทนมากพอที่จะรอ
…
“สำเร็จแล้ว!”
เมฆหมอกล้วนสลายหายไปพร้อมกับที่ปรากฏลำแสงฉายออกมา มีกลิ่นหอมจาง ๆ กลิ่นหนึ่งลอยออกมาด้วย นั่นทำให้เหล่าผู้คนที่มารอดูล้วนตื่นเต้น
“ผู้ที่หลอมปรุงยาระดับสวรรค์ทำสำเร็จแล้ว!”
“ยาระดับสวรรค์สำเร็จแล้ว เฮ! เฮ!”
“เฮ!”
และบัดนี้ มีผู้ที่ทนรอไม่ไหวอยากที่จะพุ่งเข้าไปดู ทว่าโม่จิ่นสั่งให้คนกันตัวพวกนั้นเอาไว้
“หยุด! หัวหน้านักปรุงยาหอหมอปีศาจของเราหลอมยาเม็ดระดับสวรรค์ได้สำเร็จ เขาไม่อยากให้ใครก็ตามเข้าไปรบกวนหรือขัดจังหวะ” พวกเขาถูกทำให้ตกตะลึง เดิมทีพวกเขานั้นคิดว่าผู้ที่เป็นหัวหน้านักปรุงยาที่เห็นแก่กินผู้นั้นยังอายุน้อยนัก อย่างมากก็คงเป็นบุคคลระดับปรมาจารย์นักปรุงยา แต่นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะวิปริตเช่นนี้ เขาเป็นยอดปรมาจารย์นักปรุงยาแล้ว
“สวรรค์โปรด! เม็ดยาระดับสวรรค์นั่นเป็นหัวหน้านักปรุงยาหอหมอปีศาจที่หลอมสำเร็จ”
“เข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า ? ในหอหมอปีศาจมียอดปรมาจารย์นักปรุงยา อย่างน้อยนั่นสามารถเป็นสำนักนิกายระดับสองได้เลย ทำไมถึงได้มาอยู่ที่กลุ่มกองกำลังเล็ก ๆ ที่ไม่ถึงขั้นสำนักนิกายครึ่งระดับเลยด้วยซ้ำนี่ได้เล่า ?”
แน่นอนว่าในบรรดาคนเหล่านี้มีผู้ที่ไม่ฟังคำเตือน ทนไม่ไหวต่อแรงดึงดูดของยาระดับสวรรค์
แต่ปรากฏว่าเมื่อบุกเข้าไปก็ได้พบกับการต้อนรับจากอาวุธลับและพิษร้าย นั่นมิใช่อะไรที่จะสามารถทนรับได้อย่างสบายตัว
ถึงแม้ที่หอหมอปีศาจจะเต็มไปด้วยอันตรายทุกแห่งหน ทว่าผู้ที่ยอมเข้ามาเสี่ยงอันตรายก็มีอยู่ไม่น้อย
จนแล้วจนรอดหอหมอปีศาจทั้งหอก็ตกอยู่ภายใต้ความโกลาหลวุ่นวายจนได้