พวกเขาถูกล้อมเอาไว้ในทันที ส่วนหลิงเองก็อยู่ปกป้องข้างกายของมู่เฉียนซีไม่ห่างไปแม้แต่นิดเดียว เขาตะคอกใส่คนเหล่านั้นว่า “หลีกไป!”
รองผู้นำแห่งนิกายปีศาจดำกล่าว “ดูเหมือนว่าพวกเจ้าเหล่าผู้เฒ่าเองจะมีความเชื่อมั่นในตนเองเป็นอย่างมาก มาที่นี่แต่กลับกล้าพาคนหนุ่มผู้หนึ่งกับแม่ตุ๊กตาสาวน้อยอีกคนมาด้วย”
“ฆ่าไอ้เฒ่าพวกนั้นให้หมด ส่วนเจ้าสองคนนี้ อืม… หน้าตาไม่เลว ไว้ชีวิตพวกมันเอาไว้ก่อน”
สิ้นเสียงรองผู้นำ พลันรู้สึกได้ถึงสิ่งดำมืดพาดผ่านอยู่เหนือศีรษะ กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งกวาดผ่านศีรษะของเขาไปและมันกวาดเอาเส้นผมออกไปจนทำให้เขากลายเป็นคนหัวล้านเลี่ยนน่าขัน
“อ๊ากกกก! ม่ายยยย”
เขาตกใจกลัวจนก้าวถอยไปและล้มลงไปกองกับพื้น
“เจ้าบ้า…! เจ้าบังอา…”
“เฮ้ย! มหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับห้า”
หลิงปลดปล่อยพลังความสามารถที่แท้จริงของเขาออกมา ทำให้มันผู้นั้นกลัวเสียจนถอยหลังไป
เมื่อเจอคนแกร่งเช่นนี้พวกเขาอยากที่จะหลีกหนีไปให้พ้น ๆ ทว่ากระบี่ยักษ์เล่มนั้นกลับเหมือนกำแพงเหล็กกล้าที่คอยขวางกั้นทางด้านหลังของพวกเขาเอาไว้
กระบี่ที่ดูโหดร้ายเล่มนั้นอยู่ในมือของเขาก็เหมือนดั่งกระบี่เล่มเบาบางทั่วไป เขาสามารถกวัดแกว่งใช้งานมันได้อย่างเป็นธรรมชาติ
แต่มู่เฉียนซีนางรู้ดีว่ากระบี่เช่นนี้ นางคงมิสามารถทำให้มันขยับได้แม้แต่น้อย
“เดี๋ยว ๆ ๆ นี่ข้าอนุญาตให้พวกเจ้าไปได้แล้วงั้นรึ ?”
— ปัง! ปัง! ปัง! —
สายตาคมกริบนั่นทำให้พวกเขาแต่ละคนพากันเทตัวคุกเข่ายอมจำนน
“นายท่าน ดะ… ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย”
ผู้อาวุโสสูงสุดอดไม่ได้ที่จะกล่าวขึ้น “พ่อหนุ่ม เจ้ามิเพียงแต่มีพลังความสามารถที่แข็งแกร่ง แต่เจ้ายังสามารถควบคุมกระบี่ที่ยากแก่การควบคุมและยังใช้งานมันได้จนถึงขั้นนี้ ช่างน่านับถือจริง ๆ”
“ข้าเป็นนักรบผู้หนึ่ง และยิ่งไปกว่านั้นข้าก็เป็นผู้พิทักษ์ แน่นอนว่ากระบี่เล่มหนักใหญ่เช่นนี้เหมาะสมกับข้าที่สุด”
มู่เฉียนซีถามขึ้น “ผู้อาวุโสสูงสุด ท่านมีอะไรที่อยากจะถามเขาอีกหรือไม่ ?”
“แน่นอน!”
เหล่าผู้อาวุโสพากันถามอย่างไม่เกรงใจ “อาจารย์ใหญ่อยู่ที่ใดกันแน่ ? ทางที่ดีเจ้าบอกมาเสียตามตรงดีกว่า อย่าลีลาอีกเลย”
“อาจารย์ใหญ่ของพวกเจ้าซ่อนตัวอยู่ในเมืองแห่งนี้ พวกเราเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ว่าท่านราชาแห่งพิษนั้นส่งสัตว์มีพิษของเขาออกตามหาไปทั่วทั้งเมืองแล้ว ต่อให้ข้าต้องตายข้าก็ยังมีอาจารย์ใหญ่ของสำนักย่อยการปรุงยาตายตามไปด้วย เช่นนี้ก็คุ้มค่าอย่างยิ่ง”
“ยังต้องการให้พวกมันมีชีวิตรอดอยู่อีกหรือไม่ ?” หลิงถามเสียงเย็นเยียบ
ผู้อาวุโสสูงสุด “ยังมิต้องให้ถึงมือเจ้า พวกเราเหล่าผู้เฒ่าจัดการเองได้ แต่อย่างไรก็ต้องขอบใจเจ้ามาก”
“อืม นับว่าพวกท่านรู้จักกันดีมากขึ้น” หลิงเลิกคิ้ว เขานั้นต้องการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อหน้าหลานสาวของตน อย่างไรเสียการฆ่าสังหารคนให้น้อยหน่อยก็จะเป็นการดีกว่าฆ่าล้างบางศัตรูทั้งหมดที่เจอ
ผู้อาวุโสทั้งห้าแสยะยิ้ม จัดการคนของนิกายปีศาจดำเหล่านั้นเสียสิ้น
เมืองทั้งเมืองถูกนิกายปีศาจดำยึดครองไปแล้ว และทั้งเมืองก็เริ่มทำการค้นหาตัวอาจารย์ใหญ่อย่างม้วนผืนพรมหา
ในจำนวนคนของอีกฝ่าย มีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้อาวุโสทั้งห้า พวกนั้นจึงไม่กล้าโผล่หน้าออกมาท้าทายเหล่าผู้อาวุโสโดยตรง ทว่าลอบส่งข่าวเพื่อให้พวกของรองเจ้านิกายปีศาจดำมารวมพลกันที่นี่
แต่ปรากฏว่ารองเจ้านิกายนั้นมิได้ตอบรับกลับมาหาพวกเขาเลยแม้แต่นิด นั่นทำให้พวกเขาประหลาดใจเป็นอย่างมาก
“อาจารย์ใหญ่ นี่ท่านไปอยู่ที่ใดกันแน่ ?”
ยิ่งเวลายืดเยื้อออกไปมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้เหล่าผู้อาวุโสกระวนกระวายมากขึ้นเท่านั้น
อยู่ ๆ มู่เฉียนซีก็กล่าวขึ้นมา “เอ๊ะ! ข้าได้กลิ่นของสิ่งมีพิษ เกรงว่าราชาแห่งพิษคงจะอยู่ไม่ไกลจากบริเวณนี้”
ผู้อาวุโสขยับจมูกสูดดมก่อนจะกล่าวขึ้น “กลิ่นของสิ่งมีพิษ ทำไมข้าถึงไม่ได้กลิ่น สาวน้อย เจ้าคงมิได้กำลังล้อเล่นกระมัง”
เมื่อหลิงได้ยินคำพูดเช่นนี้ก็รู้สึกไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก “พวกเหล่าผู้เฒ่าทั้งหลายจะไปเทียบกับซีเอ๋อร์ได้ยังไง ซีเอ๋อร์บอกว่ามีกลิ่น เช่นนั้นมันก็ต้องมีอยู่จริงอย่างแน่นอน”
ตลอดทางมานี้เหล่าผู้อาวุโสรับไม่ได้กับเจ้าคนบ้าเห่อหลานสาวผู้นี้จริง ๆ ในสายตาของเขามีแต่หลานสาวของตนแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้นที่ดีและสมบูรณ์แบบที่สุดในใต้หล้านี้ พวกเขาเหล่าผู้เฒ่าเสมือนเป็นสิ่งที่ขวางหูขวางตาเขาเป็นที่สุด
จริงอยู่ที่มู่เฉียนซีชำนาญในการปรุงพิษ นางคุ้นชินกับกลิ่นของสิ่งมีพิษเช่นนั้น ถึงแม้ว่าจะอยู่ห่างไกลออกไปนางก็ยังคงสัมผัสถึงมันได้ เหล่าผู้เฒ่าเชื่อนางสักหน่อยก็คงไม่มีอะไรเสียหาย
“ทางนี้!” จนแล้วจนรอดมู่เฉียนซีก็โพล่งออกมา นางพาเหล่าผู้อาวุโสเดินอ้อมตรอกเล็ก ๆ ไป จากนั้นก็ได้พบเข้ากับสัตว์ตัวหนึ่งตรงมุมกำแพง
“นั่น… นั่นมันคือสัตว์เลี้ยงของราชาแห่งพิษนี่!” ผู้อาวุโสสูงสุดเบิกตากว้างกล่าวขึ้น
“ราชาแห่งพิษจะต้องอยู่ใกล้ ๆ นี่แน่ ข้าจะฆ่าเจ้าบ้านั่น”
“เรารีบไปหากันเถอะ”
มู่เฉียนซี “ช้าก่อน! ในตอนนี้ยังไม่สามารถที่จะฆ่าราชาแห่งพิษได้ พวกท่านใจเย็น ๆ ก่อนสิ”
“ฆ่าไม่ได้ ? เหตุใดเล่าถึงฆ่าไม่ได้ ?”
“ราชาแห่งพิษใช้วิธีการเช่นนั้นตามหาตัวอาจารย์ใหญ่และคงจะมีโอกาสสำเร็จอยู่มาก แต่ในตอนนี้พวกเราหาตัวอาจารย์ใหญ่ไม่พบ ก็ให้ราชาแห่งพิษช่วยเราหาก็ดีต่อพวกเราด้วย เมื่อถึงตอนนั้นก็จะเป็นดั่งเช่นตั๊กแตนตำข้าวรอจับจักจั่น นกกระจอกรอโฉบอยู่ภายหลังยังไงล่ะ” มู่เฉียนซียกยิ้มมุมปากอย่างผู้เหนือกว่า
“หืม ก็จริง เรายังสามารถทำเช่นนี้ได้”
“แต่ว่า… ถ้าหากอาจารย์ใหญ่ต้องพิษของราชาแห่งพิษเข้าล่ะจะทำเช่นไร ? นอกจากอาจารย์ใหญ่แล้วไม่มีผู้ใดที่สามารถถอนพิษของราชาแห่งพิษได้”
มู่เฉียนซีเอ่ยขึ้น “มิใช่ว่ายังมีข้าอยู่รึ ? ข้าซะอย่าง หากราชาแห่งพิษใช้พิษ ข้าก็น่าจะมีวิธีแก้มัน”
“ก็ถูกต้องตามที่เจ้าว่า ในตอนนี้พวกเราคงทำได้เพียงแต่ฟังเจ้า เช่นนั้นก็รอก่อนแล้วกัน”
พวกเขาลอบตามสัตว์เลี้ยงของราชาแห่งพิษไป และได้เห็นว่าเจ้าพวกสัตว์พิษเหล่านั้นไปล้อมจวนเก่าผุพังแห่งหนึ่งไว้ แต่แปลกประหลาดนัก พวกเขากลับรู้สึกอย่างชัดเจนว่าจวนแห่งนี้ไม่มีใครอยู่เลยแม้แต่ผู้เดียว
แล้วพวกตะขาบมันพากันมาล้อมทำไม ?
อึดใจต่อมา เงาร่างสีดำเงาหนึ่งกระโจนลงมายังตรงกลางจวน ก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยเสียงแหบแห้ง
“แค่ก ๆ ๆ เจ้าเฒ่าหวงฝู่ เจ้ามาหลบอยู่ที่นี่นี่เอง ในที่สุดข้าก็หาเจ้าพบแล้ว หึ ๆ ๆ ๆ ๆ”
ไม่มีใครอยู่ในที่แห่งนั้น ทว่าราชาแห่งพิษมั่นใจเป็นอย่างมากว่าอาจารย์ใหญ่หวงฝู่อยู่ในนั้น
ตะขาบตัวนั้นไปตรวจหาทุกซอกทุกมุมของจวน ครู่ต่อมาสิ่งที่น่าประหลาดใจก็เกิดขึ้นอีกครั้ง มันไปเดินวนอยู่ที่ใต้โต๊ะตัวหนึ่งอย่างไม่รู้จบ ราชาแห่งพิษยิ้มเยาะทันที เขากล่าวขึ้นอย่างพึงพอใจ “ฮ่า ๆ ๆ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง ฉลาดจริง ๆ”
“ที่นี่มีกลไกอยู่”
— แกรก! แกรก! —
เมื่อหากลไกลเจอ เขาจึงเปิดมันออกอย่างรวดเร็ว ข้างในนั้นมีช่องว่างปรากฏให้เห็น
เมื่อราชาแห่งพิษเดินลงไปก็ได้พบกับอาจารย์ใหญ่หวงฝู่ที่กำลังหลับตาปรับลมหายใจอยู่ลำพัง เขาอยู่ในสถานะของเต่าจำศีล ทว่าเป็นเพราะมีผู้บุกเข้ามาในที่แห่งนี้ อาจารย์ใหญ่จึงได้ลืมตาขึ้นมามองไปยังผู้ที่อยู่ตรงหน้าก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเย็น “เจ้านั่นเอง ไม่เจอกันนานเลยนะราชาแห่งพิษ”
ราชาแห่งพิษกล่าว “เจ้าเฒ่าหวงฝู่ ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะได้รับบาดเจ็บหนักเช่นนี้ แต่วันนี้เจ้าไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไปแล้ว เพราะเจ้าจะต้องตายวันนี้แหละ”
เวลานี้อาจารย์ใหญ่หวงฝู่ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะยืนขึ้นมา เมื่อต้องเผชิญหน้ากับราชาแห่งพิษที่หมายจะฆ่าเขาให้ตาย สีหน้าของเขาก็ยิ่งซีดเผือดลงไปอีก
“เจ้าจะฆ่าก็ลงมือเลยสิ รออะไรล่ะ ?” อาจารย์ใหญ่หวงฝู่ท้าทาย
ตะขาบจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งตรงไปทางอาจารย์ใหญ่หวงฝู่
ในตอนนี้เอง เสียงตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยวเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมา “ราชาแห่งพิษ เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ! เจ้ากล้าทำอะไรอาจารย์ใหญ่ก็ลองดูสิว่าผลที่ตามมาจะเป็นยังไง!”
— ปัง! —
การโจมตีจากทั้งห้าคนถูกอัดเข้าไป ในสถานที่เล็กและแคบเช่นนี้ ราชาแห่งพิษมิอาจที่จะหลบไปไหนได้ทัน
เขาได้รับบาดเจ็บแล้ว!
ทว่าในตอนนี้เอง ตะขาบตัวหนึ่งขึ้นไปเกาะบนคอของอาจารย์ใหญ่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทันทีที่เห็นเช่นนั้นราชาแห่งพิษจึงกล่าวขึ้นด้วยเสียงชั่วร้ายเย็นชา “หึ! พวกเจ้าทั้งห้าหาที่แห่งนี้พบได้เพราะตะขาบของข้าล่ะสิ ดูเหมือนว่าช่วงนี้พวกเจ้าจะฉลาดขึ้นไม่น้อย แต่อาจารย์ใหญ่ของพวกเจ้านั้นต้องพิษร้ายของข้าเข้าแล้ว หากอยากให้เขามีชีวิตรอด ทางที่ดีปล่อยข้าออกไปซะ”
ผู้อาวุโสทั้งห้ารีบกล่าวขึ้น “ได้ เจ้าออกไปซะสิ”
พวกเขายืนกันท่าอยู่ที่ด้านหน้าของอาจารย์ใหญ่
อาจารย์ใหญ่หวงฝู่กล่าวขึ้น “พวกเจ้าเหล่าผู้อาวุโสทั้งหลาย สิ่งที่ราชาแห่งพิษกล่าวมา พวกเจ้าก็ยังจะไปเชื่อเขาอีก”
ราชาแห่งพิษหัวเราะลั่น “ฮ่า ๆ ๆ เช่นนั้นข้าไปล่ะ ส่วนยาแก้พิษนั้นไม่มีให้หรอก พวกเจ้ารอเก็บศพอาจารย์ใหญ่หวงฝู่ของพวกเจ้าได้เลย”
ราชาแห่งพิษพุ่งออกไปจากทางออก เขามิได้เห็นสายตาอันเป็นหนึ่งเดียวกันของผู้อาวุโสทั้งห้าเลยแม้แต่น้อย
ช่างไร้เดียงสาเสียจริง หนีไปได้ก็แปลกแล้ว
“อาจารย์ใหญ่ทำใจดี ๆ ไว้ พวกเราจะประคองท่านออกไปขอรับ” ผู้อาวุโสสูงสุดรีบกล่าว
ขณะเดียวกัน เงาร่างสีแดงทึบทึมเงาหนึ่งโฉบเข้ามาขวางทางราชาแห่งพิษเอาไว้ ฉับพลันลมพายุสายหนึ่งก็เข้ามาห่อหุ้มร่างของเขาเอาไว้เช่นกัน
“อ๊ากกกก!”
ราชาแห่งพิษร้องโหยหวน เมื่อต้องเผชิญกับคู่ต่อสู้ที่มีพลังความสามารถสูงกว่าตนเป็นอย่างมาก เขาไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะตอบโต้
“บัดซบ! สำนักศึกษาซวนเสียมียอดฝีมือที่แข็งแกร่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน ?” เขาสบถออกมาอย่างหัวเสีย
.
.
.