พ่ายแพ้! สำหรับซวนอี้นั้นไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน
เขาเป็นตำนานที่ไม่เคยพ่ายแพ้ของสำนักศึกษาซวนเสีย ครองอันดับหนึ่งตลอดกาล
ถึงแม้ว่ามู่เฉียนซีจะใช้เวลาไม่ถึงสามเดือนพรวดขึ้นมาถึงชั้นเจ็ดทำให้เป็นที่อกสั่นขวัญหายไปทั่ว แต่เขาก็รู้ดีว่านางมีความแข็งแกร่งแค่ไหน
ก็แค่จักรพรรดิแห่งภูตระดับสอง
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้ ถึงตอนนั้นแล้วศิษย์พี่ซวนอี้อย่าได้เสียใจทีหลังหล่ะ!”
“ข้าไม่ใช่คนพูดจากลับกลอกไปมา และข้าก็ไม่ยอมให้ผู้หญิงเจ้าเล่ห์เช่นเจ้ากลับกลอกคืนคำด้วย!” ซวนอี้กล่าวเสียงขรึม
หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันเสร็จสิ้น การประลองก็ได้เริ่มขึ้น
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทั้งสองได้ต่อสู้กัน ดังนั้นซวนอี้ไม่มีทางดูเบาศัตรูแน่นอน
ความเร็วของทั้งสองนั้นรวดเร็วมาก ในขณะที่ปะทะกันนั้นทุกคนต่างก็ตาลายไปหมด
“นานมากแล้วที่ไม่ได้เห็นผู้ใดสามารถต่อสู้กับศิษย์พี่ซวนอี้ได้อย่างตื่นตาตื่นใจเช่นนี้!”
“นั่นหน่ะสิ ปกติไม่ว่าใครที่ต่อสู้กับศิษย์พี่ซวนอี้ก็ล้วนแต่ถูกฆ่าภายในชั่วพริบตาเดียวทั้งนั้น”
รับมือกับซวนอี้ มู่เฉียนซีรู้ดีว่าการจะได้รับชัยชนะมานั้นมันไม่ง่ายเลย
นางไม่ยอมพ่ายแพ้ไปอย่างง่ายดายเด็ดขาด และจะพยายามอย่างสุดกำลังความสามารถในการประลองครั้งนี้
“ทักษะเทียนซวน!”
เผชิญหน้ากับการโจมตีอันทรงพลังเช่นนี้ ซวนอี้ก็เปิดตาข่ายกระบี่มาสกัดกั้นเอาไว้
ในขณะที่สกัดกั้นนั้น ตาข่ายกระบี่พลันเปลี่ยนเป็นตาข่ายที่แหลมคมขึ้นพุ่งไปทางมู่เฉียนซี
“แย่แล้ว!” สีหน้าของมู่เฉียนซีพลันเปลี่ยนไปทันที พลังธาตุวารีก็พุ่งออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“โล่มังกรวารี!”
ตูม ตูม ตูม!
โล่มังกรวารีนั้นมิอาจต้านทานพลังการโจมตีของซวนอี้ได้ เจ้าหมอนี่เอาจริงแล้ว แข็งแกร่งว่าคืนนั้นมาก
กลิ่นอายของกระบี่กระโชกเข้ามา ไม่ยอมให้มู่เฉียนซีได้หลบหลีกเลย
ทุกคนต่างสูดลมหายใจเย็นเข้าปอดเฮือกใหญ่ “ศิษย์น้องมู่เฉียนซี คราวนี้ต้องพ่ายแพ้แน่แล้ว!”
“ถึงแม้ว่านางจะเก่งกาจเพียงใด แต่ระดับพลังวิญญาณของนางก็ต่ำเกินไป ห่างชั้นกับศิษย์พี่ซวนอี้มากนัก ศิษย์พี่ซวนอี้เป็นถึงจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ดเชียวนะ!”
กลิ่นอายของกระบี่นั้นตัดเส้นผมของนาง และกระทบใบหน้านาง ทิ้งร่องรอยตื้นเล็กน้อยเอาไว้ ทว่า มู่เฉียนซีตอนนี้กลับสงบอย่างน่าแปลกประหลาด
ทันใดนั้นเอง ทุกคนต่างก็รับรู้ได้ว่าอากาศทั่วทั้งลานประลองพลันเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกขึ้น
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “โล่วิญญาณน้ำแข็ง!”
ภายในชั่วพริบตาเดียวบริเวณรอบตัวมู่เฉียนซีก็ก่อตัวเป็นชั้นน้ำแข็งอันเย็นยะเยือกขึ้น!
แกร๊ง แกร๊ง แกร๊ง! กลิ่นอายกระบี่ของซวนอี้ถูกชั้นน้ำแข็งนี้สกัดกั้นไว้ได้แล้ว
“มู่เฉียนซีเป็นจอมภูตพลังธาตุวารี สามารถเปลี่ยนน้ำเป็นน้ำแข็งได้ ด้วยโล่น้ำแข็งนี้ นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าจะสกัดกั้นการโจมตีนี้ของศิษย์พี่ซวนอี้ได้”
“ถึงแม้จะทำให้น้ำก่อตัวเป็นน้ำแข็งได้ แต่พลังความแข็งแกร่งของศิษย์พี่ซวนอี้ก็สูงกว่านางมาก มู่เฉียนซีจะรับมือได้เช่นไร!”
“ในสถานการณ์ที่พลังวิญญาณห่างชั้นกันมากเช่นนี้ ถ้าหากทักษะวิญญาณแข็งแกร่งพอก็ใช่ว่าจะต้านทานไว้ไม่ได้ ทักษะวิญญาณการป้องกันนี้ ไม่รู้ว่าเป็นทักษะวิญญาณระดับใด!”
“ไม่ใช่ระดับต่ำแน่ ๆ! มิเช่นจะสกัดกั้นการโจมตีที่ห่างชั้นกันถึงห้าขั้นได้อย่างไรเล่า”
การโจมตีของตนเองถูกมู่เฉียนซีสกัดกั้นเอาไว้ได้แล้ว นี่เป็นสิ่งที่ทำให้ซวนอี้ประหลาดใจเป็นอย่างมาก
มุมปากของมู่เฉียนซียกยิ้มขึ้น หลังจากที่ได้พบกับการโจมตีนี้ของซวนอี้ เดิมทีนางคิดว่าโอกาสชนะนั้นมีน้อยมาก นึกไม่ถึงว่าสถานการณ์จะพลิกผันได้เช่นนี้ นางได้เรียนรู้ทักษะวิญญาณการป้องกันของแหวนมังกรเทพวารีอีกครั้งแล้ว
มู่เฉียนซีลูบไล้แหวนมังกรสีฟ้านั้นที่อยู่บนนิ้วมือ “มังกรวารี ขอบใจเจ้ามาก!”
“การต่อสู้สนามนี้ ถึงแม้ว่าซวนอี้จะแข็งแกร่งมากเพียงใด ข้าก็ไม่ยอมแพ้เด็ดขาด!”
โล่วิญญาณน้ำแข็งถูกยกขึ้น ร่างของมู่เฉียนซีเคลื่อนไหวออกไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด
“ทักษะเทียนซวน!”
“กระบี่พันเงาสังหาร!”
ปัง ปัง ปัง!
ทั้งสองได้ปะทะกับอีกครั้ง ทักษะวิญญาณอันทรงพลังได้ปะทะกันกลางอากาศ
ทางด้านพลังวิญญาณนั้นซวนอี้มีความได้เปรียบ แต่เขากลับทำร้ายมู่เฉียนซีที่อยู่ภายใต้การป้องกันของชั้นน้ำแข็งนั้นไม่ได้เลย
มู่เฉียนซีใช้โล่วิญญาณน้ำแข็งบ่อยจนทำให้ทุกคนต่างก็หมดคำพูดแล้ว “ทักษะวิญญาณที่แข็งแกร่งเช่นนี้ อีกทั้งยังใช้หลายครั้งหลายคราเช่นนี้อีก นางยังเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่ ?”
“ต่อให้กินยาวิญญาณเข้าไปก็ไม่อาจอดทนได้นานถึงเพียงนี้กระมัง!”
เม็ดยาวิญญาณที่มู่เฉียนซีใช้นั้นล้วนแต่เป็นยาระดับสูง และมีความบริสุทธิ์มาก แน่นอนว่าต้องยืนหยัดอยู่ได้นานพอสมควร
สีหน้าของซวนอี้ยิ่งเคร่งขรึมมากขึ้นเรื่อย ๆ หญิงสาวผู้นี้เจ้าเล่ห์กว่าที่จินตนาการเอาไว้มาก
จะปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้ มิเช่นนั้นพลังวิญญาณของตนเองก็จะหมดลง หญิงสาวผู้นี้ก็คงจะฉวยโอกาสอีกครั้ง
“คิดจริง ๆ เหรอว่าการป้องกันของเจ้า ข้าจะทำลายมันไม่ได้ ?”
กลิ่นอายกระบี่รายล้อมไปทั่วทั้งลานประลอง ครั้งนี้ซวนอี้คิดจะใช้กระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุด
“หนึ่งกระบี่สะท้านสวรรค์!”
ภายในชั่วพริบตา กลิ่นอายกระบี่ทั้งหมดได้รวมตัวเข้าด้วยกัน มู่เฉียนซีรับรู้ได้ว่าชั้นน้ำแข็งโดยรอบได้ปรากฏรอยแตกร้าวขึ้นแล้ว!
อันตราย!
สีหน้าของมู่เฉียนซีเคร่งขรึมลง ในขณะที่กลิ่นอายกระบี่พุ่งเข้ามาที่จุดหนึ่ง มู่เฉียนซีจึงใช้พลังจิตตรึงรอยแตกนั้นเอาไว้
เพล้ง!
ผลที่ตามมาก็คือเกราะป้องกันชั้นน้ำแข็งของมู่เฉียนซีได้แตกออก มู่เฉียนซีรีบเคลื่อนไหวด้วยก้าวเท้าเงาเทวาเพื่อหลบหลีกอย่างรวดเร็ว
ฉึก!
การหลบหลีกยังไม่เร็วพอ เสื้อผ้าฉีกขาด เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากแขน
มู่เฉียนซีกระโดดขึ้นกลางอากาศ กระบี่มังกรเพลิงถูกชักออกมาจากฝัก
“มาอีกแล้ว มู่เฉียนซีจะใช้กระบวนท่านั้นแล้ว!”
“กระบี่เล่มนี้จะหักอีกครั้งแล้ว!”
“มู่เฉียนซีคงจะเป็นนักเรียนที่เปลี่ยนกระบี่บ่อยที่สุดในสำนักศึกษาเราแล้วหล่ะ”
“มังกรเพลิงสังหาร” มู่เฉียนซีค่อย ๆ พ่นคำห้าคำออกมา
กระบวนท่านี้อีกแล้ว!
คราที่แล้วซวนอี้เสียเปรียบไปครั้งหนึ่งแล้ว ครานี้จะไม่ยอมเสียเปรียบเป็นครั้งที่สองแน่นอน!
เขาชักกระบี่ยาวสีเงินออกมา คมกระบี่ตัดผ่านอากาศ กิเลนสีเงินขนาดใหญ่ตัวหนึ่งพุ่งเข้าหามังกรเพลิงนั้น!
ปัง ปัง ปัง!
เคร้ง!
การปะทะกันครั้งนี้ แม้แต่ลานประลองก็รับไม่ไหวแล้ว
พวกเขาทั้งสองถอยหลังไปที่ขอบลานประลอง เมื่อคงที่แล้วจึงร่นตัวลงมาบนลานประลอง
แกร๊ง! กระบี่มังกรเพลิงหักลงอีกครั้ง
ร่างของมู่เฉียนซีเคลื่อนไหวไปอีกครั้ง “ทักษะเทียนซวน!’
ตูม ตูม ตูม!
ระหว่างสายฟ้ากับเปลวเพลิง พวกเขาสู้รบตบมือกันไม่รู้กี่กระบวนท่าต่อกี่กระบวนท่า
นานมากแล้วที่ไม่ได้สัมผัสกับการต่อสู้ที่ดุเดือดเช่นนี้ ซวนอี้ยิ่งเคร่งขรึมลงไปเรื่อย ๆ
เมื่อเห็นสองคนนี้แล้ว ทุกคนก็อดที่จะทอดถอนใจไม่ได้ “บ้าไปแล้ว!”
“แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”
ในขณะที่ทั้งสองได้หยุดการเคลื่อนไหวลง ทุกคนก็ได้เห็นกระบี่ยาวสีเงินทาบอยู่ตรงคอมู่เฉียนซีแล้ว
ทุกคนต่างก็อุทานขึ้น “มู่เฉียนซีแพ้แล้ว!”
“ศิษย์พี่ซวนอี้เก่งกาจอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด!”
“มู่เฉียนซีผู้ที่ไม่เคยพ่ายแพ้ในตำนาน ในที่สุดก็ถูกศิษย์พี่ซวนอี้สยบจนได้”
“แปลกมาก! ใบหน้าของศิษย์พี่ซวนอี้มีบางอย่างที่ผิดปกติ!” ในตอนนี้เองมีคนผู้หนึ่งกล่าวขึ้นมา
ใบหน้าของซวนอี้ซีดเผือด ริมฝีปากก็ดำคล้ำ
บนแขนของเขาตอนนี้มีเข็มยาขนาดเล็กกว่าเส้นขนปักอยู่เข็มหนึ่ง
เขาโดนพิษของมู่เฉียนซีเข้าแล้ว!
ซวนอี้ขยับริมฝีปาก และกล่าวว่า “ข้า…แพ้…”
ทว่า มู่เฉียนซีกลับกล่าวแทรกขึ้นมาก่อนว่า “ผู้ตัดสิน นับว่าเสมอกันเป็นเช่นไร ?”
“ได้! เสมอกัน!” ผู้ตัดสินกล่าว
“เจ้า…” ซวนอี้มองมู่เฉียนซีด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเหตุใดนางถึงกล่าวเช่นนี้
ยังกล่าวไม่ทันจบ ซวนอี้ก็หมดสติล้มลงไปก่อนแล้ว
ทุกคนต่างก็อุทานขึ้นด้วยความตกใจว่า “ศิษย์พี่ซวนอี้หมดสติล้มลงไปแล้ว ถึงแม้ว่าเมื่อครู่กระบี่ของเขาจะจ่ออยู่ที่คอมู่เฉียนซี แต่เกรงว่าเขาคงไม่มีแรงจะทำร้ายมู่เฉียนซีได้แล้ว”
“หรือจะพูดอีกอย่างว่า อันที่จริงแล้วมู่เฉียนซีมีแนวโน้มที่จะชนะมากกว่า!”
“แต่มู่เฉียนซีกลับบอกกับผู้ตัดสินว่าให้เสมอกัน นางคงจะไม่ชอบคอศิษย์พี่ซวนอี้เข้าแล้วกระมัง ก็เลยตัดสินให้เสมอกันเช่นนี้!”