มู่เฉียนซีรู้สึกตึงเครียด แม้ชายผู้นี้จะแข็งแกร่งอย่างมาก แต่นางไม่แน่ใจเลยจริง ๆ ว่าเขามีพลังความสามารถสูงขนาดไหนกันแน่
ทันทีที่เขาพ่ายแพ้ นางคงลงเอยได้ไม่ดีเช่นกัน!
มู่เฉียนซีอยู่ที่ปากทางเข้าของรังแห่งนี้ นางมองเห็นแค่เพียงเงาสีเขียวทึบทึมกับเงาร่างสีแดงทึบปะทะเข้าด้วยกัน
เสียงกระบี่ยักษ์ที่ฟันแหวกอากาศออกมาช่างเสียดหูผู้ที่ได้ฟัง พวกเขายังคงต่อสู้พัวพันกันต่อไปไม่มีท่าทีว่าจะหยุดเลย
เมื่อถูกกระบี่ฟาดฟันทำเอาบาดเจ็บหนักอยู่หลายครา ราชามังกรโกรธกรุ่น อดไม่ได้ที่จะร้องคำรามออกมา เปลวไฟร้อน ๆ ปะทุออกมาทางรูจมูกตามจังหวะหายใจของมัน
“มนุษย์ เจ้ามันสมควรตาย เจ้าอย่าได้บีบบังคับข้าเชียว”
“ง่าย ๆ เพียงแค่เจ้ายอมมอบหัวใจมังกรครึ่งหนึ่งให้แก่ข้า เจ้าก็ไม่ตายหรอก”
ราชามังกรไม่พอใจ “เจ้ากล้าดียังไง ?! นั่นจะทำให้พลังความสามารถของข้าลดลงไปเหลือเพียงขั้นของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม มันไม่ต่างอะไรกับตายไปแล้ว”
มันเป็นใหญ่ที่สุดในเทือกเขาหนานเสียมายาวนาน ถ้าหากว่าพลังความสามารถของมันลดลง เจ้าพวกสัตว์ตัวอื่น ๆ จะต้องถือโอกาสนี้มาซ้ำเติมมันแน่
“เช่นนั้นก็ง่าย ๆ เจ้าตายไปเสียตั้งแต่ตอนนี้เลย” เขากล่าวตอบด้วยใบหน้าเย็นชาไร้ความรู้สึก
“ในเมื่อเจ้าบีบบังคับข้า ก็อย่าได้หาว่าข้าไม่เกรงใจ”
สีหน้าของเสี่ยวหงเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก มันกล่าวขึ้น “แย่แล้วนายท่าน เจ้าหมอนี่จะเผาไหม้วิญญาณตนเองเพื่อเพิ่มพลังความสามารถ นี่มันจะเอาจริงแล้ว”
อู๋ตี้ “นายท่าน พวกเราไปทางถ้ำลึกนั่นเถอะ ที่นี่อันตรายเกิน อยู่ต่อเกรงว่าจะไม่เหมาะนัก!”
“ตกลง”
มู่เฉียนซีเดินไปที่ด้านในสุด หลังจากนั้นไม่นาน เสียงดังราวกับว่าจะผ่าเขาป้าหวังแห่งนี้ออกเป็นซีกลอยมาให้ได้ยิน ฉับพลันรังที่แข็งแรงแห่งนี้พังทลายลง
ทางข้างหน้าถูกปิดกั้นเอาไว้อย่างแน่นหนา ราชามังกรตัวมหึมานั่นเข้ามาด้านในนี้ไม่ได้แล้ว ทว่าในขณะเดียวกัน นางจะออกไปจากที่นี่ได้อย่างไร
เสี่ยวหงทำหน้าเครียด ในขณะที่อู๋ตี้กล่าวออกมาว่า “นายท่านสบายใจได้ ถึงต่อให้ต้องขุด พวกเราก็จะขุดจนเปิดทางให้นายท่านออกไปได้”
— ครืน! —
ทางด้านหลังของถ้ำในเขา เกิดปากทางขึ้นแห่งหนึ่ง
มู่เฉียนซีเห็นเช่นนั้นก็โพล่งออกมา “นั่น เรารีบออกไปเร็ว ถ้ำแห่งนี้กำลังจะจบสิ้นแล้ว”
พวกเขาวิ่งออกมาจากปากทางที่ร้าวจนเกิดทางออก แต่ปรากฏว่าที่ตรงนั้นนอกเหนือความคาดหมายเพราะมันคือ…
หน้าผา!
“หน้าผา อ๊ากกก! นายท่าน ระวังตัวด้วย!” เสี่ยวหงโวยวายลั่น
มู่เฉียนซีรีบหยุดฝีเท้า นางเกือบหยุดไม่ทันแล้วแต่ดีที่สติและเสียงของเจ้าเสี่ยวหงช่วยไว้ นางถอนหายใจพลางนำเอาเชือกปีนผาออกมาเส้นหนึ่ง แม้มาอยู่ยังโลกแห่งนี้แล้วแต่เรื่องของอุปกรณ์การเดินป่าและปีนผานั้น นางเตรียมพร้อมมาอย่างครบมือไม่ขาดเลยแม้แต่สิ่งเดียว
อย่างไรเสียก่อนหน้านี้นางก็เคยปีนผาเก็บสมุนไพรอยู่เป็นประจำ นางเอาเชือกมาทำเป็นบ่วงวงกลมแล้วไปคล้องกับหิน เช่นนี้จึงทำให้นางไม่ร่วงไปจากหน้าผาสูงนับหมื่นจั้ง
มู่เฉียนซีค่อยปีนขึ้นไปอย่างช้า ๆ
รอจนเมื่อนางปีนขึ้นไปถึงด้านบนแล้ว ก็ได้เห็นยอดบนสุดของเขาป้าหวังเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิงทั่วบริเวณ จึงสามารถเห็นได้ถึงความน่ากลัวของแรงระเบิดเมื่อครู่นี้
ตอนนี้เงาร่างสีเขียวครึ้มใหญ่โตนอนอยู่กลางเศษหินที่แตกกระจาย และมันก็เหลือลมหายใจอีกไม่มากนักแล้ว ที่หน้าอกของมันมีรอยใหญ่รอยหนึ่งเต็มไปด้วยเลือด สิ่งที่ชายผู้นั้นต้องการคือหัวใจมังกร และหัวใจของราชามังกรถูกควักออกไป
อู๋ตี้ตื่นเต้นขึ้นมา “นายท่าน ไปดูซิว่าแก่นวิญญาณยังอยู่หรือไม่ ? นั่นเป็นถึงแก่นวิญญาณของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าเชียวนะ!”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างจนปัญญา “เจ้าตะกละนี่!”
ราชามังกรสิ้นลมหายใจไปอย่างสมบูรณ์แล้ว มันมิได้เป็นภัยคุกคามต่อนางอีกแต่อย่างใด มู่เฉียนซีหาแก่นวิญญาณของมันจนพบและควักเอามันออกมาในทันที
ชายผู้นั้นก็ต้องการแค่เพียงหัวใจมังกรเท่านั้น เขาไม่เหลือบมองไปยังสิ่งอื่นที่เหลืออยู่แม้เพียงหางตา
มู่เฉียนซีโยนแก่นวิญญาณให้แก่อู๋ตี้ก่อนจะกล่าวว่า “เจ้าอยากได้แก่นวิญญาณของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับห้ามาโดยตลอด รับเอาไปสิ!”
โดยปกติแล้วเมื่อได้แก่นวิญญาณมา อู๋ตี้จะแทะกินมันจนหมดเสียก่อนส่วนเรื่องอื่นค่อยว่ากัน แต่คราวนี้อู๋ตี้กลับเก็บมันเอาไว้
“เจ้าไม่กินรึ ?” มู่เฉียนซีถามด้วยความประหลาดใจ
“นายท่าน นี่เป็นแก่นวิญญาณของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับห้า เมื่อข้ากินไปแล้วคงสามารถเลื่อนขั้นขึ้นกลายเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ได้ ระดับสามและระดับสี่นั้น เทียบได้กับระดับจักรพรรดิและมหาจักรพรรดิของมนุษย์ นี่เป็นอุปสรรคใหญ่อย่างหนึ่ง ข้าไม่แน่ใจว่าหลังจากกินไปแล้วจะหลับใหลไปหรือไม่”
“เมื่อข้าต้องหลับใหลไปก็ไม่สามารถปกป้องนายท่านได้แล้ว จะเหลือแค่เพียงเจ้าหมูขี้เกียจที่คอยปกป้องท่าน ข้าไม่วางใจเลย”
เสี่ยวหงร้อนรน “นายท่านมีข้าเพียงคนเดียว ข้าก็สามารถปกป้องนายท่านให้ดีได้”
อู๋ตี้กล่าวขึ้น “เช่นนั้น อย่างน้อยก็รอให้นายท่านกลับไปยังสำนักศึกษาแล้วข้าค่อยกินเจ้าแก่นวิญญาณนี่”
มู่เฉียนซี “เรื่องของตัวเจ้าเจ้าตัดสินใจเอาเองเถอะ ภารกิจครั้งนี้เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย พวกเรารีบกลับไปยังสถานศึกษากันเถอะ”
“ได้สิ”
พวกมู่เฉียนซีรีบออกไปที่เขตป่ารอบนอกอย่างเร็วไว ก่อนจะได้ยินเสียงคำรามของหมาป่าดังขึ้น กลิ่นคาวเลือดก็ลอยคลุ้งเข้มข้นเป็นอย่างมาก
ถ้าหากเหล่าหมาป่ากระหายเลือดเหล่านี้เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งและไม่มาก่อกวนนาง นางเองก็ไม่อยากไปยุ่งกับมันเช่นกัน
แต่เมื่อตอนที่มู่เฉียนซีกำลังจะผ่านไป ก็เหลือบไปเห็นชายผู้หนึ่งล้มอยู่ในกองเลือด
นางมองไม่เห็นใบหน้าของเขา แต่เมื่อนางมองเสื้อผ้าอาภรณ์ของเขานั้น ก็รับรู้ได้แล้วว่าเป็นผู้ใด
ชายผู้นั้นคือผู้ที่สู้กับราชามังกรและควักหัวใจของมันออกมา เป็นชายผู้ที่ยอมให้นางจับเสือมือเปล่า
อู๋ตี้กล่าวออกมาอย่างครุ่นคิด “การที่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์เผาวิญญาณของตนเองเพื่อเพิ่มพลังความสามารถนั้นไม่ใช่เรื่องเล่น เขาที่เป็นมหาจักรพรรดิระดับห้าสามารถเอาชนะมันได้ก็นับว่าเป็นเรื่องที่แปลกแล้ว และถ้าหากว่าไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อยนั่นก็คงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้”
เขาหมดสติไปเป็นที่เรียบร้อยเพราะเสียเลือดมากเกินไป ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น หมาป่ากระหายเลือดเหล่านั้นอยากกัดกินเขาแต่ก็ไม่กล้าทำอะไร เพราะพลังระดับมหาจักรพรรดิที่แผ่ซ่านออกมา
แม้ไม่กล้าแต่ในที่สุดพลังของเขาก็เริ่มอ่อนลงไปเรื่อย ๆ และเหล่าหมาป่ากระหายเลือดอดใจไม่ไหวที่จะพุ่งเข้าไป
นี่คือคนแปลกหน้าผู้หนึ่งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน คนผู้นี้หยิ่งยโสและเย็นชามาก
ด้วยอารมณ์ของนาง นางนั้นขี้เกียจช่วย แต่เมื่อหมาป่ากระหายเลือดเหล่านั้นกระโจนเข้าไปทางชายผู้นั้น มู่เฉียนซีก็สะบัดเข็มยาชุดหนึ่งไปทางพวกมันทันทีโดยไม่รู้ตัว
— ฉึก! —
หมาป่ากระหายเลือดที่ถูกกลุ่มเข็มยาโจมตีล้มลงกับพื้น มันถูกพิษทำให้มึนงงและตายไปในที่สุด
— โฮก! —
หมาป่ากระหายเลือดตัวอื่นรู้สึกได้ถึงตัวมู่เฉียนซี มนุษย์ผู้นี้มาขัดจังหวะมื้ออาหารของพวกมัน นั่นอภัยให้ไม่ได้!
— โฮก! —
ไม่นานนักมู่เฉียนซีก็ถูกล้อมเอาไว้
มู่เฉียนซีรู้สึกมึนงงเช่นกัน เพราะที่ลงมือไปเมื่อครู่นั้น เป็นเพียงแค่การตอบโต้ของร่างกาย มันออกมาจากความสามารถของร่างกายโดยตรง
มู่เฉียนซีมองชายผู้นั้น นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? หรือว่าเจ้าหมอนี่สามารถส่งสัญญาณให้นางเพื่อให้นางมาช่วยเขาได้ในขณะที่ตัวเขายังสลบอยู่
“ไสหัวไป!” มู่เฉียนซีขมวดคิ้วมอง ตะคอกใส่หมาป่ากระหายเลือดพวกนั้น
นี่เป็นเรื่องแปลกที่สุดเรื่องหนึ่งตั้งแต่นางข้ามเวลามาอยู่ยังโลกแห่งนี้ ในตอนนี้มู่เฉียนซีเองก็เบื่อหน่ายเป็นอย่างมาก และหมาป่ากระหายเลือดเหล่านั้นก็มุ่งเข้ามาอย่างไม่รู้จักดีร้าย
“พวกเจ้ารนหาที่ตาย เช่นนั้นข้าก็จะเล่นกับพวกเจ้าเอง”
มู่เฉียนซีต้องการจบการต่อสู้อย่างรวดเร็ว นางส่งเข็มยาจำนวนมากบินออกไป
จะเสียเวลามากกว่านี้มิได้แล้ว มิเช่นนั้นชายผู้นี้จะตายเอาได้
ในใจของนางไม่อยากให้ชายผู้นี้ต้องตายเลยจริง ๆ ถึงแม้ยังไม่เข้าใจก็ตามที หรืออาจจะเป็นเพราะถูกเขาส่งสัญญาณออกมา ในครั้งนี้มู่เฉียนซีก็ตัดสินใจทำตามสิ่งที่นางคิดจะทำ
ก็มิใช่แค่ช่วยชีวิตคนหรือยังไง ?
หมาป่ากระหายเลือดเหล่านี้เป็นเพียงสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งเท่านั้น มันมิใช่คู่ต่อสู้ของนางเลยแม้แต่น้อย ไม่นานนักพวกมันก็มีอันล้มลงไปกองกับพื้น
มู่เฉียนซีเดินไปตรงด้านหน้าของชายผู้นั้นและลากเขาไปพิงไว้กับโคนต้นไม้ หยิบเอาเข็มยาเข็มหนึ่งออกมา เตรียมทิ่มเข้าไปที่หัวใจของเขาเพื่อช่วยเหลือ
ทว่ายังไม่ทันที่นางจะได้ทิ่มเข้าไป มือใหญ่ ๆ หนา ๆ มือหนึ่งจับข้อมือของนางเอาไว้