คนผู้นั้นหน้าซีดเผือด ไม่กล้าขยับเขยื้อนหรือแม้แต่หายใจแรง
มู่เฉียนซียกมือขึ้น ปลายกระบี่มังกรเพลิงชี้ไปยังคนผู้นั้น
“สาวน้อย เจ้า… เจ้าใจเย็นก่อน ข้ายังไม่อยากตาย” เขารีบร้อนอ้อนวอนขอความเมตตา
“กระบี่เล่มนี้เพิ่งถูกหลอมขึ้นมา ข้าเองก็ไม่รู้ว่ามันจะทรงพลังขนาดไหน นี่เป็นโชคดีของเจ้าแล้ว” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเฉยเมย มันน่าเบื่อจริง ๆ ที่จะต้องมามัวสนใจคนไม่สำคัญเช่นนี้
“มังกรเพลิงสังหาร!”
สิ้นเสียงอันทรงพลัง อากาศโดยรอบพลันลุกโชนขึ้นด้วยพลังทันที
แน่นอนว่าตัวกระบี่มังกรเพลิงมีระดับสูง และพลังของกระบี่มังกรเพลิงก็แข็งแกร่งขึ้นมากเช่นกัน
มังกรเพลิงสีแดงเข้มพุ่งเข้าใส่คนผู้นั้น
“อ๊ากกกก!” เปลวไฟร้อนล้อมแผดเผา เขากรีดร้องออกมาอย่างน่าเวทนา
มู่เฉียนซีไม่สนใจว่าคนผู้นี้จะต้องจบชีวิตลงอย่างน่าสังเวชเพียงใด นางมองกระบี่ในมือโดยไม่กะพริบตา
ผ่านไปครู่หนึ่งแล้วและนางไม่ได้ยินเสียง “แกร๊ก” ที่คุ้นเคย สีหน้าของนางเผยความยินดีออกมาให้เห็น
มันไม่หักแล้ว! ตัวกระบี่ไม่หักแล้ว!
“ไม่หัก ครั้งนี้กระบี่มังกรเพลิงไม่หัก! อารอง ท่านทําสําเร็จแล้ว”
หลิงรู้สึกพอใจอย่างมากที่ได้เห็นรอยยิ้มงดงามบนใบหน้าของมู่เฉียนซี
“อืม ใช้ครั้งเดียวไม่หักก็ดี ทว่ามันไม่ได้หมายความว่าต่อไปจะไม่หัก ตอนที่ข้าตีเหล็ก ข้ารู้ว่าปลายกระบี่นี้ไม่ธรรมดา เว้นเสียแต่ว่าข้าจะหาตัวกระบี่เดิมของมันมาทำใส่เข้าไปใหม่ ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถรับประกันได้ว่ามันจะคงอยู่ต่อไปเช่นนี้ได้โดยที่ไม่หักไปเสียก่อน” หลิงกล่าวอย่างเคร่งขรึม
“ข้าเข้าใจท่านอารอง แต่อยู่ได้นานขึ้นก็ถือว่าไม่เลวเลย ท่านอารองเก่งกาจยิ่งนัก ข้าขอบคุณท่านมากจริง ๆ”
เมื่อถูกหลานสาวของตัวเองชื่นชม หลิงก็รู้สึกดีมาก
“รออารองหากระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณให้ซีเอ๋อร์พบ ก็ไม่จําเป็นต้องใช้ปลายกระบี่เล่มนี้อีกต่อไป แม้มันจะแข็งแกร่งแต่ก็ไม่อาจเทียบได้กับกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณ”
กระบี่มังกรเพลิงโกรธเกรี้ยวพลันพุ่งออกมาจากมือของมู่เฉียนซี ปลายกระบี่เล็งบุรุษที่หลอมกระบี่ให้มัน
น่าชังนัก แม้แต่คนสนิทของนายท่าน มันก็ทนต่อไปไม่ไหวเสียแล้ว
จะให้นายท่านทิ้งมันไปใช้สิ่งใหม่ นี่มันน่าเกลียดเกินไป
หลิงกล่าวอย่างเย็นชา “ร่างกายของเจ้าถูกข้าสร้างขึ้นมา คิดจะจัดการกับข้า เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะละลายเจ้าให้หายไปตลอดกาลเลยรึ ไม่ว่าเจ้าจะพิเศษมากเพียงใด เจ้าก็ยังเป็นกระบี่หัก ๆ อยู่ดีนั่นแหละ”
คําพูดแทงใจดำของเขาทําให้กระบี่มังกรเพลิงที่กำลังโมโหยอมกลับมาอยู่ในมือของมู่เฉียนซีอย่างว่าง่าย
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “ท่านอารอง บางทีกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณนิรันดร์อาจจะดีมาก แต่ข้าก็ยังชอบเจ้านี่มากกว่า มันอยู่กับข้ามาเป็นเวลานานแล้ว”
กระบี่มังกรเพลิงดูเหมือนจะเข้าใจคําพูดของมู่เฉียนซี มันรู้สึกทั้งตื่นเต้น ซาบซึ้ง ตื้นตัน เรียกได้ว่ามันดีใจเป็นอย่างมาก
หลิงกล่าว “ปลายกระบี่นี้ดูค่อนข้างน่าสนใจ ทั้งที่มันเป็นปลายกระบี่เล็ก ๆ ไม่มีวิญญาณกระบี่ ไม่มีจิตวิญญาณกระบี่ แต่กลับสามารถเข้าใจมนุษย์ได้เช่นนี้ ข้าก็ยังสงสัยว่ามันอาจจะเป็นปลายกระบี่ของกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณ”
“แต่กระบี่นิรันดร์ไม่ควรหักเช่นนี้ หากว่าซีเอ๋อร์ชอบมัน ข้าก็จะช่วยซีเอ๋อร์หาตัวกระบี่ของมัน”
สองอาหลานพูดคุยกันอยู่ที่นี่ ในเวลานี้มีเสียงของเหยื่อที่น่าสังเวชถามขึ้นมาด้วยเสียงต่ำว่า “ขอโทษด้วย นี่ข้าไปได้หรือยัง ?”
เสียงฮึดฮัดเย็นชาเสียงหนึ่งดังขึ้น “ฮึ่ม! เจ้าคนพวกนั้นไปแล้ว ข้าขวางไว้ไม่ทัน เจ้าคิดจะไปงั้นรึ ? ฝันไปเถอะ!”
ที่แท้ ผู้อาวุโสทั้งห้าคนก็จัดการกลุ่มผู้พิทักษ์ของนิกายปีศาจดำจนหมดสิ้นแล้วและจับตัวคนผู้นี้ไว้ได้พอดี เขาคิดในใจว่า ‘ผู้พิทักษ์ทั้งห้ายังไม่จัดการพวกเรา ดูเหมือนว่าผู้อาวุโสทั้งห้าคนคงหายดีแล้ว ข้าช่างโชคร้ายซะจริง’
“ข้า… ข้าเป็นเพียงตัวละครตัวเล็ก ๆ ผู้อาวุโสทั้งหลายล้วนเป็นบุคคลสําคัญ คงไม่สมเกียรติที่จะฆ่าข้าอย่างแน่นอน หากผู้ยิ่งใหญ่อย่างพวกท่านมาฆ่าผู้ที่มีบทบาทเล็ก ๆ อย่างข้า มันคงจะน่าอายจริงไหม ?” เขายิ้มเยาะ
มู่เฉียนซีกล่าว “เมื่อครู่เหมือนเจ้าจะบอกว่าเจ้าสืบข้อมูลมา คงรู้ข้อมูลของนิกายปีศาจดำมาไม่น้อยเลยสินะ”
“ข้า… ข้ามีสัจจะในการกระทำการ โปรดอย่าบีบบังคับข้า”
มู่เฉียนซีพยักหน้า “ข้าไม่บังคับเจ้า แต่เหยื่อที่มีชีวิตอยู่อย่างเจ้าสามารถฝึกกระบี่ให้ข้าได้ อารองของข้าให้กระบี่ที่หลอมตัวกระบี่ใหม่ให้แก่ข้า ข้าชอบมันมาก เอามาลองกับเจ้าหน่อยดีกว่า”
ยังจะต้องเป็นคู่ฝึกฝนกระบี่ต่อไปอีกงั้นรึ ? กระบี่เมื่อครู่นั้นทําให้เขาหวาดกลัวมาก หากยังต้องมาเป็นคู่ฝึกต่อไปเช่นนี้ ต่อให้เขาเป็นมหาจักรพรรดิแห่งภูตก็คงไม่อาจทนได้
“อย่า… อย่านะสาวน้อย เจ้าอย่าโหดร้ายชะ… เช่นนั้นเลย” เขากล่าวเสียงสั่น
“มีเหยื่อมาส่งถึงที่ จะได้ไม่เสียเปล่าไงเล่า” มู่เฉียนซียิ้มตาหยี
“ข้าจะบอกพวกเจ้าทุกอย่างที่ข้ารู้ ได้โปรดอย่าทรมานข้าเลย ข้าไม่เอาแล้ว…!” เขาตะโกนออกมา “ข้ามีบทบาทเล็ก ๆ ในนิกายปีศาจดำที่คอยสืบข่าวและรายงานข่าว ข่าวที่รู้มาในตอนนี้คืออาจารย์ใหญ่ของสํานักย่อยการปรุงยาของเจ้าถูกขังอยู่ในเมืองเถียนจื่อ ดูเหมือนว่าในสํานักย่อยการปรุงยาของพวกเจ้าจะมีหนอนบ่อนไส้ ทำให้รู้ถึงการเคลื่อนไหวของพวกเจ้า คนที่คอยช่วยเหลือมากมายก็ล้วนถูกคนของนิกายปีศาจดำควบคุมเอาไว้ อาจารย์ใหญ่ของสํานักย่อยการปรุงยาของพวกท่านตอนนี้ก็อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดีนัก”
“นอกจากนี้ ราชาพิษแห่งนิกายปีศาจดำของพวกเราก็ออกเดินทางไปเมืองเถียนจื่อเพื่อตามหาอาจารย์ใหญ่ของพวกเจ้าแล้ว ถ้าเขาถูกราชาแห่งพิษพบเข้า ก็คงต้องตายอย่างสังเวชเป็นแน่”
“ราชาแห่งพิษ บัดซบเอ๊ย!” ผู้อาวุโสทั้งห้าร้อนรนอย่างมาก
“เจ้าหมอนี่แข็งแกร่งน้อยกว่าอาจารย์ใหญ่ แต่กลับลงมืออย่างโหดเหี้ยม เขาเป็นผู้ชำนาญพิษมากกว่าอาจารย์ใหญ่ อาจารย์ใหญ่อาจจะเสียเปรียบก็ได้ หากอาจารย์ใหญ่ถูกเขาวางยาพิษ เกรงว่าคงเป็นอันตรายมากแน่ ๆ”
“ไม่ได้การ! เราต้องรีบไปที่เมืองเถียนจื่อโดยเร็ว”
ผู้อาวุโสสูงสุดอู๋จิตใจร้อนรนราวกับถูกเผาไฟ
มู่เฉียนซีถามขึ้น “แล้วเจ้าหมอนี่ล่ะ จะจัดการเยี่ยงไร ?”
“ข้าจะให้คนส่งเขาไปที่คุกสวรรค์ของสํานักศึกษาซวนเสีย ตอนนี้ไม่มีเวลามาสนใจเขาแล้ว” ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว
“เจ้า… ขังข้าไว้ในคุกสวรรค์ มันแย่ยิ่งกว่าการฆ่าข้าเสียอีก ไม่นะ! ได้โปรด…”
อาจารย์ใหญ่ตกอยู่ในอันตราย เหล่าผู้อาวุโสอารมณ์ไม่ดี จ้องเขาตาเขม็งและกล่าวว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็เลือกฆ่าตัวตายไปเองซะ”
รู้ตําแหน่งของอาจารย์ใหญ่แน่ชัดแล้ว พวกเขาเร่งใช้สัตว์ศักดิ์สิทธิ์เป็นพาหนะบินไปในเมืองหนานเสียและมุ่งหน้าต่อไปยังเมืองเถียนจื่ออย่างรวดเร็ว
ระหว่างทางที่บินก็พบกับการสกัดกั้นของพวกเลว นิกายปีศาจดำ!
ผู้อาวุโสที่สามกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว “พวกลูกสมุนปีศาจของนิกายปีศาจดำจงหลีกทางให้ข้า ข้าไม่อยากเสียเวลา”
— ปัง! ปัง! ปัง! —
ผู้อาวุโสทั้งห้าลงมือปะทะ ไม่ยอมให้พวกมันได้เปรียบเด็ดขาด
ส่วนหลิง เขาตั้งใจเพียงแค่ปกป้องหลานสาวของเขาไม่ให้ได้รับบาดเจ็บก็พอแล้ว ตอนนี้เขายังไม่พร้อมที่จะลงมือ
แม้ตลอดทางจะเกิดความวุ่นวาย ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงเมืองเถียนจื่อได้อย่างปลอดภัย
เมืองนี้ถือว่าไม่ได้ใหญ่มากนักในทวีปเสียโจว มันเป็นแค่เมืองเล็ก ๆ อยู่ห่างไกล ทว่าถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่รู้เลยว่าอาจารย์ใหญ่อยู่ที่ไหน
ทันทีที่พวกเขาก้าวเท้าเข้าไปในเมืองก็ถูกขัดขวางอีกครั้งโดยคนของนิกายปีศาจดำ
คราวนี้มาเป็นยอดฝีมือ!
“เจ้าพวกสํานักย่อยกระจอก ผู้อาวุโสทั้งห้ามากันครบแล้ว เช่นนี้ก็ดี จะได้ทำลายล้างเสียทีเดียวให้สิ้นซากไปเลย” ครั้งนี้ผู้นํากองทัพเป็นรองผู้นำแห่งนิกายปีศาจดำ
สีหน้าของผู้อาวุโสสูงสุดเปลี่ยนไป “อะไรกัน ? หรือว่าพวกเราได้รับข้อมูลเท็จ ?”
“ไอ้บัดซบนั่นโกหกพวกเรา” ผู้อาวุโสที่สามกล่าวออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว
“ใช่ เกรงว่านี่จะเป็นกับดัก”
รองผู้นำแห่งนิกายปีศาจดำกล่าวขึ้น “เหอะ ๆ ที่พวกเจ้าเดานั่นก็ไม่ผิด ที่นี่คือกับดัก อาจารย์ใหญ่ของพวกเจ้าอยู่ในเมืองเถียนจื่อแห่งนี้นี่แหละ แต่น่าเสียดายที่พวกเจ้าจะไม่มีชีวิตได้ไปพบเขาแล้ว”